ยอดใจกระบี่!

“ตาแก่หากเจ้าปฏิเสธ ข้าเองก็ช่วยไม่ได้…ข้าตี้จิ่ว ก็แค่ออกจากเผ่าพันธุ์มังกร กลายเป็นผู้ฝึกตนพเนจรร่อนเร่ไปทั่วแดนดินก็เท่านั้น…”

ได้ยินคำของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้จิ่วเพียงกล่าวตอบไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“นี่เจ้ากล้าขู่ข้างั้นเรอะ?!”

ลูกตาผู้นำชราเผยประกายเย็นเยือก ตะคอกถามออกไปทันที!

“เจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ได้ตาแก่”

เพื่อที่จะตามหาตัวต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ตี้จิ่วกลายเป็นดื้อรั้นทำทุกทางแล้ว

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะมันไม่กลัวว่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจะปฏิเสธมัน!

“ประเสริฐ! ประเสริฐ!!”

ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรโกรธเสียจนหัวเราะฮ่าๆออกมาดังลั่น ก่อนที่จะสะบัดมือซัดร่างตี้จิ่วจนปลิดปลิว “ไสหัวไป!”

“ขอบคุณเจ้ามากตาแก่!”

ตี้จิ่วที่ถูกซัดทั้งถูกไล่ ไม่เพียงไม่โกรธ หากแต่ยังเผยยิ้มร่าออกมา มันยกมือขึ้นปาดเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ก่อนที่จะจากไปอย่างอารมณ์ดี

เพราะมันรู้ดีว่าตอนนี้ผู้นำรับปากมันแล้ว

จะอย่างไรมันก็คือมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ! เป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บสายเลือดระดับสูงในเผ่าพันธุ์มังกรนอกเหนือจากผู้นำ เช่นนั้นมันก็คือผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไป! หากมันออกจากเผ่าพันธุ์มังกร นั่นหมายความว่าเผ่าพันธุ์มังกรในวันหน้าย่อมไร้ผู้นำ!!

ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน..ไหนเลยยังปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้?

หลังจากกล่าวขอบคุณ ตี้จิ่วก็จากไปทันที มันรู้ดีว่าตอนนี้มันไม่อาจเรียกร้องอะไรเพิ่มได้แล้ว

“ต้วนหลิงเทียน ข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอวันที่เราได้พบกันอีกครั้ง!!”

ตี้จิ่วกล่าวพึมพำด้วยอำมหิต ลูกตาหรี่ลงเผยแสงเย็นวูบวาบ

หลังจากนั้นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรก็ถ่ายทอดคำสั่งให้คนเผ่าออกไปตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในทวีปมนุษย์ ซ่อนตัวอยู่ที่ผาน้ำตกอันเป็นมรดกของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง

และเขาก็กำลังนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ หันหน้าไปทางคำ กระบี่’ ที่สลักไว้บนผาน้ำตก

สองตาปิดสนิท ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังคมกล้าน่ากลัวออกมาตลอด มองไปให้ความรู้สึกคล้ายกระบี่ไร้ฝักก็ไม่ปาน

“นายน้อย นั่งอยู่เช่นนั้นมาครึ่งปีแล้ว ใช่เกิดเรื่องอันใดหรือไม่?”

ในหุบเขา ฉงเฉวียนที่มองร่างกลางหาวด้วยสายตาเป็นกังวลกล่าวถามออกมา

“ลมหายใจเจ้าหนูยังสม่ำเสมอ ไม่คล้ายมีปัญหาอันใด…ที่ทั่วร่างเปล่งกลิ่นอายออกมาคมกล้าหลังนั่งมา 6 เดือนเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าหนูต้องตระหนักถึงอันใดบางอย่างจากคำ ‘กระบี่’ เป็นแน่”

ขณะกล่าว เฟิ่งหวู่เต้าก็แหงนมองคำ ‘กระบี่’

“เขามิอาจหยั่งถึงด้วยสามัญสำนึกของพวกเรา…”

ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวเสริมออกมา มันเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนนัก

และตอนนี้สายตาที่ซื่อหม่าฉางฟงใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เผยความซับซ้อนไม่น้อย

