ตอนที่ 162 จับป้าหัวขโมยเป็ดอ้วน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 162 จับป้าหัวขโมยเป็ดอ้วน

คุณปู่ฟางซื้อเป็ดไก่ไว้ให้หลินม่ายเอาไปขายไม่ต่างจากวันแรงงาน เธอสามารถเอามันขึ้นรถกลับไปได้ในทันที

หลังจากขนเป็ดไก่ขึ้นรถแทรกเตอร์เสร็จหลินม่ายก็ขับกลับไปที่เมือง

ฟางจั๋วหรานพาคุณปู่คุณย่าฟางนั่งรถไฟเข้าเมืองเพราะเขาไม่อยากให้พวกท่านนั่งรถที่เหม็นกลิ่นเป็ดไก่

หลังสี่โมงเย็นหญิงสาวก็ขับกลับมาถึง

แต่พอคิดว่ากลับไปร้านตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ หญิงสาวจึงได้ตรงไปที่ตลาดมืดเผื่อว่าจะมีคนอยากซื้อพวกมันไปในเวลานี้

ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูร้อน ตลาดมืดจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเช้าตรู่

หลังจากสิบโมง อากาศจะร้อนเกินไป ตลาดเงียบเหงาไปหมดเพราะไม่มีใครมาตั้งแผง

แต่วันนี้กลับมีคนมาตั้งแผงค่อนข้างมาก

พ่อค้าแม่ค้าแข่งขันกันตะโกนขายของอย่างกระตือรือร้น ลูกค้าก็พากันมาที่นี่เพื่อจับจ่ายวัตถุดิบสำหรับช่วงเทศกาล บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ

หลินม่ายแอบชื่นชมตัวเองในใจที่เลือกมาถูกวัน

และเหมือนกับทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาสนใจทันทีที่เธอตั้งร้านเสร็จ

ยิ่งเมื่อเวลาเลิกงานมาถึง ลูกค้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเป็นสองเท่า จนดูคับคั่งไปด้วยผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ

งานของหลินม่ายเริ่มล้นมือจนเธอคิดว่าอาจจะทำคนเดียวไม่ไหว

มีป้าคนหนึ่งเลือกเป็ดอ้วนตัวใหญ่มารอชั่งน้ำหนักและคิดเงิน

หล่อนเห็นว่ามีลูกค้าจำนวนมากกำลังรุมล้อมแม่ค้าสาวเพื่อชั่งน้ำหนัก และดูยุ่งมากเกินกว่าจะหันมาสนใจเธอ

หล่อนจึงรีบยัดเป็ดตัวใหญ่เข้าไปในตะกร้าแล้วเดินหนีไป

หลังจากสับเท้าวิ่งมาจนสุดทางไม่เห็นว่าหลินม่ายตามมาจึงได้ใจ และรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ดีของหล่อนแล้ว

แต่ความสุขนั้นก็อยู่ได้เพียงสามวินาทีเท่านั้น เมื่อเห็นว่ามีอันธพาลสี่คนมายืนล้อมไว้

ป้าคนนั้นคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกปล้นก็ตกใจจนพูดติดอ่าง “พวก…พวกแก…จะทำอะไร…ฉัน…ฉันไม่มีเงิน”

“ไม่มีเงินเลยขโมยเป็ดตัวใหญ่ของคนอื่นมาหน้าตาเฉยแบบนี้สินะ”

ปากของเฉินเฟิงที่กำลังเคี้ยวต้นหญ้าแห้งเอ่ยออกมา เขาเดินตรงไปที่ป้าด้วยท่าทางเอาเรื่อง

ท่าทีคุกคามของเขาทำเอาป้าหัวขโมยกลัวจนฉี่จะราด

หล่อนส่ายหน้าแล้วตอบปฏิเสธ “ฉัน…ฉันเปล่า”

มือของหล่อนเอื้อมไปบังที่ปากตะกร้าโดยอัตโนมัติ กลัวว่าเจ้าเป็ดตัวใหญ่ในนั้นจะถูกเห็นเข้า

แต่เป็ดอ้วนไม่ได้ให้ความร่วมมือ เมื่อมันคิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงส่งเสียงก้าบๆ ออกมา

สายตาทั้งหมดจดจ้องมาที่หล่อนอย่างเย็นเยือก

คุณป้ารีบตอบกลับรัวเร็วว่า “ฉันจ่ายเงินค่าเป็ดตัวนี้แล้ว”

นังเลงคนหนึ่งตบที่แก้มหล่อนสองสามครั้ง “พวกเราเห็นกันหมดว่าป้าขโมยเป็ดมา ยังจะกล้าเถียงอีก ต้องรอให้เจ็บตัวก่อนถึงจะยอมรับเหรอ?”

