บทที่ 176 สังหารศัตรู
บทที่ 176 สังหารศัตรู
จินตงไม่เคยคาดฝันว่าจะมีคนซ่อนตัวอยู่ชั้นบน เข็มเงินสองเล่มพุ่งเข้าแทงศีรษะของเขาแต่มันไม่ได้ปลิดชีวิตเขาในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความยากลำบาก และก็ได้เห็นร่างที่กำลังกระโจนลงไปทางประตูห้องโถง
ใคร?
ทำไมถึงมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งอยู่กับเฉิงฮ่าว?
หรือว่าเรื่องที่เฉิงฮ่าวพูดมาก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องเท็จ ศัตรูทั้งหมดรวมไปถึงหลันเสวียนไม่ได้มาจากนิกายเร้นลับ? แต่คือกองกำลังบางกลุ่มที่เป็นฝ่ายฆ่าล้างนิกายดอกบัวขาวของเขา?
ประตูห้องโถงถูกถีบออก และชายวัยกลางคนสองคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ก็บุกเข้ามา
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น
ชายวัยกลางคนสองคนยกอาวุธขึ้นสกัดกั้นเข็มเงินหลายเล่มที่ถูกซัดเข้าใส่ แต่พริบตาเดียวหลังจากนั้น ร่างหนึ่งก็กระโจนเข้าประชิดพวกเขาอย่างดุดัน
การโจมตีจากกำปั้นรุนแรงราวกับคลื่นสมุทร มันรุนแรงจนเกิดเป็นคลื่นอากาศระเบิดและทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ ราวหกหรือเจ็ดวินาที ทั้งสองก็ถูกหลายสิบหมัดชกเข้าใส่
พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้จากหอพิทักษ์กฎของนิกายดอกบัวขาว พวกเขามีพลังมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโจวอี้ซึ่งเป็นกึ่งปรมาจารย์แล้ว พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะสู้กลับได้เลย
เมื่อร่างของพวกเขาทั้งสองล้มลงพื้น หัวใจและเส้นเลือดของพวกเขาได้รับความเสียหายรุนแรง และกระดูกของพวกเขาหักมากกว่าสิบแห่ง หลังจากการชักกระตุกไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็แน่นิ่งไม่ไหวติง
“นึกว่านิกายดอกบัวขาวจะส่งคนเก่ง ๆ มา ที่ไหนได้กลับส่งพวกปลาและกุ้งตัวเล็ก ๆ” โจวอี้ชำเลืองมองไปยังศพทั้งสอง และหันสายตาไปยังชายและหญิงสี่คนที่พุ่งเข้ามา
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
มีคนอีกสี่คนวิ่งเข้ามา นั่งคือคนที่เคยอยู่นอกลานบ้านและบนหลังคา
ผู้เชี่ยวชาญแปดคนจากหอพิทักษ์กฎของนิกายดอกบัวขาวล้อมรอบโจวอี้ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ดาบของพวกเขาชี้ไปที่โจวอี้
“แกเป็นใคร! แกทำอะไรกับหัวหน้าหอของเรา?” ชายร่างกำยำที่ใบหน้ามีแผลเป็นถามขึ้น
“พวกชั่วที่เหลืออยู่ของนิกายดอกบัวขาวนี่ไร้มารยาทจริง ๆ แกควรแนะนำตัวเองก่อนที่จะถามว่าฉันเป็นใครไม่ใช่เหรอ?” โจวอี้แก้เชือกผ้าที่หน้าอกของเขาออก และดึงเอาไม้เท้าหัวมังกรที่เหน็บอยู่ข้างหลังมาถือ
“นิกายดอกบัวขาว จ้านเก๋อ” ชายร่างกำยำที่ใบหน้ามีแผลเป็นกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“นิกายเร้นลับ ซาโก่ว” โจวอี้ยิ้ม
นิกายเร้นลับ?
ทันใดนั้น ทั้งแปดคนก็หันมาสบตากันอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เฉิงฮ่าวก้าวออกมา เขาเห็นโจวอี้ถูกล้อมรอบและยังได้ยินเสียงโจวอี้แนะนำตัวเอง
มาจากนิกายเร้นลับ? ไม่ใช่ว่านั่นเป็นมุกเอาไว้หลอกจินตงหรอกเหรอ?
แล้วชื่อซาโก่วนั่นมันบ้าอะไรกัน?
นักฆ่าสุนัข?
