บทที่ 175 ยอมตายดีกว่ายอมจำนน

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 175 ยอมตายดีกว่ายอมจำนน

บทที่ 175 ยอมตายดีกว่ายอมจำนน

‘ถูกงูกัดครั้งเดียว คุณจะกลัวเชือกสานไปสิบปี’

ตอนนี้โจวอี้เชื่อใจเฉิงฮ่าว แต่มันไม่ใช่ความเชื่อใจระหว่างพี่น้อง

เมื่อถูกหักหลัง ภราดรภาพที่เคยมีย่อมจบสิ้นลง

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์แบบร่วมมือ โดยมีจุดประสงค์ร่วมกันก็คือการกำจัดนิกายดอกบัวขาวให้หมดสิ้น

เมื่อโจวอี้เห็นข้อความขอความช่วยเหลือจากเฉิงฮ่าว เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหว

เขาต้องการช่วยเฉิงฮ่าวเพราะอีกฝ่ายยังมีประโยชน์อยู่

เขาต้องใช้เฉิงฮ่าวเป็นเหยื่อล่อดึงดูดพวกสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายดอกบัวขาวแล้วฆ่าทิ้งให้สิ้นซาก

ณ เซียงจางวิลล่า

ภายในวิลล่าเดี่ยวที่หรูหราและงดงาม เฉิงฮ่าวนั่งอยู่ที่พื้นในสภาพที่มีบาดแผลมากมาย เสื้อผ้าของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและเลือด รอบตัวเขามีศพสี่ศพ ทั้งหมดเล้วนป็นคนสนิทของเขา

“ยังไม่พูดอีกเหรอ?”

ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมซีดเอ่ยถามอย่างเย็นชา

อีกฝ่ายนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าก๊อซพันรอบคอ และทั้งตัวของเขายังคงมีกลิ่นยาที่ไม่พึงประสงค์ ส่วนที่หว่างนิ้วขาวและเรียวของเขามีมีดขว้างหมุนอยู่ตลอดเวลา และมีผีเสื้อที่สวยงามชนิดหนึ่งบินอยู่ในหมอกควัน

“ไม่มี! ฉันเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ถ้าแกอยากฆ่าก็ฆ่าซะ!” เฉิงฮ่าวเช็ดเลือดออกจากปากด้วยนิ้วหัวแม่มือและหัวเราะเยาะตัวเอง

“ไม่ ไม่ ไม่ แกไม่ใช่ปลาซิวปลาสร้อย แม้แกจะเป็นคนที่ร่ำรวยในเมืองจินหลิงแต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงในโลกผู้ฝึกยุทธ์ อีกฝ่ายสามารถฆ่าแกได้ แต่กลับแค่ตัดแขนแกเท่านั้น มันชี้ให้เห็นได้เลยว่าแกเนี่ยแหละคือปลาใหญ่ ปลาตัวใหญ่มาก ๆ ซะด้วย” จินตงหัวเราะเยาะ

“มีหลักฐานรึไง!” เฉิงฮ่าวตะคอกกลับ

“หลักฐาน? น่าสนใจ ในฐานะผู้นำของหอพิทักษ์กฎ ฉันเคยถูกถามถึงไอ้เรื่องหลักฐานนี่เหมือนกันก่อนที่ฉันจะทำลายตระกูลจง ฮ่า ตอนนี้แกคิดว่าจำเป็นไหมที่จะต้องพูดถึงหลักฐาน?” จินตง ตวัดนิ้วของเขา และมีดขว้างก็เจาะเข้าที่ไหล่ของเฉิงฮ่าวทันที

“แกทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะถูกครหาจากพวกศิษย์สายนอกรึไง?” เฉิงฮ่าวถามด้วยความโกรธ

“แน่นอนว่าฉันกลัว โดยเฉพาะที่ตอนนี้แกได้กลายเป็นแกนหลักของพวกศิษย์สายนอกของนิกาย… จิ๊ จิ๊ จิ๊ แกคงภูมิใจมากสินะ” จินตงแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “แต่พ่อของฉัน ลุงอีกสองคนของฉัน และลูกสาวของฉันทั้งหมดตายด้วยน้ำมือของนังบ้านั่น ตอนนี้แกคิดว่าฉันจะสนใจหาหลักฐานเพื่อแสดงความชอบธรรมในการฆ่าแกงั้นเหรอ?”