เพราะถูกตบไป ป้าหัวขโมยจึงต้องยอมรับผิดด้วยความกลัว

เฉินเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “ฉันจะให้โอกาสป้านะ เอาเป็ดนั่นไปคืน ไม่ก็ไปจ่ายเงินซะ”

ได้ยินแบบนั้นป้าก็รีบกลับไปที่ร้านของหลินม่ายแล้วบอกแม่ค้าสาวว่า “ฉันจะซื้อเป็ดตัวนี้ แต่รอชั่งน้ำหนักนานมาก ก็เลยไปซื้ออย่างอื่นรอก่อน ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ รีบชั่งน้ำหนักให้ที ฉันจะได้จ่ายเงินแล้วรีบกลับไปทำกับข้าว”

ลูกค้าหลายคนที่ได้ยินแบบนั้นก็ชื่นชมในความซื่อสัตย์ของหล่อนที่กลับมาจ่ายเงินทั้งที่เดินไปแล้ว

แต่หลินม่ายไม่ได้คิดแบบนั้น

ป้าคนนี้ตั้งใจจะขโมยเป็ดไปแน่ ๆ แต่กลับย้อนมาจ่ายเงินให้เธอเพราะเหตุผลบางอย่าง

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ก็เห็นแผ่นหลังไว ๆ ของเฉินเฟิง นั่นทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

พอถึงทุ่มกว่า ๆ เป็ดไก่ก็ขายหมด เหลือไว้อย่างละตัว

หลินม่ายตั้งใจเก็บมันเอาไว้เอง

ขณะที่แม่ค้าสาวเก็บแผงอย่างมีความสุข เตรียมตัวจะกลับบ้าน น้องเล็กของเฉินเฟิงที่มีหน้าที่ดูแลตลาดมืดก็เดินเข้ามา “ในที่สุดคุณก็จะกลับซักที ถ้าคุณไม่กลับผมก็เลิกงานไม่ได้”

หลินม่ายตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น “วันนี้ฉันไม่ได้จ่ายค่าแผง แล้วจะมารอคุ้มครองกันทำไม?”

เขาผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้ “ลูกพี่เป็นคนสั่งมาฉันก็ต้องทำตาม”

ฟางจั๋วหรานพาคุณปู่คุณย่าไปเยี่ยมโต้วโต้วที่โรงพยาบาล

เด็กน้อยมีความสุขมากที่ได้พบพวกท่าน ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงบ่ายกับหลานน้อยอย่างมีความสุข

ครั้งนี้พวกท่านอยากจะมาฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างในเมืองกันอย่างเงียบ ๆ เพราะฉะนั้นหลานชายจึงไม่ได้บอกญาติคนอื่น ๆ

ผู้ใหญ่ทั้งสองไปกินอาหารอร่อย ๆ ที่หลินม่ายเตรียมไว้ให้ เยี่ยมโต้วโต้วที่โรงพยาบาล ก่อนจะเดินเล่นที่สวนสาธารณะและห้างสรรพสินค้า แล้วกลับไปที่บ้านอย่างมีความสุข

เพื่อชดเชยให้เหล่าพนักงานที่ต้องทำงานในช่วงวันหยุดยาว หลินม่ายมักจะให้พวกเขาได้หยุดงานหลังจากเทศกาลสิ้นสุดลง

เพราะแบบนี้ทุกคนจึงยังทำงานอยู่ในวันไหว้บ๊ะจ่าง

คุณปู่คุณย่าฟางต้องเดินทางกลับบ้าน เพราะงั้นหลินม่ายเลยให้พนักงานสลับกันหยุด

โจวฉายอวิ๋นและหลี่หมิงเฉิงได้หยุดก่อนในรอบแรก

หลินม่ายไม่เพียงแค่ให้ทุกคนได้ผลัดกันหยุดเท่านั้น แต่ยังให้หยุดยาวถึงสามวัน เพื่อจะได้กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านเกิด

แต่ทั้งสองก็เป็นห่วงเรื่องงานที่ร้านด้วย พวกเขากลับบ้านเมื่อวานก่อนและรีบกลับมาในตอนเที่ยงของวันถัดมา

