บทที่ 154 คิดอยากจะตาย

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 154 คิดอยากจะตาย

เจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เธอตั้งท้องถวนจื่อ ตอนนั้นตัวเองลำบากอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครให้พึ่งพา แต่ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อมีลี่จุนถิงคอยรักและดูแลเอาใจใส่อย่างดี

ทุกการกระทำของลี่จุนถิง ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก ความรู้สึกที่มีคนคอยประคบประหงมดูแลนี่ช่างวิเศษเหลือเกิน

และตอนนี้ลี่จุนถิงก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อตั้งท้องแล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว

ลี่จุนถิงอยากรีบจัดงานแต่งงาน ดังนั้น วันถัดมาก็ได้สั่งให้คนเริ่มเตรียมงานแล้ว

เขาจะต้องจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดในโลกให้กับเจียงหยุนเอ๋อ

ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของลี่จุนถิงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เมื่อได้ข่าวเรื่องนี้ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็รีบมาทันที

“แม่ ทำไมมาถึงนี่ได้ล่ะ?” ลี่จุนถิงเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยมาหา ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

โม่เสี่ยวฮุ่ยเหลือบตามองลูกชายของตัวเอง : “ทำไม? ไม่อยากให้แม่มาเหรอ?”

ลี่จุนถิงทำงานที่อยู่ในมือต่อ : “แม่จะมา ผมจะไม่ต้อนรับได้ยังไงล่ะ”

ลี่จุนถิงไม่ใช่ไม่ชอบให้โม่เสี่ยวฮุ่ยมาหา เพียงแต่เมื่อโม่เสี่ยวฮุ่ยมา ก็จะชอบชักสีหน้าใส่เจียงหยุนเอ๋อ

สุขภาพร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อเพิ่งจะฟื้นตัวเล็กน้อย เขาไม่อยากให้เจียงหยุนเอ๋อมีเรื่องอะไรมากระทบจิตใจ

โม่เสี่ยวฮุ่ยหาที่นั่ง คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยปากพูด : “ได้ยินมาว่า แกจะจัดงานแต่งงานเหรอ?”

“ครับ”

“กับผู้หญิงคนนั้น?”

“ครับ”

โม่เสี่ยวฮุ่ยรีบพูดเสียงสูง : “ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”

ลี่จุนถิงเงยหน้ามองโม่เสี่ยวฮุ่ย ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“จุนถิง ลูกตัดใจเรื่องแต่งงานเสียเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม แม่ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านเด็ดขาด” ครั้งนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่มีท่าทีใจดีเหมือนครั้งก่อนแล้ว ถึงขนาดพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง

ลี่จุนถิงได้แต่จัดการเรื่องของตัวเองไป ไม่ได้สนใจโม่เสี่ยวฮุ่ยเลยสักนิด

“จุนถิง แม่หวังดีกับลูกนะ แม่สามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ให้ลูกได้” โม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นลี่จุนถิงไม่สนใจตัวเอง เลยมีท่าทีอ่อนลง เปลี่ยนเป็นพูดโน้มน้าวแทน

ลี่จุนถิงวางของที่อยู่ในมือลง สบตากับโม่เสี่ยวฮุ่ย : “แม่ครับ นี่เป็นผู้หญิงที่ต้องอยู่เคียงข้างผมไปชั่วชีวิต ผมต้องเป็นคนเลือกเองสิ ไม่ใช่พ่อแม่”

“แต่เธอเป็นผู้หญิงที่มีลูกติดนะ” โม่เสี่ยวฮุ่ยรับเรื่องนี้ไม่ได้ที่สุด

ลี่จุนถิงรู้สึกว่าตัวเองยากที่จะเจรจากับโม่เสี่ยวฮุ่ยแล้ว : “แม่ กลับไปเถอะครับ ชีวิตนี้นอกจากเจียงหยุนเอ๋อแล้วผมไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น”

