บทที่ 143 จัดการนาง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

พอท่านโหวกู้ได้หนังสือตอบเราเข้าเรียนมาแล้ว ก็วานหวงจงรีบนำไปให้กู้เจียว

เขากะว่าจะสร้างความประหลาดใจให้แม่นางเหยาด้วยการพานางไปที่สำนักบัณฑิตสตรีในวันที่กู้เจียวเข้าเรียนเป็นวันแรก!

หากฮูหยินเห็นความพยายามของเขาแล้ว คงเกิดเชื่อใจและรักในตัวเขามากขึ้นอย่างแน่นอน!

ต่อให้มีความเป็นไปได้สูงว่ากู้เจียวอาจจะปฏิเสธเขา แต่ไม่เป็นไร เขาเตรียมแผนการรองรับเอาไว้แล้ว!

“คุณหนูใหญ่ขอรับ ท่านโหวแจ้งว่า ขอแค่คุณหนูตอบรับเข้าเรียน เขาจะให้เงินคุณหนูห้าร้อยตำลึงขอรับ” ณ โรงหมอ หวงจงกำลังถ่ายทอดคำพูดจากท่านโหวให้กู้เจียวได้ฟัง

กู้เจียวกำลังยุ่งอยู่กับงานที่โรงหมอ พอหวงจงเอ่ยจบ พลันวางหยูกยาในมือลง “แน่ใจรึ”

“แน่ใจขอรับ! ข้าน้อยนำเงินมาด้วยนะขอรับ!”

“ส่งมาให้ข้าสิ” กู้เจียวเอ่ย

หวงจงนึกในใจ มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“คุณหนูใหญ่ ท่านต้องสัญญาก่อนนะขอรับ”

กู้เจียวยกมือขึ้นพลางเอ่ย “ได้สิ ข้าสัญญาว่าจะไปสำนักบัณฑิตหญิง”

หวงจงพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็ยื่นเงินและหนังสือตอบรับเข้าเรียนให้นาง

พอหวงจงเดินออกไป กู้เจียวก็แปะหนังสือนั้นไว้ที่ป้ายกระดานหน้าโรงหมอ พร้อมติดประกาศ หนังสือตอบรับเข้าเรียน มูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงต่อหนึ่งชุด!

เถ้าแก่รองมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็อ้าปากค้าง “นี่เจ้า…จะขายอีกอย่างนั้นรึ”

ที่เถ้าแก่รองบอกว่าจะขายอีกนั้น เพราะก่อนหน้าไม่นาน กู้เจียวก็ได้รับหนังสือตอบรับเข้าเรียนมาเช่นกัน

และคนที่มามอบให้ก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็นอันจวิ้นอ๋อง

เขาได้หนังสือมาจากจวงกุ้ยเฟย ด้วยความที่ไม่อยากให้จวงเมิ่งเตี๋ยได้ไป เลยวานให้คนส่งหนังสือนี้มาให้กู้เจียวแทน

กู้เจียวไม่พูดพร่ำทำเพลง พอได้หนังสือมาก็ประกาศขายทันที

แถมยังขายออกไปแล้วด้วย!

กู้เจียวเอ่ยตอบเถ้าแก่รองด้วยเสียงเรียบเฉย “ก็ขายน่ะสิ เหตุใดจะไม่ขายล่ะ”

“แล้วเมื่อครู่นี้ที่เจ้าบอกกับเขาล่ะ” เถ้าแก่รองรู้อยู่แล้วว่ากู้เจียวไม่มีทางเข้าเรียนแน่นอน

กู้เจียวนึกอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ย “อ๋อ เขาให้ข้าสัญญา ข้าก็เลยพูดสัญญากับเขาไป เหตุใดรึ”

เถ้าแก่รองอ้าปากจนขากรรไกรค้าง

เขาบอกให้นางพูดนางก็พูด อย่างนั้นรึ

แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอเนี่ย!

