บทที่ 174 เรียกพ่อสิ

บทที่ 174 เรียกพ่อสิ

ถังเสี่ยวถังรู้สึกมึนงง

เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวประหลาดแบบไหน แต่ถ้าโจวอี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ เขาคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเป็นลม

“อาจารย์ ผมควรทำยังไงดี”

“ซ่อนความสามารถนี้เอาไว้ก่อน”

เมื่อโจวอี้ได้สติ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา “ครั้งหนึ่งฉันเคยดูในละครทีวี ในนั้นบอกว่าถ้ามีคนเจอสถานการณ์ประหลาดที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาจะถูกจับและขังไว้ในห้องทดลอง และจะถูกผ่าเพื่อการวิจัย ดังนั้นนายห้ามปล่อยเปลวไฟต่อหน้าคนนอก หรือแม้แต่พูดเรื่องนี้ให้คนนอกฟังก็ห้ามเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ!” ถังเสี่ยวถังรีบพยักหน้า

“แล้วก็มีบางอย่างผิดปกติกับเปลวเพลิงที่นายปล่อยออกมา พลังทำลายล้างของมันน่ากลัวกว่าเปลวเพลิงทั่วไป นายไม่ควรปล่อยมันออกมาถ้าฉันไม่อนุญาต ไม่อย่างนั้นเปลวเพลิงของนายจะคร่าชีวิตผู้คนและเผาผลาญสิ่งต่าง ๆ มากมาย”

“ผมจะเก็บมันไว้ในท้องของผม… ไม่สิ ในตันเถียน…”

“จำคำสัญญานี้ของนายเอาไว้ให้ดี” โจวอี้พูดพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อว่า “จากวันนี้ไป ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน นายก็ต้องตามฉันไปที่นั่น นายห้ามออกห่างจากฉันจนกว่านายจะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์”

“แต่ น้องสาวของผม..” ถังเสี่ยวถังลังเล

“ไม่ต้องห่วงเสี่ยวรุ่ย ให้เธออยู่บ้านนี้ ถึงเราไม่อยู่บ้าน พี่เลี้ยงเหม่ยจะดูแลน้องของนายเอง และเมื่อฉันรักษาขาของเสี่ยวรุ่ยเสร็จ ฉันจะส่งเธอไปโรงเรียนเหมือนกับเหมียวเหมี่ยวลูกสาวของฉัน”

ถังเสี่ยวถังตกตะลึง

ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือให้น้องสาวของเขามีอาหารกินอิ่ม มีเสื้อผ้าอุ่น ๆ และใช้งานขาได้อย่างปกติ

ทว่าอาจารย์คนนี้ไม่เพียงที่จะตอบสนองความปรารถนาของเขาได้เท่านั้น แต่ยังเต็มใจที่จะส่งน้องสาวของเขาไปโรงเรียนด้วย!

ถังเสี่ยวถังคุกเข่าลงบนพื้นและโขกศรีษะอย่างหนักให้กับโจวอี้

เขาไม่ได้เอ่ยคำขอบคุณในครั้งนี้ แต่ความรู้สึกขอบคุณของเขาฝังลึกลงไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ

โจวอี้พยุงร่างของเด็กชายขึ้นมา มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “เอาล่ะ ๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะหาชุดสะอาด ๆ ให้นายใส่ นายเปลือยแบบนี้มันไม่น่าดูเท่าไหร่เลย”

ทันใดนั้นถังเสี่ยวถังก็จำได้ว่าเปลวไฟที่เขาปล่อยออกมาได้เผาไหม้เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดแล้ว และตอนนี้เขาก็เปลือยอยู่จริง ๆ

เขาพลันหน้าแดง รีบเอามือปิดที่เป้าแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ

โจวอี้ละสายตาและหันกลับมามองถังหว่าน

เขาค่อนข้างผิดหวังกับถังหว่าน

ไม่ใช่ว่าเขาอารมณ์อ่อนไหว แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าถังหว่านจะมองเขาเลวร้ายได้ถึงขนาดเชื่อว่าเขาจะสามารถจุดไฟเผาเด็กบริสุทธิ์ได้

