บทที่ 156 ทำให้รู้สึกขยะแขยง
ผู้ช่วยตบหน้าอกตัวเอง : “วางใจเถอะ มอบหมายให้ฉัน ฉันจะจัดการให้คุณอย่างดีเยี่ยมเลย”
“อืม เธอทำงานฉันวางใจ” เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า
ถึงแม้การรับสมัครผู้ช่วยพวกนี้จะไม่ได้ผ่านมือเจียงหยุนเอ๋อ แต่ทำงานร่วมกันมาระยะเวลาหนึ่ง เธอก็มั่นใจในความสามารถของผู้ช่วยตัวเองมาก
ยิ่งไปกว่านั้น พนักงานของบริษัทแห่งนี้ ล้วนแต่มากความสามารถทั้งนั้น จึงไม่ต้องพูดถึงคนที่ก้าวมาสู่ตำแหน่งผู้ช่วยได้เลยว่าจะเก่งขนาดไหน
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” หลังจากที่ผู้ช่วยพูดจบก็กลับไป
ผู้ช่วยกลับออกไปได้ไม่นาน ป้าจางก็เปิดประตูเข้ามา
“ป้าจาง” เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าเรียกป้าจาง
ป้าจางก้มหน้าด้วยความเคารพ : “คุณผู้หญิง นี่เป็นรังนกค่ะ ตั้งใจเอามาให้คุณกินบำรุง”
ช่วงนี้เจียงหยุนเอ๋อกินของบำรุงจนแทบจะอ้วกแล้ว แต่เมื่อคิดถึงลูกในท้องของตัวเองก็อยากกินขึ้นมา จึงได้ยื่นมือทั้งสองออกไป รับถ้วยจากในมือของป้าจางมา
เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้สงสัยอะไรแม้แต่น้อย อ้าปากกำลังจะดื่มเข้าไป
“คุณผู้หญิงคะ” ป้าจางยังรู้สึกผิดอยู่บ้างกับสิ่งที่ทำ เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กคนหนึ่งสูญเสียไปอย่างนี้
“หืม? ทำไมเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อหยุดเอาไว้ แล้วมองไปยังป้าจาง
ป้าจางยิ้มแล้วส่ายหน้า : “ไม่มีอะไรค่ะ แค่มันร้อนอยู่ คุณค่อย ๆ ทานนะคะ”
ป้าจางไม่ได้เต็มใจทำนัก แต่เมื่อคิดถึงลูกของตัวเองที่ลำบากอยู่ในคุก เธอก็ตัดใจทำลงไป
เจียงหยุนเอ๋อยิ้มหวานออกมา : “อืม ฉันรู้แล้วล่ะ ขอบคุณนะป้าจาง”
เจียงหยุนเอ๋อพูดจบก็เป่าถ้วยไปมา เมื่อเห็นว่าไม่ได้ร้อนอะไรมากมายแล้ว ก็ดื่มเข้าไปจนหมด จากนั้นก็ส่งถ้วยคืนให้กับป้าจาง อีกมือหนึ่งก็ได้วางไว้บนท้องน้อยของตัวเอง
เมื่อนึกถึงทั้งหมดที่ตัวเองกินเข้าไป เพื่อลูกน้อยจะได้สุขภาพแข็งแรง เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกว่าถึงจะลำบากก็คุ้มค่าแล้ว
ป้าจางเห็นเจียงหยุนเอ๋อดื่มจนไม่เหลือสักหยดก็วางใจ
ยังดีที่เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้สงสัยอะไร ไม่รู้เลยสักนิดว่านี่เป็นรังนกที่เจียงเย่เฉิงให้ซูม่านลีเมื่อครั้งก่อน
“งั้นคุณผู้หญิงพักผ่อนนะคะ” ป้าจางพูดจบก็ออกจากห้องไป
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อย จึงคิดจะนอนหลับสักตื่น ตอนนี้เหมือนตอนที่ท้องถวนจื่อไม่มีผิด มักจะอยากนอนอยู่ตลอด