เฉิงฮ่าวเงียบ

เขารู้ว่ามันเป็นหนี้เลือด

แต่เขาไม่ต้องการให้ชีวิตของเขาถูกควบคุม เขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยง อย่างมากก็แค่ตายเท่านั้น

นอกจากนี้ เมื่อเขาโทรหาโจวอี้ก่อนหน้านี้ เขาได้ยินจากคำพูดของโจวอี้ว่าหลันเสวียนได้สังหารนิกายดอกบัวขาว หญิงคนนั้นใกล้ชิดกับโจวอี้มาก และการโจมตีที่กล้าหาญของเธอนี้ก็เป็นเพราะโจวอี้

ดังนั้นไอ้พวกชั่วที่เหลืออยู่ของนิกายดอกบัวขาวจะต้องชดใช้อย่างสาสม

“เฉิงฮ่าว ให้ฉันถามแกเป็นครั้งสุดท้ายนะ ทำไมแกถึงไปที่เผิงเฉิง? ผู้อาวุโสทั้งสองล่วงเกินนังบ้าหลันเสวียนได้ยังไง ตอบฉันมา แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก แต่ถ้าแกไม่ตอบ แกตาย!” จินตงดูเหมือนจะหมดความอดทน

นอกลานบ้าน ชายร่างกำยำสองคนเฝ้าประตูและมองไปรอบ ๆ อย่างเย็นชา ในสนามมีชายสองคนและผู้หญิงอีกสองคนยืนตัวตรงเหมือนหอกสี่เล่มปักอยู่ในสนามหญ้า

บนหลังคาของวิลล่า หนุ่มสาวสองคนนั่งยอง ๆ อยู่ที่ยอดหลังคาทั้งสองด้านทางทิศเหนือและใต้ พวกเขาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวรอบด้านอย่างระมัดระวัง

ตุบ!

ร่างหนึ่งปีนข้ามกำแพงลานด้านตะวันออกเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

จากนั้นก็วิ่งตรงไปทางฝั่งตะวันออกของวิลล่าโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ก่อนจะปีนผนังวิลล่าขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสองราวกับตุ๊กแก

จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องโถงเล็กบนชั้นสอง ก่อนจะชะโงกลงไปดูฉากในห้องโถงชั้นหนึ่ง

“ถ้าฉันบอกแก แกจะละเว้นฉันแน่นะ?” เฉิงฮ่าวทรุดตัวลงบนพื้นห้องโถงชั้นหนึ่ง

“แน่นอน!”

“งั้นให้คนอื่น ๆ ออกไปก่อน ฉันไม่ไว้ใจพวกเขา” เฉิงฮ่าวชี้ไปยังคนทั้งสองที่อยู่ข้างหลังจินตง

“ฉันขอเตือนแกไว้นะ… อย่าเล่นตุกติก” จินตงพูดอย่างเย็นชา “พวกเขาทั้งหมดมาจากหอพิทักษ์กฎ แกไว้ใจพวกเขาได้”

“ถ้าพวกเขารู้ พวกเขาจะต้องตาย” เฉิงฮ่าวกล่าว

“แกหมายถึงอะไร?” จินตงขมวดคิ้ว

“ให้พวกเขาออกไป!”

จินตงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วโบกมือ ชายวัยกลางคนสองคนมองไปที่เฉิงฮ่าวอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกจากห้องโถงไปพร้อมกัน

“ทีนี้พูดมาได้รึยัง?” จินตงถามอย่างเย็นชา

“มันเป็นนิกายเร้นลับ ผู้อาวุโสเกาอู๋พบความลับบางอย่างของนิกายเร้นลับในโลกตงเทียน พวกเขาจึงถูกฆ่าตาย หลันเสวียนเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของนิกายนั้น” เฉิงฮ่าวกล่าวอย่างขมขื่น

“แกว่ายังไงนะ?”