“ฉัน…” ริมฝีปากของถังหว่านบิดเบี้ยว และแววตาของเธอดูสับสน

“เข้าใจหรือยัง?” โจวอี้ถาม

“อืม เข้าใจแล้ว!” ถังหว่านพูดพร้อมกับก้มหน้าลง

“คุณจงจำไว้ ผมคือพ่อของเหมียวเหมี่ยว แม้ว่าพ่อของลูกสาวคุณจะสามารถฆ่าคนและจุดไฟเผาพวกศัตรูได้ทั้งเป็น แต่เขาจะปฏิบัติแบบนั้นต่อผู้ร้ายหรือพวกศัตรูเท่านั้น เขาจะไม่ทำร้ายคนดี นับประสาอะไรกับการทำร้ายเด็ก!” โจวอี้พูดด้วยเสียงต่ำ

“ฉัน…ฉันรู้” ถังหว่านรู้สึกละอายใจ

“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ไปปลุกเหมียวเหมี่ยวมา แล้วลงมากินอาหารเช้า” โจวอี้กำลังจะเดินจากไปแต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และพูดอีกครั้ง “เรื่องที่เกิดขึ้นกับถังเสี่ยวถัง คุณห้ามบอกใคร เราต้องเก็บเป็นความลับ”

“อืม” ถังหว่านพยักหน้าเบา ๆ แต่เมื่อเธอเห็นว่าโจวอี้หันหลังกลับและเดินออกไป เธอก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “ฉันจะไปเมืองภาพยนตร์ ฉันไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เหมียวเหมี่ยว…”

“คุณตัดสินใจแน่แล้ว?” โจวอี้หยุดฝีเท้าและหันกลับมาถาม

“อืม!”

“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ผมก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาชีพการงานของคุณ เอาเลย ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมจะดูแลเหมียวเหมี่ยวเอง” โจวอี้พูดจบก็หันหลังเดินจากไปอีกครั้ง

ถังหว่านมองตามแผ่นหลังของโจวอี้ด้วยความรู้สึกขมขื่น

เธอรู้สึกได้ว่าแม้โจวอี้จะสงบมาก แต่ท่าทีของเขาที่มีต่อเธอได้เปลี่ยนไป เขากลายเป็นเย็นชา เธอรู้ดีว่าความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ของเธอทำร้ายจิตใจโจวอี้จริง ๆ

โจวอี้พบเสื้อผ้าชุดหนึ่งและขอให้เหม่ยหลานช่วยตัดเย็บใหม่อีกครั้งเพื่อให้มันเล็กลง ก่อนที่เขาจะไปที่ครัวเพื่อทำอาหารเช้า

ถังหว่านออกไปแล้ว

เธอไม่ได้อยู่รับประทานอาหารเช้าหรือแม้แต่รอลูกสาวตื่นนอน

เมื่อจานอาหารถูกวางลงบนโต๊ะ เด็กทั้งสามที่รออยู่สักพักก็เริ่มกิน แม้แต่ถังเหมียวเหมี่ยวซึ่งมักจะละเลียดกินของว่างอย่างช้า ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากถังเสี่ยวถังและถังเสี่ยวรุ่ยให้กินเร็วขึ้น

อาหารเช้าหมดแล้ว

โจวอี้ส่งถังเสี่ยวรุ่ยให้เหม่ยหลานดูแล ในขณะที่เขาออกจากบ้านไปกับลูกสาวของเขา

ถังเสี่ยวถังสวมเสื้อคลุมตัวโคร่งแบบจีนเดินตามโจวอี้เพื่อส่งถังเหมียวเหมี่ยวไปที่โรงเรียน

“ไปชอปปิงกันเถอะ”

“อาจารย์ เสื้อผ้าของผมก่อนหน้านี้…”

“พวกนั้นมันเก่าแล้ว อย่าไปสนใจ หลังจากนี้ฉันจะซื้อให้ใหม่ทั้งหมด”

เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุด หลังจากสูบไปสองครั้งก็พูดว่า “ต่อจากนี้อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์ ฉันยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรับลูกศิษย์ ให้เรียกฉันว่า ‘พ่อ’ แทน”

ฮะ!

โจวอี้นึกถึงโจวถง

เนื่องจากโจวถงเองก็มีพ่อบุญธรรม ดังนั้นมันจะไปมีปัญหาอะไรหากเขาจะรับถังเสี่ยวถังและถังเสี่ยวรุ่ยและให้เด็กทั้งสองคนเรียกเขาว่าพ่อ?

พ่อ?