เมื่อถึงตอนค่ำ เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าท้องของตัวเองปวดขึ้นมา ในใจรู้สึกไม่ดี คงไม่ได้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้ง
แต่ความเจ็บปวดนั้นสักพักก็ผ่านไป จากนั้นก็ไม่ได้มีอาการอย่างอื่นอีก เจียงหยุนเอ๋อจึงรู้สึกโล่งใจ คิดว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากเรื่องคราวก่อน จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ณ บริษัทของลี่จีถอง
หลายวันมานี้ลี่จีถองได้อยู่แต่ที่บริษัท ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้เธอเพียงแค่อดทนให้ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็จะผ่านพ้นคืนวันที่แสนลำบากนี้ไปได้แล้ว
และพอดีที่วันนี้ส้งหวั่นหวั่นกับเจียงหนิงเอ๋อได้มาที่บริษัท
“หวั่นหวั่น ทำไมมาได้ล่ะ?” ลี่จีถองไม่ค่อยได้เห็นส้งหวั่นหวั่นกับเจียงหนิงเอ๋อที่บริษัทบ่อยนัก อยู่ ๆ สองคนโผล่มาก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา
“บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย ฉันเลยมาดูสักหน่อย” ส้งหวั่นหวั่นวางกระเป๋าลงข้าง ๆ
“บริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” ลี่จีถองขมวดคิ้ว “ทำไมฉันถึงไม่รู้?”
ตอนนี้บริษัทจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกไม่ได้แล้วนะ ตัวเองตอนนี้ต้องอาศัยบริษัทนี้ใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไป
ส้งหวั่นหวั่นยิ้มแสยะในใจ ผู้หญิงโง่เง่าไร้ประโยชน์อย่างเธอจะไปรู้อะไรล่ะ
แต่ภายนอกก็พูดออกมาอย่างมีมารยาทว่า : “ช่วงนี้จุนถิงกดดันบริษัทของพวกเราอย่างหนักมาก ฉะนั้นฉันเลยมาดูสักหน่อยน่ะ”
“แล้วตอนนี้แก้ปัญหาไปถึงไหนแล้ว?” ลี่จีถองรู้สึกตกใจ
ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้า : “ก็ยังดี อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับพังทลาย”
ลี่จีถองลูบอกตัวเอง : “ยังดี ยังดี”
“ใช่สิ ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทของเจียงหยุนเอ๋อกำลังจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่วางจำหน่าย” ในเมื่อก่อตั้งบริษัทที่ต้องการเป็นคู่แข่งกับเจียงหยุนเอ๋อ ส้งหวั่นหวั่นก็ได้ส่งคนไปจับตามองอยู่ตลอดเวลา
“หืม? เธอมีแผนอะไรแล้วเหรอ?” ลี่จีถองเคยเห็นแววตาแบบนั้นของส้งหวั่นหวั่นหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้ เธอมักจะมีแผนการใหม่ ๆ เสมอ
“คุณป้า ถ้าหากว่าตอนนี้ปล่อยข่าวออกมาว่าเครื่องสำอางของเจียงหยุนเอ๋อขโมยสูตรของคนอื่นมา น้าว่ายังจะมีคนซื้อของพวกเขาอยู่อีกไหม?”
