189 สายลับที่อยากฆ่านิดหน่อย
“น๊า โอโจ้จัง ขอโทษด้วยที่มาเจอซะดึกดื่น ข้าได้ยินมาว่าที่นี่มีเมดที่แข็งแกร่งมากอยู่”
ปึก
ภายใต้คืนเดือนหงายที่สว่างไสว ชายคนนั้นเข้ามาใกล้พร้อมพูดกับฉันด้วยใบหน้าที่สงบ ก่อนสะบัดปลายเท้าอย่างเต็มกำลังของเขาเล็งมาที่ท้องของฉันโดยตรง
เนื่องจากน้ำหนักที่ต่างกันมาก ฉันจึงถูเตะลอยออกมาอย่างฉับพลัน
――โห้โห้ รองเท้ามีแผ่นเหล็กสินะ
ถ้าไม่ใช่ฉันล่ะก็คงตายในทีเดียวไปแล้ว ไม่ลงมือกับเด็กง่ายไปหน่อยเหรอ อุมุ ก็ถือเป็นการทักทายที่ดีทีเดียว
“ข้าชื่อว่าเกนได เป็นนักวิวาท ถึงจะเคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้มาบ้าง แต่ข้าก็ภาคภูมิใจที่ไม่เคยแพ้มาก่อนถ้าเป็นการวิวาท”
นักวิวาทเหรอ เข้าใจล่ะ เน้นที่การวิวาทเป็นหลักสินะ เป็นรูปแบบการใช้ความรุนแรงที่แตกต่างจากศิลปะการต่อสู้เล็กน้อย ไม่เลวเลยไม่ใช่เหรอ
“เรียกมาสิ ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมล่ะ หรือว่าตายแล้วกัน?”
อุมุ
“ขอถามคุณสักสองคำถามก่อนได้ไหมคะ?”
ฉันลุกขึ้นมาอย่างผิดหวัง ที่ไม่มีการไล่ตามเข้ามาซ้ำ ถึงจะดีราว ๆ ที่สามารถฆ่าได้ตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว แต่ก็อยากให้กดดันมากกว่านี้อีกหน่อย ถ้าเป็นฉันลงมือล่ะก็จะตามเก็บงานให้ละเอียด
“ก่อนอื่น ฉันเป็นแค่เด็กเองนะคะ คุณเป็นคนประเภทที่เตะเด็กคนไหนคนไหนก็ได้งั้นเหรอคะ?”
“โดยปกติข้าไม่จริงจังอยู่แล้วว่ากำลังวิวาทอยู่กับใคร จะเด็ก หรือผู้หญิงก็เหมือน ๆ กัน หากตัดสินใจที่จะทำก็แค่ลงมือทำแค่นั้น”
งั้นเหรอ ยังไงก็อย่ามาแตะอย่างไม่เลือกหน้าสิ นี่ทำเพราะเป็นงานไม่ใช่รึไง
――แต่ก็ช่วยได้เยอะเลยน๊า ถ้าเขาเป็นคนประเภทที่ชอบทำแบบนั้น คำถามที่สองก็คงจะเป็นเกี่ยวกับ「วิธีตายที่ชอบ」ล่ะ
“คำถามที่สองคือ คุณมีวิธีแพ้ที่ชอบไหมคะ มีที่คาดหวังไว้ไหมคะ?”
“วิธีแพ้? ไม่มีเน๊ เพราะข้าไม่เคยคิดเรื่องแพ้ไงล่ะ”
อ้า เป็นอย่างงั้นเอง
“จ๊า งั้นฉันจะเสนอให้เองเน๊ะ ――ฉันจะชกหน้าคุณตรง ๆ ตกลงไหมคะ?”
ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักโทษเพิ่มขึ้นอีกคนในคืนนี้
เริ่มมีคนที่ดูเป็นมืออาชีพนิดหน่อยโผล่มาแล้ว ฉันมองไปอนาคตอย่างคาดหวังเลย
――หืม?
――โอยะ?