เขาพอรู้มาบ้างว่าพ่อลูกคู่นี้มีความสัมพันธ์วายป่วงขนาดไหน แต่ตอนนี้เขาชักจะเริ่มเห็นใจท่านโหวกู้แล้วสิ ถูกลูกสาวหลอกมาหลายครั้งแล้ว เหตุใดถึงไม่เข็ดเสียทีนะ

คนที่มาซื้อหนังสือตอบรับเข้าเรียนไม่ใช่ใครอื่น กระนั้นก็เป็นคนที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน

“พวกเจ้ามีหนังสือจากสำนักบัณฑิตหญิงขายจริงๆ รึ”

ผู้ถามเป็นสตรีสาวมีชาติตระกูลเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามและดูหยิ่งผยอง

เสี่ยวลิ่วรู้สึกได้ว่าตนน่าจะรับมือไม่ไหว เลยเรียกเถ้าแก่รองให้มารับแขก

เถ้าแก่รองไม่เคยพบเจอนางมาก่อน แต่ดูจากการแต่งองค์ทรงเครื่องแล้ว น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน จึงแสดงออกด้วยความเกรงใจ “มีขอรับ ท่านต้องการซื้ออย่างนั้นหรือ”

“แล้วข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าหนังสือของเจ้าเป็นของแท้” หญิงสาวเอ่ยถาม

เถ้าแก่รองหัวเราะ “ดูๆ แล้วแม่หญิงน่าจะเป็นคนมีหน้าตาและฐานะ โรงหมอของพวกเราตั้งตระหง่านอยู่ที่บริเวณนี้ หากเป็นของเก๊ละก็ ท่านก็เรียกคนมาถล่มโรงหมอของพวกเราได้เลย!”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองที่ป้ายโรงหมอด้านบน พลางนึกในใจว่าที่คนตรงหน้าพูดก็ดูมีเหตุผล

หากพวกเขากล้าโกหกนางจริงๆ นางจะสั่งคนให้มาทุบที่นี่ทิ้งและจับพวกเขาเข้าคุกก็ย่อมได้!

นางจึงควักเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมาก

ขณะที่เถ้าแก่รองกำลังจะยื่นมือออกไปรับเงิน จู่ๆ เสี่ยวลิ่วก็วิ่งเข้ามากระซิบที่ข้างหูเขา

เถ้าแก่รองเลิกคิ้วขึ้นและเก็บมือที่กำลังจะยื่นออกไปหยิบเงินก่อน

“มีอะไรรึ” หญิงสาวเอ่ยถาม

“ราคาสองร้อยตำลึงขอรับ” เถ้าแก่รองยิ้มหน้าเจื่อนให้

“ตรงไหนมิทราบที่เขียนบอกไว้ว่าหนึ่งร้อยตำลึง”

“นั่น…นั่นเป็นราคาเก่าขอรับ”

“มีการขึ้นราคาด้วยรึ”

“ไอ้หยา จะซื้อไม่ซื้อ ไม่ซื้อก็หลบไป ข้าจะซื้อ!”

จู่ๆ มีหญิงสาวอีกคนโผล่มาขอซื้อต่อ

นางมิใช่หน้าม้าแต่อย่างใด แต่เป็นคนที่ต้องการจะมาซื้อจริงๆ

หญิงสาวคนแรกถลึงตาใส่พลางเอ่ย “ใครบอกว่าข้าจะไม่ซื้อ ราคาเท่าไหร่ว่ามาเลย”

เถ้าแก่รองยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะชูสองนิ้วขึ้น หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเฮือกยาว ก่อนจะบ่นว่าพวกเขากล้าขึ้นราคาตั้งเท่านึง แต่ยังไม่ทันไร เถ้าแก่รองก็ชูอีกสามนิ้วที่เหลือขึ้นมา

“ห้าร้อยตำลึงขอรับ” เถ้าแก่รองอยากร้องไห้ตรงนั้นใจจะขาด

กู้เจียวนะกู้เจียว ใช้เขามาทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน

ไม่กลัวหรือว่าหญิงผู้นี้จะโมโหแล้วมาพังโรงหมอพวกเราทิ้งน่ะ

ตามคาด หญิงสาวเริ่มโมโหแล้วจริงๆ “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะพังโรงหมอของเจ้าให้แหลกคาที่!”

“ซื้อไม่ไหวก็หลบไป! ข้าจะซื้อ!” หญิงอีกคนที่ยืนรออยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น

เงินห้าร้อยตำลึงแลกกับหนังสือตอบรับเข้าเรียนสำนักบัณฑิตหญิง แม้จะราคาสูงไปมาก แต่สำหรับหญิงสาวทั้งหลายที่สอบเข้าไม่ได้แล้ว นี่คงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกนางเข้าไปเรียนที่นั่นได้!