ในบรรดาผู้ที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ มันกับฉงเฉวียนนั้นพบพานรู้จักต้วนหลิงเทียนมาตั้งแต่แรกๆ ย่อมได้เห็นการก้าวหน้าเติบโต จนบรรลุถึงจุดสูงสุดของทวีปเมฆาล่องมากับตา… เด็กน้อยในวันวานมิคาดกลับกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ยังก้าวหน้าเสียจนก้าวข้ามทวีปเมฆาล่องไปยังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนออกไปกับตี้จิ่ว สถานการณ์นั้นไม่ว่าผู้ใดก็ทราบว่า 9 ตาย 1 รอด

ในเวลานั้นใจมันเต็มไปด้วยความกังวลนัก

ทว่าสุดท้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนกลับรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้มันตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียน สมควรได้รับพรจากฟ้าให้อายุมั่นขวัญยืน!

ดังนั้นถึงแม้ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา อาการของต้วนหลิงเทียนจะผิดแปลกไป แต่มันก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาอะไร เพราะอย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็ทำอะไรที่เหนือสามัญสำนึกผู้คนมาตลอด

“เจ้าต้วนตื่นแล้ว”

ทันใดนั้นเฉินเฉ่าช่วยพลันโพล่งออกมา

ทุกสายตาหันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทยนที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ก็คลายขาลง กลายเป็นยืนตระหง่านกลางอากาศ และเริ่มเคลื่อนไหววุ่นวาย

ตอนแรกนั้นความเคลื่อนไหวผิดแปลกไร้กฏเกณฑ์ หากทว่าต่อมาก็เริ่มเฉียบคมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมาแต่ละท่วงท่าการเคลื่อนไหว ยิ่งทำให้อากาศสะท้านสะเทือน!

“เจ้าหนูยังมิได้ตื่นขึ้น…ดูเหมือนว่าเจ้าหนูกำลังตกอยู่ในภวังค์รู้แจ้ง!”

เฟิ่งหวู่เต้ากระซิบกล่าว

จังหวะนี้เองทุกคนค่อยเห็นว่า แม้ต้วนหลิงเทียนจะลุกขึ้นยืนและเริ่มเคลื่อนไหววุ่นวาย แต่สองตายังคงปิดอยู่ และคล้ายจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง!

ต้วนหลิงเทียนง่วนอยู่กับการเคลื่อนไหว การออกกระบวนท่าแต่ละครั้งแลดูเฉียบคมและน่าทึ่งนัก!

คืนวันผันผ่าน ต้วนหลิงเทียนยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดหย่อน คล้ายไม่รู้เหน็ดเหนื่อย!

ถึงแม้ในมือต้วนหลิงเทียนจะไร้กระบี่ แต่ท่วงท่าที่กำลังร่ายรำนั้นไม่ว่าผู้ใดมองก็รู้ได้ว่าสมควรฝึกเพลงกระบี่!

เพลงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนร่ายรำออกมา เริ่มจากไร้กฏเกณฑ์ ต่อมาก็เริ่มเฉียบคมร้ายกาจ

ทว่าสุดท้ายยิ่งมา ก็ยิ่งเป็นอะไรที่อยู่เหนือความเข้าใจของเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง!

นั่นเพราะพวกมันพบว่ายิ่งมาท่วงท่ากระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก กลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ไม่แลดูร้ายกาจน่าชมดูเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป!

ตอนนี้ไปๆมาๆกลับหลงเหลือเพียงแค่ การฟัน การแทง และการตวัดกระบี่เชือดเฉือนอันเป็นท่าพื้นฐานเท่านั้น

“เกิดอันใดขึ้น!?”

หลังจากที่ทุกผู้คนจับตาดูการกระทำของต้วนหลิงเทียนมาทั้งคืน พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย จนต้องหันหน้ามามองถามกันเอง

สุดท้ายก็เป็นโฉดคลุมทองที่กล่าวพึมพำออกมาเสียงขรึม “หรือนี่จักเป็น..สูงสุดหวนคืนสู่สามัญ”

ร่างที่แท้จริงของโฉดคลุมทองคือ สุนัขนิรยขนทอง และเผ่าพันธุ์สุนัขนิรยขนทองก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับหมื่นๆปี ด้วยเหตุนี้ความรู้และภูมิปัญญาของมันจึงเหนือกว่าคนอื่นๆในที่นี้อยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครได้ยินเสียงกล่าวพึมพำนี้ของมัน