จู่ ๆ เฉิงฮ่าวก็อยากจะหัวเราะ เขาไม่ได้เข้าไปช่วยโจวอี้ แต่ยืนจับแขนตัวเองที่มีบาดแผลและพิงประตูเพื่อเฝ้ามอง แม้ว่าตอนนี้จะเจ็บไปทั้งตัวเขาก็ไม่สน เขาอยากดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้น โจวอี้ก็ชิงลงมือก่อน
ไม้เท้าหัวมังกรในมือของเขาฟาดออกอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นชั้นของเงา มันกวาดไปทางคนสองคนทางด้านขวา ความเร็วที่น่ากลัวนี้ทำให้สองคนนั้นไม่มีโอกาสหลบได้ทัน
พวกเขารีบยกดาบขึ้นมาป้องกันอย่างรวดเร็ว แต่ไม้เท้าหัวมังกรบดขยี้ดาบทั้งสองเล่มจนแตกกระจาย ในขณะที่กำปั้นซ้ายของโจวอี้ก็พุ่งชกเข้าไปที่ลำคอของพวกเขาในทันที บดขยี้กระดูกจนแหลกละเอียด
“ฆ่า!” อีกหกคนที่เหลือพุ่งดาบไปที่โจวอี้
“ช่างน่าสงสาร!” โจวอี้พึงพอใจมากกับปฏิกิริยาของคนเหล่านี้ที่ตอบสนองเมื่อเพื่อนถูกฆ่า
จากนั้นด้วยความเร็วและพละกำลังที่เหนือกว่า เขาเคลื่อนไหวท่ามกลางคนทั้งหก ทุกครั้งที่ไม้เท้าหัวมังกรฟาดออกไป มันสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหล่าผู้คนของนิกายดอกบัวขาวได้อย่างรุนแรง
เฉิงฮ่าวยืนพิงประตูและได้ยินคำว่า “สงสาร” ของโจวอี้
ฉากต่อสู้ต่อหน้าเขาทำให้เขาเข้าใจความหมายของคำนี้ โจวอี้สงสารกับการเลือกของอีกฝ่ายที่ไม่ยอมแยกย้ายหลบหนีในทันที แต่กลับร่วมมือกันเพื่อปิดล้อมโจวอี้
หากพวกเขาเลือกที่จะหลบหนี พวกเขาอาจมีโอกาสนำข้อมูลของโจวอี้ไปบอกผู้แข็งแกร่งที่เหลืออยู่ของนิกายดอกบัวขาวได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาคิดไม่ได้ และแน่นอนว่าตัวตนของโจวอี้ก็คงจะเป็นความลับต่อไป
สองนาทีต่อมา สี่ในหกคนที่เหลือก็เสียชีวิต ในขณะที่อีกสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและพยายามหันหลังหนี และในที่สุดพวกเขาก็ตายไปด้วยน้ำมือของโจวอี้
โจวอี้จัดการกับศัตรูเสร็จแล้วก็มองไปที่เฉิงฮ่าว ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วถามว่า “คุณไม่รู้ว่าผมมาถึงก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหม ก็เลยกล้าโกหกปั้นแต่งเรื่องพวกนั้น ไม่กลัวตายหรือไง”
“ผมกลัว แต่อีกฝ่ายคงไม่ให้เวลาผมมากเท่าไหร่หรอก” เฉิงฮ่าวยักไหล่ แต่นั่นทำให้บาดแผลที่ไหล่ของเขาเจ็บปวดเพิ่มขึ้น “แต่สุดท้ายผมก็ฆ่าเขาได้ จริงไหม”
“คุณฆ่าเขาได้เองจริงเหรอ?” โจวอี้ยิ้ม
หากไม่มีเข็มเงินสองเล่มที่เขาลอบยิงออกไป เฉิงฮ่าวจะฆ่าจินตงได้อย่างไร
พูดได้คำเดียวว่าผู้ชายคนนั้นตายอย่างไม่ยุติธรรม
ช่วงเวลาที่จินตงเสียสมาธิ ประกอบกับการโจมตีด้านหน้าจากเฉิงฮ่าว ทำให้โจวอี้มีโอกาสที่จะฆ่าด้วยเข็มเงิน ไม่เช่นนั้นเขาจะฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับกึ่งปรมาจารย์ง่าย ๆ ภายในอึดใจได้อย่างไร?