สีหน้าของจินตงเปลี่ยนไปมาก และเขาก็กระโดดขึ้นจากโซฟา

เขาคิดว่ามันไร้สาระ แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันดูเป็นไปได้

นิกายเร้นลับนั้นลึกลับมาก แม้นิกายดอกบัวขาวจะเป็นนิกายย่อยของนิกายเร้นลับ ยกเว้นผู้อาวุโสที่มีอำนาจเพียงไม่กี่คนแล้วก็ไม่มีใครรู้รายละเอียดของนิกายเร้นลับเลย

แต่เขารู้ว่าปู่ของเขาเคยเป็นผู้อาวุโสของนิกายเร้นลับ และพ่อของเขาก็เป็นศิษย์ของนิกายเร้นลับ

ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด มีเพียงนิกายเร้นลับและอีกสองนิกายเท่านั้นที่สามารถฟูมฟักอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างหลันเสวียน ผู้ซึ่งสามารถทำลายนิกายดอกบัวขาวได้โดยลำพังทั้งที่อายุอยู่ในวัยยี่สิบกว่าเท่านั้น

แต่อะไรคือสาเหตุที่ทำให้นิกายเร้นลับอยากทำลายนิกายดอกบัวขาว?

“สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง หลันเสวียนเป็นศิษย์ของนิกายเร้นลับ เธอเป็นยอดอัจฉริยะของนิกายเร้นลับ ก่อนที่ผู้อาวุโสเกาอู๋จะตาย ฉันซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร และได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน มันเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าโศกและโกรธแค้น” เฉิงฮ่าวกล่าว

“คำพูดอะไร?”

“ผู้อาวุโสเกาอู๋คำรามว่า ‘พวกเรานิกายดอกบัวขาวเต็มใจที่จะเป็นสุนัขของท่าน แต่เพราะเราบังเอิญไปรู้ความลับ ท่านก็จะฆ่าเราง่าย ๆ งั้นหรือ’ เวลานั้น ผู้อาวุโสเกาอู๋สิ้นหวังมาก และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูโกรธและขุ่นเคืองจริง ๆ” เฉิงฮ่าวกัดฟันพูด

“นี่…” จินตงราวกับถูกฟ้าผ่า เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา

ที่ชั้นสอง

โจวอี้มองลงไปยังสองคนด้านล่างและฟังการสนทนาของพวกเขา เขารู้สึกเย้ยหยันเล็กน้อย ‘เฉิงฮ่าวกำลังโกหกผู้ชายคนนั้น และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเชื่อจริง ๆ’

และทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าจู่ ๆ เฉิงฮ่าวที่มีบาดแผลเต็มร่างก็กระโจนเข้าหาอีกฝ่ายและแทงจินตงด้วยมีดแหลม

“เลือกจังหวะได้ดีจริง ๆ” โจวอี้แอบปรบมือและกระโดดลงมา

ในเวลาเดียวกัน เข็มสีเงินสองเล่มก็พุ่งออกจากมือของเขา

จินตงตกใจ เขาไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของเฉิงฮ่าวในตอนแรกเพราะกำลังอยู่ในอารมณ์งุนงง ดังนั้นกว่าเขาจะได้ตอบสนอง เฉิงฮ่าวก็แทงมีดใส่เขาต่อหน้าต่อตา

“ไอ้สารเลว! ไอ้ฉิบหาย…”

เมื่อถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว จินตงจึงหนีไปอีกด้านหนึ่ง และทันใดนั้นเข็มเงินสองก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะของเขาอย่างเงียบเชียบ

ฉึก!

เฉิงฮ่าวสะดุด แต่มีดของเขาได้ฉีกหลอดเลือดแดงใหญ่ของจินตง

ประสบความสำเร็จ?

ทำไมง่ายแบบนี้?

เฉิงฮ่าวรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาลอบโจมตีจินตงด้วยความตั้งใจที่จะแลกด้วยชีวิต หรือต่อให้เขาไม่สามารถฆ่าจินตงได้ เขาก็มั่นใจว่าน่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้เขากลับต้องประหลาดใจเพราะมันสำเร็จง่ายดายเหลือเกิน