…………
อ้า มีสัญญาณของสายลับด้วยสินะ
รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยกับความรู้สึกที่ถูกจ้องมอง ทำให้ฉันระวังรอบตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ……ฉันสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากจากมุมหนึ่งของสวน
เป็นลมหายใจแผ่วเบาและถี่เหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ เทคนิคการเปลี่ยนโฟกัสเพื่อไม่ให้สังเกตเห็นถึงการจ้องมอง และสัญชาตญาณวิธีการฆ่า
ก็ดีเลยไม่ใช่เหรอ
การที่ฉันไม่สามารถรับรู้การมีอยู่ได้ในระยะใกล้ขนาดนี้ ต้องเป็นมืออาชีพเลยไม่ใช่เหรอ
นี่ไม่ใช่ระดับแค่อันธพาลที่ทำเป็นแต่พองขนแล้ว แต่เป็นทักษะของสายลับระดับมืออาชีพเลยไม่ใช่เหรอ โลกนี้ยังมีคนระดับนี้อยู่อีกงั้นสินะ ยอดเยี่ยมมาก ความตึงเครียดในการใช้ชีวิตกลับมาแล้ว
…………
ดีล่ะ มาลองจับตัวดูดีกว่า
ถ้าแข็งแกร่งก็ตายไปด้วยกัน วันนี้เป็นคืนเดือนหงายที่สวยงาม ไม่คิดว่าสมบูรณ์แบบสำหรับการตายเลยเหรอ
“ถ้าอย่างงั้นจะทานแล้วนะ”
“”จะทานแล้วนะครับ/ค่ะ””
พอทำต่อเนื่องเกินหนึ่งเดือนก็จะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันตามปกติ
วันนี้ฉันกับพวกเด็ก ๆ ก็นั่งโต๊ะเดียวกัน และกินข้าวเช้าด้วยกันเหมือนทุกที ――เนื่องจากพวกเด็ก ๆ เป็นคนรับใช้ นี่จึงอาจไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีนัก แต่นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญ
สภาพร่างกายของพวกเด็ก ๆ ผอมมากเมื่อตอนเจอกันครั้งแรก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจสอบความอยากอาหารให้เหมาะสม ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับมิโตะซึ่งมีร่างกายที่อ่อนแอมากด้วย
แล้วริโนกิส ถ้าเธอหิวก็จะกินตามที่ต้องการ หากรู้สึกไม่สบาย เธอก็จะลาพักตามดุลยพินิจของตัวเอง
ยังไงก็ตาม พวกเด็ก ๆ อาจจะทำอะไรมากจนเกินไป ฉันจึงอยากจับตาดูพวกเขา แม้ว่าจะเป็นเพียงตอนเช้าเท่านั้นก็ตาม
――ทว่า ท่ามกลางฉากอาหารเช้าตามปกติ ก็มีใบหน้าหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก
“ทานแล้วนะค๊า อิย๊า นานแล้วที่ฉ๊านไม่ได้ทานสตูว์สไตล์อาร์ตัวร์ล่ะน๊า ใช่แล้วใช่แล้ว ของทางโน้นทั้งหนาทั้งหวานกว่าใช่ไหมค๊า………อาเร๊ะ? นี่ดีกว่าที่จำได้อีกค๊า”
เด็กสาวอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปีซึ่งมีรอยยิ้มขี้เล่นอยู่บนใบหน้าเสมอ มีผมสีดำที่หายาก และดวงตาสีเข้ม เธอยังดูเป็นคนพูดเก่งอีกด้วย
และเหนืออื่นใด ยังสวมชุดเครื่องเดียวกับฉัน จากโรงเรียนทหารจักรกล
ในแง่อายุแล้วเธอเป็นรุ่นพี่ และน่าจะเป็นรุ่นพี่ของฉันจริง ๆ
“………..”
ตามที่คาดไว้ พวกเด็ก ๆ ที่ร่าเริงอยู่เสมอ กลายเป็นไม่ค่อยพูดมากนัก บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรกัน แต่บางทีคงเข้าใจว่าเธอเป็นแขกของฉัน ทำให้กังวลซะแล้ว
“ขอเติมค๊า ได้ไหม?”
“ไม่ได้อยู่แล้ว ก็เล่นกินจนไม่เหลือแล้วไง”
“อ๊าวเหรอ น่าเสียด๊าย~”
นอกจากนี้ริโนกิสยังดูอารมณ์ไม่ดีค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่พูดมากเหมือนปกติ
“――คุณหนูค่ะ ท่านทางนี้เป็นใครกันคะ?”