โม่เสี่ยวฮุ่ยอยากจะเอ่ยปากพูด แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น

ไม่ว่ายังไงเธอก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี ลูกชายคนนี้บางครั้งก็นิสัยเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด

โม่เสี่ยวฮุ่ยจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตัดสินใจกลับบ้านไปปรึกษากับลี่เจี้ยนหวาเพื่อหาทางรับมือกับเรื่องนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอไม่มีทางยอมรับเจียงหยุนเอ๋อคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด

ส่วนเรื่องงานแต่งงานของลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อจะดำเนินการต่อไปได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรู้ได้

โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดไปพลางกดโทรศัพท์โทรออกพลาง : “เจี้ยนหวาอ่ะ”

“อืม ด้านนั้นเธอพูดเป็นยังไงบ้าง?”

โม่เสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจ : “เฮ้อ ลูกชายคนนั้นของคุณดื้อรั้นเหมือนวัว ฉันพูดอะไรก็ไม่ฟัง คุณว่าจะทำยังไงดีล่ะ ยังไงก็แล้วแต่ ฉันไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด”

ตอนที่โม่เสี่ยวฮุ่ยออกไปนั้น ลี่เจี้ยนหวาก็ได้คิดแผนการไว้แล้ว : “ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาไม่ฟัง งั้นก็ไปรับพี่สาวเขากลับมา จุนถิงเชื่อฟังพี่สาวเขามาตั้งแต่เล็ก จากนั้นพวกเราก็ค่อยรับทานปู่กลับมา มีทั้งสองคนอยู่ ฉันไม่เชื่อว่าจุนถิงยังจะดื้อดึงต่อไปอีก”

“ดีดีดี” โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้สึกโล่งใจขึ้น

ด้านส้งหวั่นหวั่นเมื่อเธอได้ยินเรื่องที่ลี่จุนถิงจะจัดงานแต่งใหญ่โตนั้น แทบจะเป็นบ้าไปเลยทีเดียว

“ฉันทำได้ ฉันไม่ยอมให้เจียงหยุนเอ๋อเข้าบ้านตระกูลลี่เด็ดขาด ลี่จุนถิงต้องเป็นของฉันเท่านั้น ตำแหน่งคุณนายตระกูลลี่ต้องเป็นของฉัน” ส้งหวั่นหวั่นตะโกนดังลั่น

ในใจคิดแผนการขึ้นมาได้ ส้งหวั่นหวั่นก็เริ่มลงมือทันที

ส้งหวั่นหวั่นหาคนรับใช้ของบ้านตระกูลลี่มาได้ แอบนัดออกมาพบที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

“คุณหนูส้ง นี่คุณ……” คนรับใช้ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ ส้งหวั่นหวั่นถึงได้นัดตัวเองออกมาพบอย่างนี้

“ป้าจาง อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป วันนี้ที่ฉันเรียกเธอออกมาก็เพราะอยากคุยกับเธอสักหน่อย” ส้งหวั่นหวั่นพูดพลางดันแก้วนมยื่นไปตรงหน้าป้าจาง “ไม่รู้ว่าเธอชอบดื่มอะไร เลยสั่งนมให้เธอ”

ป้าจางเป็นคนรับใช้ในบ้านตระกูลลี่ที่มีประสบการณ์มาก ทำงานรับใช้ตระกูลลี่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

อีกทั้งสามีของป้าจางก็เป็นคนงานของตระกูลลี่อยู่นอกคฤหาสน์ หน้าที่หลักคือดูแลตกแต่งสวนดอกไม้

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ” ป้าจางโค้งคำนับขอบคุณอย่างถ่อมตัว

เธอจำส้งหวั่นหวั่นได้ เธอรู้ว่าส้งหวั่นหวั่นชอบคุณชายของตัวเอง แต่ตอนนี้มีคุณผู้หญิงแล้ว เธอเกรงว่าความหวังคงพังทลายเสียแล้ว