ถังเสี่ยวถังตกตะลึง ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ

โจวอี้รู้ว่าขนาดชุดของถังเสี่ยวรุ่ยนั้นใกล้เคียงกับถังเหมียวเหมี่ยวลูกสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงซื้อเสื้อผ้ามาหกชุด รองเท้าและถุงเท้าหกคู่ในคราวเดียว

สำหรับถังเสี่ยวถังนั้น โจวอี้ได้พาไปลองซื้อเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าให้เด็กชายมาสี่ชุด

จากนั้นโจวอี้ก็พาถังเสี่ยวถังไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และซื้อของใช้สำหรับถังเสี่ยวถังและถังเสี่ยวรุ่ย

เมื่อกลับถึงบ้าน

โจวอี้เก็บเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าสำหรับเด็กผู้หญิงเอาไว้สองชุดสำหรับลูกสาวของเขา ส่วนที่เหลืออีกสี่ชุดที่ซื้อมาใหม่นั้น เขามอบให้กับถังเสี่ยวรุ่ย

เมื่อเห็นเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้ามากมาย ถังเสี่ยวรุ่ยไม่ได้เผยสีหน้ามีความสุขมากนัก ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอดูกังวล ถ้าเธอไม่เห็นเสื้อผ้าใหม่ของพี่ชาย เธอคงไม่กล้าแตะต้องเสื้อผ้าใหม่ของเธอ

“เสี่ยวรุ่ย เธอกับพี่ชายของเธอจะต้องเรียกฉันว่าพ่อ! และนี่คือบ้านของเธอ เธอได้ยินชัดไหม?” โจวอี้อุ้มถังเสี่ยวรุ่ยขึ้นมาก่อนจะวางเด็กน้อยนั่งบนขาของเขา

“ฮะ?” ร่างกายของถังเสี่ยวรุ่ยสั่นเทา เธอหันไปมองถังเสี่ยวถัง และเมื่อเธอพบว่าพี่ชายของเธอพยักหน้าให้ เธอจึงยอมเรียกโจวอี้ว่า “พ่อ” ด้วยเสียงที่งึมงำเหมือนยุงเพราะความเขินอาย

โจวอี้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และหอมแก้มเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความเอ็นดู จากนั้นเขาก็หันไปยิ้มให้ถังเสี่ยวถัง

“พ่อ…” ถังเสี่ยวถังเอ่ยตาม

“ฮ่าฮ่า แบบนี้แหละ!” โจวอี้หยิบกระเป๋าเงินออกมา จากนั้นก็หยิบธนบัตรใบละร้อยหยวนออกมาปึกหนึ่งส่งให้ถังเสี่ยวถังแล้วพูดว่า “นายฉลาดมาก และอีกไม่นานนายจะอายุสิบขวบแล้วแถมหลังจากนี้ยังต้องติดตามฉันไม่ห่าง เพราะงั้นเอาเงินเล็กน้อยนี้ติดตัวไปด้วยนะ เอาไปเถอะ”

“มากเกินไป มันมากเกินไป!” ถังเสี่ยวถังพบว่ามันเป็นจำนวนอย่างน้อยก็สี่หรือห้าพันหยวน

“มากไปตรงไหน? นี่มันก็แค่เงินเล็กน้อย อย่าทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงเลย รับไปซะ!”

“ครับ!” ถังเสี่ยวถังรับไปด้วยสีหน้าลังเล

“เสี่ยวรุ่ย ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กที่ฉลาดและมีเหตุผล แต่เธอค่อนข้างขี้อาย จากนี้เธอควรเปลี่ยนตัวเองให้กล้าหาญ แม้ว่าฉันและแม่ถังหว่านและพี่ชายของเธอจะปกป้องเธอได้ แต่เธอแก่กว่าเหมียวเหมี่ยวถึงสองปี เธอควรปกป้องเหมียวเหมี่ยวของเธอได้ด้วยเหมือนที่เราปกป้องเธอ เธอเข้าใจไหม?” โจวอี้กล่าว

ถังเสี่ยวรุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รวบรวมความกล้าและพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมว่า “เข้าใจแล้ว หนูจะกล้าหาญ!”

“ดีมาก! ลูก ๆ ของฉันควรจะกล้าหาญ!” โจวอี้หัวเราะ

ในขณะเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนทาง SMS ก็ดังขึ้น

โจวอี้หยิบโทรศัพท์มือถืออกมาเปิดอ่าน ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

เฉิงฮ่าวส่งข้อความมาสั้น ๆ

[ช่วยด้วย!]