เนื่องจากความสนใจของทุกคนอยู่ที่ต้วนหลิงเทียนกันหมด

“ดูเหมือนเจ้าต้วนจะนั่งลงอีกแล้ว”

ในขณะที่หนานกงยี่กล่าวพึมพำออกมา ร่างต้วนหลิงเทียนที่เคลื่อนไหวอยู่ก็หยุดลง ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิกลางอากาศอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันทุกคนก็สังเกตได้ว่ามือของต้วนหลิงเทียนที่พักไวบนหน้าตักนั้น ยังทำท่าคล้ายถือกระบี่เอาไว้

อย่างไรก็ตามในมือย่อมไร้กระบี่ มีเพียงอากาศธาตุ

“โอย นี่เจ้าต้วนมันเป็นอะไรของมันกันแน่ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ”

เฉินเฉ่าช่วยส่ายหัวไปมาด้วยความงุนงง

อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่มัน คนอื่นๆเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

มีเพียงโฉดคลุมทองที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง ราวกับในใจกำลังตระหนักถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

ด้านนอกเกิดเรื่องอะไร ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รับรู้ ตอนนี้เขาจมจ่อมอยู่ในห้วงภวังค์อย่างสมบูรณ์

หลังจากที่ตระหนักได้ว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางสมควรเป็นยอดคนไร้ผู้ต้านของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในอดีต ต้วนหลิงเทียนก็ให้ความสำคัญกับคำ ‘กระบี่’ มากขึ้น เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นเมื่อครึ่งปีที่แล้วเขาจึงเริ่มจับจ้องมองไปยังคำ ‘กระบี่’ อีกครั้ง

หนึ่งวันผ่านไป เขาไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลย

สองวันผ่านไปก็ไม่มีใดเปลี่ยนแปลง

ผ่านไปสามวัน ก็ไร้ผลใดๆทั้งสิ้น

……

จนกระทั่งถึงวันที่ 10 ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงนิ่งเฉย

อย่างไรก็ตามพอเข้าวันที่ 11 ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายสัมผัสได้ถึงเค้าลางอะไรบางอย่างจากคำ ‘กระบี่’ ที่ยากอธิบาย ทั้งยังเลือนรางนัก…

การคงอยู่ของมันเสมือนประตู ที่กำลังเปิดอ้าออกให้ต้วนหลิงเทียนก้าวข้ามไปยังขอบเขตอื่น

แน่นอนว่า ‘ขอบเขต’ ที่ว่า คือขอบเขตของกระบี่

วินาทีนั้นต้วนหลิงเทียนก็หลับตาลง และเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งอันวิเศษที่วาบขึ้นมาในใจ

การหลับตาลงครั้งนี้กินเวลาไปถึงครึ่งปี

แน่นอนว่าตัวเขาเองย่อมไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปครึ่งปีแล้ว

เพราะสำหรับเขาตลอดครึ่งปีที่ผ่าน ใจเขาจดจ่ออยู่กับการตระหนักถึงสิ่งพิเศษที่อยู่ในใจ หลงลืมวันเวลาไปหมดสิ้น

สิ่งนั้นจะว่าข้อมูลก็ไม่ใช่ เคล็ดวิชาก็ไม่เชิง เป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะกล่าวอธิบายออกมาเป็นคำพูด

และครึ่งปีหลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นมาร่ายรำกระบี่อย่างแปลกประหลาด ยังร่ายรำออกทั้งวันทั้งคืน เพลงกระบี่เปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ ทว่าสุดท้ายกลับกลายเป็นกระบวนท่าพื้นฐาน…

และหลังจากที่เขานั่งลงขัดสมาธิอีกครั้ง ในจิตใจก็คล้ายมีองค์ความรู้และบางสิ่งระเบิดออกมา!

แม้องค์ความรู้จะไม่มากมายอะไร แต่ก็นับเป็นอะไรที่น่าเกรงขามสำหรับต้วนหลิงเทียนนัก

“ชนรุ่นหลังในอนาคต…ขอแสดงความยินดีด้วย ตัวเจ้าได้รับการยอมรับจากสำนึกเทวะ ที่ข้าเหลือทิ้งเอาไว้แล้ว”

เสียงที่มาพร้อมองค์ความรู้นั่น คล้ายไม่ได้ดังขึ้นในหู แต่ดังก้องอยู่ในใจ

“ท่านเป็นใครหรือ!?”