ลี่จีถองกลอกตาไปมา คิดว่าแผนการนี้ของส้งหวั่นหวั่นนั้นยอดเยี่ยมมาก
“ถึงตอนนี้ธุรกิจนี้จะไม่ตกเป็นของเราเหรอ?” ส้งหวั่นหวั่นยิ้มอย่างได้ใจ
“จริงสิ ถึงตอนนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็จะถูกพวกเราเหยียบอยู่ใต้เท้าอีกครั้ง” ลี่จีถองนึกถึงตรงนี้ขึ้นมาก็หัวเราะฮ่าฮ่าออกมาเสียงดัง
เจียงหนิงเอ๋อเพิ่งเคยมาห้องทำงานของลี่จีถองเป็นครั้งแรก จึงเริ่มมองดูไปรอบ ๆ ห้องทำงานของลี่จีถอง
ไม่พูดไม่ได้ ว่าผู้หญิงคนนี้ออกจะโง่ไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็รู้จักใช้ชีวิต
“ใช่แล้ว หนิงเอ๋อ” ส้งหวั่นหวั่นมองไปทางเจียงหนิงเอ๋อ
อดพูดไม่ได้ว่าเธอกับเจียงหนิงเอ๋อนั้นคล้ายกันมาก ทั้งสองคนมีเป้าหมายเหมือน ๆ กัน เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองก็ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม
“หืม”
“ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทเซียวซื่อก็ถูกจุนถิงเพ่งเล็งอยู่บ่อย ๆ เสียหายไปไม่น้อยเลยนี่?” ส้งหวั่นหวั่นเลิกคิ้วถาม
ส้งหวั่นหวั่นเป็นคนทะเยอทะยานมาโดยตลอด ธุรกิจที่เธออยากเข้าร่วม เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเอง
ดังนั้นเธอจึงคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจ รวมไปถึงเรื่องที่ไม่ยอมให้เจียงหยุนเอ๋อเป็นคุณนายของตระกูลลี่ด้วย
“ใช่ ทำไมเหรอ?” เจียงหนิงเอ๋อพยักหน้า
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เจียงหนิงเอ๋อก็รู้สึกไม่ดี
ก่อนหน้านี้เซียวอี้เฟิงค่อนข้างอ่อนโยนกับเจียงหนิงเอ๋อ แต่ช่วงนี้เซียวอี้เฟิงร้อนใจเรื่องบริษัท ทำให้เขาไม่อ่อนโยนต่อเจียงหนิงเอ๋อเลยสักนิด ได้แต่กดขี่ข่มเหงเธอสารพัด
แต่เจียงหนิงเอ๋อก็บ่นอะไรไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกเซียวอี้เฟิงทุบตี
เรื่องพวกนี้แม้แต่แม่ของตัวเอง เจียงหนิงเอ๋อก็ไม่ได้บอกออกไป เรื่องอย่างนี้พูดออกไปก็มีแต่จะขายหน้า เจียงหนิงเอ๋อก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน เธอไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาวิจารณ์เธอได้หรอก
“ฉันจำได้ว่ามีบริษัทเครื่องสำอางที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทเซียวซื่อ พวกเรามาร่วมมือกันกดดันเจียงหยุนเอ๋อดีกว่า ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะวางจำหน่ายในครั้งนี้เปลี่ยนเป็นล้มเหลวจนน่าเวทนา เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
สีหน้าเจียงหนิงเอ๋อที่ตอนแรกไม่แสดงท่าทีอะไร ตอนนี้ค่อย ๆ ยิ้มออกมา : “แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วล่ะ”
เธอไม่อยากเห็นเจียงหยุนเอ๋อมีความสุขประสบความสำเร็จ มันทำให้รู้สึกขยะแขยง
แต่เมื่อคิดถึงอีกเรื่องขึ้นมาก็ขมวดคิ้ว : “แต่ว่าพวกเราต้องทำยังไงถึงจะแอบเปลี่ยนส่วนผสมสูตรทำเครื่องสำอางค์ของพวกเขาได้ล่ะ? เรื่องพวกนี้บริษัทพวกเขาคงเก็บรักษาความลับไว้เป็นอย่างดี?”
ส้งหวั่นหวั่นหัวเราะออกมา : “ฮ่า นี่ยังไม่ง่ายอีกเหรอ?”
ทั้งสามคนได้สุมหัวหารือกันเรื่องขโมยสูตรเครื่องสำอางค์ของเจียงหยุนเอ๋อ
ตอนค่ำ เจียงหยุนเอ๋อเริ่มเก็บของ
พรุ่งนี้ถวนจื่อต้องไปเข้าร่วมการแข่งขันชั่วคราว แต่ลี่จุนถิงไม่ว่าง ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อจึงตัดสินใจไปเป็นเพื่อนถวนจื่อเอง
“ให้คนรับใช้เก็บให้เถอะ เธอยังท้องอยู่นะ ถ้ากระทบกระเทือนถึงเด็กในครรภ์จะทำยังไง?” ลี่จุนถิงมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมของด้วยความเป็นห่วง