“เอื้อมมือออกมา!” โจวอี้กล่าว
เฉิงฮ่าวจึงยกข้อมือขึ้น
โจวอี้สัมผัสชีพจรของเฉิงฮ่าวและตรวจสอบบาดแผลของอีกฝ่าย เขาพบว่าแม้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพน่าสังเวชแต่ก็ไม่ร้ายแรงถึงตาย การรักษาแบบธรรมดาก็คงเพียงพอแล้ว
“คนพวกนี้เป็นพวกของนิกายดอกบัวขาวใช่ไหม” โจวอี้ถาม
“ใช่ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญของหอพิทักษ์กฎจากนิกายดอกบัวขาว” เฉิงฮ่าวพยักหน้า
“มีหลายคนเลยที่มาที่นี่ เห็นได้ชัดว่านิกายดอกบัวขาวคงจะยังมีคนที่หนีรอดไปได้อยู่เยอะพอสมควร” โจวอี้ขมวดคิ้ว
“ตามข้อมูลที่ผมรู้มา หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนอยู่ในนิกายดอกบัวขาวอีก ถ้านับรวมคนเหล่านี้ที่ถูกคุณฆ่าไป จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่เหลืออยู่ในนิกายดอกบัวขาวน่าจะมีอีกไม่เกินห้า”
“คุณมีข้อมูลของห้าคนนั้นไหม” โจวอี้ถาม
“มี! เอาไว้ผมจะส่งให้”
“อืม!” โจวอี้พยักหน้า
ชายหนุ่มรักษาบาดแผลของเฉิงฮ่าวและได้รับข้อมูลของคนทั้งห้า จากนั้นเขาก็นั่งลงในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยศพ ก่อนจะมองไปที่เฉิงฮ่าวซึ่งหน้าซีดแล้วถามว่า “คุ้มไหม”
“มันคุ้มค่าที่จะมีชีวิตอยู่แน่นอน” เฉิงฮ่าวยิ้ม
“ถ้าห้าคนนั้นตายไปแล้ว ถ้าคุณต้องการอยู่ในจินหลิง คุณก็สามารถใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปได้ แต่ถ้าคุณไม่ต้องการ ก็จงไปต่างประเทศเพื่อตามหาภรรยาของคุณ” โจวอี้กล่าวอย่างใจเย็น
“ถ้าผมมีชีวิตรอดอยู่ถึงตอนนั้น ผมจะพิจารณาอีกที” เฉิงฮ่าวตอบกลับก่อนจะโยนบัตร ATM ให้กับโจวอี้และพูดอย่างใจเย็นว่า “มีเงินแปดร้อยล้านหยวนอยู่ในนั้น มันเป็นของนิกายดอกบัวขาวที่บังคับให้ผมหามา แต่ตอนนี้พวกเขาตายไปแล้ว คุณก็เอาไปเถอะ เฮ้อ ความรู้สึกในการให้ครั้งนี้มันแตกต่างกันจริง ๆ”
“แตกต่างยังไง?”
โจวอี้พบว่าที่บัตร ATM มีการเขียนรหัสผ่านไว้
“มันต่างกันแน่นอน อย่างน้อยผมก็เต็มใจให้คุณ ผมไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้งที่ต้องให้เงินไอ้พวกนั้น” เฉิงฮ่าวยิ้ม
“ฮ่าฮ่า!”
โจวอี้ยิ้มและโยนบัตร ATM คืนกลับไปให้เฉิงฮ่าวก่อนจะพูดว่า “เก็บเงินของคุณไว้! กำจัดศพพวกนี้อย่าให้เหลือร่องรอย”
“คุณไม่ต้องการ?” เฉิงฮ่าวถาม
“ผมกำลังจะรวยมากอยู่แล้ว เงินเล็กน้อยแค่นี้ผมไม่สนใจหรอก” โจวอี้โบกมือ ก่อนจะจุดบุหรี่สูบ จากนั้นเขาก็ถามต่ออีกว่า “คุณมีวิธีล่อห้าคนนั้นออกมาไหม”
“เรื่องนี้ผมคงช่วยไม่ได้เพราะไม่มีข้อมูลติดต่อของพวกเขา เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเริ่มตามตัวผม”
“น่าเสียดาย…”
“ไม่น่าเสียดายหรอก ผู้อาวุโสชิวตงป๋อที่หลบหนีอยู่นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ เป็นปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมานานหลายปี เขามีชื่อเสียงมาก”
“ไม่ว่าจะเลิศล้ำแค่ไหนก็ถูกหลันเสวียนไล่ฆ่าเหมือนสุนัขและต้องหนีหางจุกตูด” โจวอี้เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน แต่สุดท้ายผู้แข็งแกร่งในขอบเขตปรมาจารย์ก็ยังไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถเอาชนะได้ในตอนนี้
“คุณกับหลันเสวียน…”
“อย่าถามอะไรผมเลย ถึงจะถาม ผมก็ไม่บอก” โจวอี้โยนบุหรี่ที่ดูดไปแล้วครึ่งหนึ่งทิ้งลงในที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะกลับไป
“มีอีกอย่างที่ผมต้องบอกคุณ” เฉิงฮ่าวกล่าว
“อะไร?”
“แม้ว่าศิษย์สายในของนิกายดอกบัวขาวจะถูกฆ่าเกือบหมด แต่ก็ยังมีศิษย์สายนอกบางคนที่เหลืออยู่แบบผม”
“มีกี่คน พวกเขาเป็นใคร” โจวอี้ขมวดคิ้ว
“ไม่รู้ แต่ผมไม่คิดว่าคุณต้องไม่ต้องสนใจมากนักก็ได้ เพราะพวกเขาคงไม่สามารถอยู่ได้นานถ้าไม่มียาชีวิตย้อนกลับ”