“ใครบอกว่าข้าซื้อไม่ไหว” หญิงสาวคนแรกเริ่มกัดฟันกรอด ก่อนจะควักเงินขึ้นมาอีกสี่ร้อยตำลึงสำหรับการซื้อหนังสือตอบรับเข้าเรียนที่กู้เจียวไม่ต้องการ ในราคาห้าร้อยตำลึง

เถ้าแก่รองไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องตรงหน้า พลางมองเงินในมือห้าร้อยตำลึงที่เพิ่งได้รับมา

เขาเดินไปหากู้เจียวในห้องตรวจ “นางเป็นใครกัน เจ้ารู้จักหรือไม่”

“รู้สิ นั่นจวงเมิ่งเตี๋ย คุณหนูตระกูลจวงยังไงล่ะ” กู้เจียวตอบด้วยท่าทีนิ่งเฉย

เถ้าแก่รองพอได้รู้คำตอบก็สูดปากทำใจดีสู้เสือ “ตระกูลจวงไหน อย่าบอกนะว่าตระกูลเดียวกันกับจวงไทเฮา”

“อ๋อ น่าจะเป็นเช่นนั้น”

“น่าจะเป็นเช่นนั้นของเจ้าหมายความว่าอย่างไร” เถ้าแก่รองเริ่มเข่าอ่อน

เจ้าประคุณเอ๋ย นี่นางรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร นั่นมันหลานแท้ๆ ของท่านราชครูจวง เหลนของพระพันปีหลวงเชียวนะ! แค่ดีดนิ้วพวกเขาสามารถบดขยี้โรงหมอของพวกเราให้แหลกได้พริบตาเดียวเลยล่ะ!

แล้วนี่อะไร ดูพวกเราสิ ไปเรียกเก็บเงินจากนางตั้งห้าร้อยตำลึง

และเป็นอีกครั้ง ที่เถ้าแก่รองเอามือกดจุดบริเวณเหนือปาก แล้วเป็นลมล้มลงไป…

เรื่องที่มีการซื้อขายหนังสือตอบรับเข้าเรียนถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักบัณฑิตหญิง เพราะจวงเมิ่งเตี๋ยเอาแต่ป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองได้เข้าเรียนแล้ว แม้นางจะไม่ได้เอ่ยถึงว่าได้มาอย่างไร แต่ด้วยชื่อเสียอันเลื่องลือของนาง ทุกคนเลยพอเดาออกว่ามีพิรุธอย่างแน่นอน

บังเอิญว่าไท่จื่อเฟยผ่ายมาแถวนี้พอดี เลยพลอยได้ยินข่าวเรื่องนี้ไปด้วย เลยวานให้นางข้าหลวงไปตามสืบมาให้ชัดเจน

“ไท่จื่อเฟยเพคะ มีคนค้าขายหนังสือตอบรับเข้าเรียนอย่างเปิดเผยจริงๆ ด้วยเพคะ!” นางข้าหลวงพอได้ความก็รีบกลับมารายงาน

“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงรึ”

แม้ไท่จื่อเฟยจะไม่ใช่ผู้ที่ริเริ่มก่อตั้งสำนักบัณฑิตนี้ แต่ก็มีหลายๆ เรื่องที่ต้องผ่านมือของนาง และหนึ่งในนั้นก็คือ หนังสือตอบรับเข้าเรียน ซึ่งนางเป็นผู้ออกแบบเอง และส่งมอบให้กับขุนนางหญิงเพื่อทำการปรับแต่ง

นางจึงรู้จำนวนของหนังสือตอบรับเป็นอย่างดี

รวมถึงเรื่องที่ว่าส่งมอบให้ใครบ้าง นางเองก็พอรู้ แต่ที่นางไม่รู้ก็คือไท่จื่อก็เอาหนังสือนี้ไปด้วย

“ขายไปกี่ชุด” ไท่จื่อเฟยเอ่ยถาม

“ทูลไท่จื่อเฟย สองชุดเพคะ! สถานที่ขายก็คือโรงหมอที่ตั้งอยู่ตรงนั้นเพคะ! ไม่รู้ว่าพวกเขาไปได้มาได้อย่างไรกัน แต่ดันมาขายทิ้งแบบนี้เสียได้!”

“ใครมาซื้อไปบ้าง”

“คนแรกที่มาซื้อ กระหม่อมเห็นหน้าไม่ชัด แต่ได้ยินมาว่าเป็นคุณหนูห้าจากตระกูลตู้เพคะ ส่วนคนที่สอง กระหม่อมเห็นเองกับตา เป็นแม่นางจวงเมิ่งเตี๋ยเพคะ”

จวงเมิ่งเตี๋ยเป็นเด็กสาวจอมแก่นชื่อดังของเมืองหลวง

ตระกูลจวงแต่ไหนแต่ไรมีชื่อเสียงด้านการศึกษามาโดยตลอด มีคนเช่นนางอยู่ในตระกูลก็นับว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยาก

ช่างตรงกันข้ามกับพี่สาวนางที่ชื่อจวงเยว่ซี

ตอนนั้นไท่จื่อเฟยเคยมอบหนังสือเข้าเรียนให้จวงเยว่ซีไว้ เดิมคิดว่านางจะสละให้น้องสาวแล้วตัวเองใช้วิธีเข้าสอบเองเสียอีก

แต่ดูเหมือนจวงเยว่ซีจะไม่คิดเช่นนั้นสินะ

“แต่ก็แปลกนะเพคะ จวงกุ้ยเฟยเคยมาขอหนังสือกับพระองค์มิใช่หรือ ไม่ได้เอาไปให้จวงเมิ่งเตี๋ยหรือนั่น”

ไท่จื่อเฟยได้แต่ส่ายหัว “ข้าไม่ทราบ”

“ไหนจะคุณหนูห้าตระกูลตู้อีก เช่นนี้แล้ว องค์หญิงสามจะไม่ทรงกริ้วเอาหรือเพคะ”

องค์หญิงสามมาจากตระกูลกู้ ส่วนคุณหนูห้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ขององค์หญิงสาม ด้วยความที่องค์ชายสามมีสายเลือดเดียวกับองค์ชายใหญ่ เลยไม่ถูกกันกับไท่จื่อ องค์หญิงสามกับไท่จื่อเฟยเองก็เช่นกัน พวกนางไม่กินเส้นกัน

ที่จริงองค์หญิงสามเป็นสตรีมากความสามารถทางด้านดนตรี แต่ดูเหมือนพระองค์จะไม่ค่อยถูกชะตากับไท่จื่อเฟยเท่าใดนัก

เพราะนางเคยได้ยินข่าวที่ว่าไท่จื่อเฟยเคยตามคณะทูตออกราชการนอกเมือง และได้ยลกู่ฉินทรงฝูซีกับตาตัวเอง แค่ข้อนี้ข้อเดียวก็พอจะทำให้องค์หญิงสามเกิดความอิจฉาริษยาไท่จื่อเฟยได้แล้ว

ที่น่าโมโหก็คือ น้องสาวขององค์หญิงสามชื่นชอบไท่จื่อเฟยเอามากเลยทีเดียว

แม้ทุกคนต่างรู้ว่าสำนักบัณฑิตหญิงเกิดขึ้นจากพระราชโองการของฮ่องเต้ แต่สำหรับคนนอกแล้ว พวกเขามองว่าสำนักบัณฑิตนี้ก่อตั้งขึ้นในนามของไท่จื่อเฟย และแน่นอนว่าองค์หญิงสามไม่ยอมให้น้องสาวตัวเองไปสนับสนุนไท่จื่อเฟย

ตู้เสี่ยวอวิ๋นจึงไม่ได้รับหนังสือเข้าเรียน และแย่ไปกว่านั้นคือนางไม่สามารถเข้าร่วมการสอบได้

พอนางบังเอิญมาเห็นว่ากู้เจียวประกาศขายหนังสือตอบรับเข้าเรียน ก็รีบควักเงินซื้ออย่างไม่ลังเลใจ!

“จะให้…ไปตามหนังสือเหล่านั้นกลับมาไหมเพคะ” สำนักบัณฑิตสตรีเพิ่งก่อตั้งขึ้น อะไรหลายๆ อย่างถือว่ายังไม่ได้มาตรฐาน ถ้าเป็นกั๋วจื่อเจียนละก็หากรู้ว่ามีคนมาทำเรื่องแบบนี้ คงได้ถูกส่งเข้าตารางแน่ ซ้ำยังถูกตัดโอกาสสอบเคอจวี่ตลอดชีวิตอีกด้วย!

ไท่จื่อเฟยได้แต่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ อยากขายก็ขายไป อย่างไรเสีย สำนักบัณฑิตสตรีก็ทำมาเพื่อสตรีที่อยากเรียนหนังสือนี่นา”

“สงสัยได้โดนทำโทษอีกแน่เลย” นางข้าหลวงกำลังเอ่ยถึงคุณหนูห้าอยู่

เพราะหลังจากที่องค์หญิงสามรู้ข่าวว่าน้องสาวตนเองไปซื้อหนังสือตอบรับเข้าเรียนของสำนักบัณฑิตสตรี ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไป จากองค์หญิงสามผู้เลอโฉมก็กลายร่างเป็นยักษ์ขมูขี รีบพุ่งตัวไปเล่นงานตู้เสี่ยวอวิ๋นที่เรือนตระกูลตู้ในทันใด