เผชิญกับสถานการณ์นี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมตื่นตระหนกเป็นธรรมชาติ เขาคิดจะลืมตาขึ้นมา หากแต่เขารู้สึกเหมือนยามนี้กลับสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายไปหมดสิ้น!

ซักพักในใจต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ข้าเป็นใคร? หรือนี่เจ้ามิได้เห็นข้อความที่ข้าทิ้งไว้ด้านใต้คำ ‘กระบี่’ งั้นรึ?”

เสียงดังกล่าวดังขึ้นอีกครั้ง

“ท่าน…ท่านคือเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง?!”

ต้วนหลิงเทียนตะลึงไปทันใด

ตอนนี้การสื่อสารระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเสียงดังกล่าว คล้ายกำลังสื่อสารรกันในห้วงจิตวิญญาณ

“ยังนับว่าเจ้ามิใช่ตัวโง่งมอันใด หาไม่แล้วข้ากลัวว่าต้องพิจารณาเรื่องที่จะให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดดีหรือไม่…”

เสียงก่อนหน้าดังขึ้นอีกครั้ง ยังเฉยเมยนัก

“ผู้สืบทอด?”

ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ยากจะตอบสนองอะไร

“ข้ามิมีเวลามากพอจะกล่าวอิบายอะไรกับเจ้า…เพราะนี่เป็นเพียงสำนึกเทวะที่ทิ้งไว้ในคำ ‘กระบี่’ เท่านั้น ยามที่มันถูกปลดปล่อยออกมา ก็เหลือเวลาไม่มากมายอะไรเพียงพอให้ข้าส่งมอบ เคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่ อันเป็นเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด ที่ทำให้ข้าก้าวย่ำไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…หวังว่าเมื่อเจ้าได้รับการถ่ายทอดไปแล้ว เจ้าจักไม่ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะหยุดลง

ยอดใจกระบี่!

ไม่ทันรู้ตัว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามีองค์ความรู้มหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเขา ราวกับมันเป็นข้อมูลอะไรบางอย่างชุดหนึ่ง

สุดท้ายด้วยจำนวนข้อมูลมหาศาล จิตเขาก็ไม่อาจทานทนรับไหว สิ้นสติไปทันที

ด้านนอกนั้น เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ เห็นว่าต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ…อยู่ดีๆก็ร่วงตกวูบลงมาเสียอย่างนั้น!

“นายน้อย!!”

เป็นฉงเฉวียนที่ไวกว่าใคร พุ่งไปรับร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ทัน

ทันใดนั้นทั้งหมดก็เร่งกันกรูเข้ามาดูอาการต้วนหลิงเทียนด้วยความห่วงใย

การสิ้นสติไปครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนกินเวลายาวนานถึง 9 วัน 9 คืนเต็มๆ โชคดีที่ตลอด 9 วัน 9 คืนนี้ ทุกคนพบว่าลมหายใจต้วนหลิงเทียนยังสม่ำเสมอ กระแสพลังทั่วร่างไหลรื่นไร้ติดขัด ไม่มีปัญหาใดๆ

หลังจากที่หลับไหลไป 9 วัน 9 คืน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง ทว่าเขายังไม่รีบลุกขึ้นมา

‘ดูเหมือนข้าจะฝันไป…ฝันถึงเซียนกระบี่ฟงชิงหยางมาถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญจิต อันเป็นเคล็ดบำเพ็ญเต๋ากระบี่ขั้นสูงสุด…ยอดใจกระบี่อะไรสักอย่าง’

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงจุดนี้ เขาพลันตระหนักได้ว่า กลับมีองค์ความรู้ชุดหนึ่งสถิตย์อยู่ในใจของเขา

‘ยอดใจกระบี่!?’

หลังจากอ่านองค์ความรู้ในใจ ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับตะลึงลาน ‘ไม่ใช่ฝันแต่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ!?’

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งอึนสองตาปริบๆ ยังเอื้อมมือไปหยิกเนื้อต้นขารอบหนึ่ง!

เขาต้องการยืนยันว่านี่เขากำลังฝันไปหรือไม่!