แต่ส้งหวั่นหวั่นอยู่ ๆ ก็เรียกตัวเองออกมาอย่างนี้ ต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน ในใจป้าจางยิ่งรู้สึกว้าวุ่นขึ้นไปอีก

“ป้าจาง” ส้งหวั่นหวั่นพูดพลางเอามือของตัวเองมาทาบบนมือของป้าจาง “ฉันแค่อยากพูดคุยกับเธอจริง ๆ”

ส้งหวั่นหวั่นเริ่มพูดคุยเรื่องสัพเพเหระภายในบ้านกับป้าจาง

ป้าจางรู้สึกว่าส้งหวั่นหวั่นไม่ได้มีอะไรแอบแฝงจริง ๆ ก็รู้สึกวางใจ รู้สึกผ่อนคลายกว่าตอนแรก

“อ้อใช่แล้ว ป้าจาง ฉันคิดขึ้นมาได้ เธอมีลูกชายคนหนึ่งใช่ไหม?” ส้งหวั่นหวั่นรู้สึกคุยพอประมาณแล้ว ตัวเองจึงเริ่มเข้าประเด็นได้แล้ว

เมื่อป้าจางได้ยินว่าลูกชายของตัวเอง ก็ตัวสั่นระริกขึ้นมาทันที

“ได้ยินมาว่าลูกชายของเธอยังอยู่ในสถานีตำรวจเหรอ?”

ป้าจางพยักหน้า

ส้งหวั่นหวั่นสืบมาแล้ว ว่าลูกชายของป้าจางก่อนหน้านี้มีปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาท เลยถูกส่งเข้าไปในสถานีตำรวจ อยู่ด้านในค่อนข้างลำบากทีเดียว

“คิดถึงลูกชายมากใช่หรือเปล่า?” เพราะส้งหวั่นหวั่นรู้เรื่องนี้จึงได้มาหาป้าจาง

ป้าจางพยักหน้า ตอนนี้ดวงตาเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมา : “ลูกคนนั้นมันไม่รู้จักโต โธ่เอ้ย ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไร้ประโยชน์ แต่ฉันนี่……”

ป้าจางไม่สามารถพูดความทุกข์ใจของตัวเองออกมาได้

“เธออยากให้เขาออกมาไหม?”

ป้าจางพยักหน้าทันที : “อยากแน่นอน ครอบครัวฉันก็มีทายาทแค่คนเดียว ก็ยังหวังให้เขาได้สืบสกุลต่อไป”

เพราะครอบครัวมีลูกชายเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงรักและตามใจลูกชายของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้รู้ว่าลูกถูกจับไปสถานีตำรวจ ก็คิดอยากจะตายขึ้นมา

“ป้าจาง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเรามาทำข้อตกลงกันเถอะ” ส้งหวั่นหวั่นยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยพูด

“ข้อตกลงอะไร?” ป้าจางเหมือนมีความหวังขึ้นมา

“ถ้าหากเธอยอมช่วยฉันเรื่องหนึ่ง ฉันรับประกันว่าลูกชายของเธอที่อยู่ในคุกไม่มีทางลำบากแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ถูกคนอื่นซ้อม ใช้ชีวิตได้อย่างสบายขึ้นมาหน่อย”

เมื่อป้าจางได้ฟัง ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก

เธอก็รู้ว่าฐานะของส้งหวั่นหวั่นเป็นยังไง เพียงแค่เธอพูด คนในสถานีตำรวจต้องดูแลลูกชายเธอเป็นอย่างดีแน่นอน ถึงแม้จะไม่ได้ออกมา แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายขึ้นมาได้บ้าง

“ตกลงค่ะ” ป้าจางพยักหน้า

ส้งหวั่นหวั่นกวักมือเรียกป้าจางให้เอาหูเข้ามาใกล้ ๆ

ป้าจางยื่นหูตัวเองเข้าไปหา ส้งหวั่นหวั่นแอบกระซิบอะไรอยู่ข้างหูของป้าจาง