อะ ถามมาตามที่คาดไว้
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็มาเจอกับใบหน้าของคนที่ไม่รู้จัก และสิ่งแรกที่พูดก็ยังเป็น「ฉ๊านจะขอทานข้าวเช้าด้วยคนค๊า」 แต่ดูเหมือนว่าความหงุดหงิดของเธอมาถึงขีดสุดแล้ว ……..ม๊า ฉันก็ไม่รู้จักดีพอที่จะแนะนำตัวให้ได้ด้วยสิ
“ก็ชื่ออาคาชิ・ชิโนบาซมั้ง เมื่อคืนเธอบังเอิญเดินหลงเข้ามาในคฤหาสน์ของเรา ฉันเลยอนุญาตให้ค้างคืน”
“ดิฉันไม่ได้ถามเรื่องนั้นค่ะ”
“ม๊า เอาไว้ค่อยคุยกันตอนหลังฉันกลับมาแล้วกัน”
――แน่นอนว่าฉันไม่สามารถพูดเรื่องนั้นต่อหน้าพวกเด็ก ๆ ได้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ฉันคิดว่าจะมาพยายามฆ่ากันอย่างจริงจัง ดันร้องขอชีวิตในนามของราชวงศ์มาเวเลีย
ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าอาคาชิ เป็นข้ารับใช้โดยตรงของเชื้อพระวงศ์ที่เข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนทหารจักรเล และเห็นได้ชัดว่าเธอเริ่มต้นการสืบสวนเรื่องของฉัน หลังจากเหตุการณ์ทหารจักรกลเมื่อเช้าวานนี้
ฉันเดาได้ว่าจะเป็นยังไง ถ้าหากรู้สึกไปในทางนั้นก็จำเป็นต้องพูดแบบนั้นออกไป ฉันพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ารุนแรง
ก็ถ้าเป็นฉันเองก็คงจะโกรธเหมือนกัน
เป็นใคร ๆ ก็คงจะโกรธหากเหยื่อที่ดูน่าอร่อยปรากฎให้เห็น แล้วทันใดนั้นก็ถูกพรากไป
เป็นฉันก็คงคิดที่จะฆ่าทันที…….ถ้ามีเรื่องโกหก ฉันก็คิดจะฆ่า แต่เพราะไม่ได้โกหก……..
ใช่แล้ว อาคาชิไม่ได้โกหก
มีคำตอบมากมายที่「ไม่สามารถตอบได้」แต่เธอไม่ได้โกหก
เธอพูดมากทั้งเรื่องที่ฉันเคยได้ยิน และเรื่องที่ไม่เคยได้ยิน ส่งผลให้ฉันใช้เวลานานมาในการฟัง ส่งผลให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน
ยังเร็วเกินไปที่จะต่อสู้กับราชวงศ์
หากไม่เตรียมการไว้อย่างเหมาะสม และไม่ได้เตรียมสภาพแวดล้อมโดยรอบสำหรับสิ่งนี้ ผู้คนที่ฉันไม่ได้ใส่ใจจะต้องตาย
สำหรับฉันการบุกไปคนเดียว และควบคุมปราสาทไว้คงเป็นเรื่องง่ายเหมือนการวอร์มอัพ แต่ก็แค่นั้น การทำความสะอาดหลังจากนั้นต่างหากที่ยาก
ม๊า ฉันอยากจะตัดสินใจเรื่องนี้ในภายหลัง
“ดูเหมือนเธอจะใช้ชีวิตที่ค่อนข้างมีความสุขเลยเน๊ ทั้งที่เป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับชาวต่างชาติในประเทศนี้”
“พูดไปแล้ว อาคาชิเองก็เป็นชาวต่างชาติเหมือนกันใช่ไหม?”
“ครอบครัวของทางฉ๊านอาศัยอยู่ในมาเวเลียมาเป็นเวลานานแล้ว เดาว่าบางทีคนที่มีผมสีดำกับดวงตาสีเข้มจะได้รับความเคารพอย่างสมบูรณ์แล้วล่ะมั้งน๊า”
เข้าใจล่ะ ถึงจะไม่คาดคิดมาก่อน บางทีเธอคงมาจากตระกูลที่เป็นบุคคลสำคัญในประเทศนี้
“แล้ว จากนี้จะทำอะไรล่ะคะ?”
“ก็ตามที่สัญญาไว้ ฉ๊านจะรายงานข้อมูลของเนียจังโดยปกปิดข้อมูลบางส่วนไว้ ――ปกปิดข้อมูลแค่บางส่วนก็พอแล้วสิเน๊?”
“ค่ะ ฉันไม่สนใจ ตราบใดที่เป็นการเข้าหาซึ่งหน้า แต่ถ้าเป็นจู่ ๆ ก็เข้ามาเหมือนเมื่อคืน บางทีอาจไม่ได้ตั้งใจ……ก็เป็นประมาณนั้นแหละค่ะ คุณเองก็คงอยากหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุระหว่างพวกเราใช่ไหมคะ?”
“ฟุอืม……….อุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจสิเน๊ แต่ดูเหมือนจะเข้ามาโดยมีเจตนาฆ่าจริง ๆ เลยน๊า”
“ฉัน มีหลักการ สายลับจำเป็นต้องข่มขู่ค่ะ”
“อ้า เหรอ………นั่นเป็นหลักการที่ยุ่งยากจังเน๊”
――ในขณะที่พูดคุยกันนั้น วันนี้ฉันไปโรงเรียนอย่างช้า ๆ กับอาคาชิ