พวกเขาไม่ได้กลับมามือเปล่ายังเอาไข่เป็ดเค็ม กีจ่าง* และผักตามฤดูกาลกลับมาด้วย

*กีจ่างหรือบ๊ะจ่างหวาน เป็นขนมหวานของจีน ทำจากข้าวเหนียวแช่น้ำด่างห่อด้วยใบไผ่นำไปต้มจนสุก เหนียวนุ่ม ใส นิยมจิ้มน้ำตาลอ้อยเวลากิน เป็นขนมที่นิยมกินวันไหว้บ๊ะจ่าง

หลี่หมิงเฉิงตั้งใจไปที่แม่น้ำเพื่อจับปลาช่อนตัวใหญ่มาให้หลินม่ายต้มซุปปลาช่อนเต้าหู้อ่อนให้โต้วโต้วกิน

หลังจากต้มซุปปลาช่อนแล้วหลินม่ายกับโจวฉายอวิ๋นก็หิ้วไปให้โต้วโต้ว

หลินม่ายเอาซุปมาป้อนให้ลูกสาว ฝากให้โจวฉายอวิ๋นช่วยดูโต้วโต้ว ส่วนตัวเองก็เดินออกมาเพื่อกลับไปดูร้าน

ทันทีที่ออกมาจากโรงพยาบาลเธอก็พบว่าบรรยากาศที่ถนนดูแปลกไป

เธอพบว่าร้านค้าหลายร้านรอบ ๆ พากันปิดหมดแล้ว

หญิงสาวเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ ในตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสอง ถ้าไม่มีเรื่องอะไรคงไม่น่าปิดร้านเร็วขนาดนี้

เธอเห็นอีกว่าเจ้าของร้านหลายคนกำลังรวมตัวกันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่แน่ใจว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่

แม้ว่าเธอจะอยากรู้ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะมาใส่ใจเรื่องคนอื่น จึงไม่ได้อยู่แอบฟังว่าพวกเขามีเรื่องอะไรกัน

เมื่อกลับมาถึงที่ร้านเธอเลยถามหลี่หมิงเฉิงอย่างไม่ได้จริงจังนัก “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

หลี่หมิงเฉิงเองก็งงกับคำถามนั้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

เมื่อเห็นว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ

ในตอนนั้นเองที่มีผู้ชายในชุดเครื่องแบบกรมอุตสาหกรรมและการค้าเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นเอ่ยถามว่า “เจ้าของร้านอยู่ไหม?”

หลินม่ายรีบตอบว่า “ฉันเองค่ะ”

ชายคนนั้นเริ่มเข้าเรื่อง “มีคนมารายงานว่าร้านที่เปิดขายของที่ถนนสายนี้ไม่มีใบอนุญาตดำเนินการ เรามาเพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าถ้าดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตจะผิดกฎหมายมีโทษรุนแรงนะครับ”

ในตอนนั้นหลินม่ายก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมร้านเหล่านั้นถึงพากันปิด คงจะเป็นเรื่องของใบอนุญาตที่เจ้าหน้าที่บอก

เธอจึงรีบออกตัวไปว่า “ฉันมีใบอนุญาตค่ะ”

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นที่กำลังจะหันหลังออกไปจากร้านเมื่อได้ยินคำตอบก็หยุดชะงักแล้วขอให้หลินม่ายแสดงใบอนุญาตให้พวกเขาดู

หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เชิญนั่งลงก่อนได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเอาใบอนุญาตข้างบน”

วังเสี่ยวลี่รีบหาของกินไปรับรองพวกเขา

ท่าทางของเหล่าเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับการรับรองด้วยของกินก็ดูอ่อนลงไม่ได้ขึงขังเหมือนตอนเดินเข้ามา

หลินม่ายหยิบเอาใบอนุญาตประกอบกิจการออกมา ลงไปชั้นล่างแล้วเอาให้พวกเขาตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่รับมันไปตรวจสอบอยู่ซักพัก ก็ยืนยันว่ามันเป็นของจริงแล้วส่งคืนให้เจ้าของร้านสาว

หนึ่งในนั้นแนะนำว่า “ใบอนุญาตนี้ควรจะแขวนอยู่ในร้านนะครับ เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบได้ง่าย จะได้ไม่ต้องมีปัญหาติดขัดอะไรอีก”

หลินม่ายพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะจัดการตามนั้นนะคะ”

หลังจากนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ก็เดินออกจากร้านไป และตรงไปที่ร้านป้าหูที่อยู่ข้าง ๆ กันต่อ

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ม่ายจื่อทำบุญมาดีนะเนี่ย แคล้วคลาดเรื่องเดือดร้อนถึงสองเรื่องในวันเดียวเลย

ป้าหูท่าทางจะได้ปิดกิจการก็วันนี้แหละ

ไหหม่า(海馬)