“ถ้าจะเอาเงินมาทิ้งแบบนี้ ฉันว่านายก็ไม่ควรเข้าร่วมการประลองตั้งแต่แรกนะ ยังไงก็เถอะ ทำไมไม่เอาไปให้พวกองค์กรการกุศลหรืออะไรทำนองนั้นดูล่ะ?” หรานจิงพยายามที่จะให้คำแนะนำกับเสี่ยวเฉิง

“อ่า ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ก็แค่จัดการให้ฉันหน่อย สรุปแล้วถ้าชนะ… ฉันก็จะได้เงินเดิมพันแบบทวีคูณเลยใช่ไหม?” อันที่จริง เสี่ยวเฉิงไม่ได้กังวลเรื่องอื่นใดเลย เขากังวลอยู่เรื่องเดียว นั่นก็คือเงินเหล่านี้จะถูกกู้คืนมาได้ไหมหากนำมันเข้าสู่ตลาดมืดไปแล้ว

“แน่นอนสิ สมัยนี้เงินใต้ดินก็มีเยอะแยะไปหมด มันก็คือเงินที่ได้มาจากการฟอกเงินแล้วก็เลี่ยงภาษีนั้นแหละน่า ยังไงเสีย ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปหรอก เดี๋ยวฉันจะจัดการให้นายเอง” เซินเหยาพลันกล่าวคำพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “พอดีฉันมีเส้นสายเยอะน่ะ”

ทว่า หรานจิงก็พลันกล่าวคำพูดขึ้นมา “แต่คำถามคือ… นายมั่นใจมากแค่ไหนว่าตัวเองจะชนะ?”

เซินเหยาพลันเงียบไปชั่วครู่ ไม่นานนัก เธอก็หันไปมองเสี่ยวเฉิงพร้อมตะโกนออกมา “ถ้านายจะเอาเงินมาทิ้งขว้างแบบนี้ ทำไมไม่ยกให้หัวหน้าแก๊งเต่าดำไปเลยล่ะ? บางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนใจปล่อยนายไปก็ได้ แล้วถ้านายทำแบบนั้น ฉันจะยอมให้นายจีบด้วยเลย เอาสิ!”

“งั้นขอผ่านเลยก็แล้วกัน พอดีช่วงนี้ยุ่งน่ะ ชีวิตฉันเองก็เจอแต่ความสิ้นหวังมาเยอะแล้วด้วย ถ้าต้องจีบเธออีก พังกันหมดพอดี” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับอย่างไม่ไยดี

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เซินเหยาแทบจะกระโดดและถกแขนเสื้อขึ้น

“ดูเหมือนว่านายจะต้องตายเพราะน้ำมือของฉันแทนแล้วแหละ!”

เสี่ยวเฉิงพลันวางของลงและกล่าวคำพูด “ยังไงก็เถอะ ช่วยจัดการทุกอย่างให้ด้วยนะ เหลืออีกแค่สองวัน แล้วก็อย่าลืมวางเดิมพันให้ฉันด้วยล่ะ”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินออกจากห้องพร้อมกับลงลิฟต์ไปชั้นล่าง

ทว่า ในระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ชั้นหนึ่ง หลินจื้อซือที่ซึ่งสวมหมวกและแว่นกันแดดก็เดินเข้าไปในลิฟต์อีกตัว ทั้งสองคลาดกัน…

ทันทีที่หลินจื้อซือมาถึงชั้นบนสุด เธอก็พลันกดกริ่งหน้าประตู ในระหว่างนั้น เซินเหยาก็พลันเดินมาเปิดประตู ทั้งสองพลันมองหน้ากัน “ช่วยโทรมาบอกก่อนที่จะมาได้ไหมเนี่ย?”

ทั้งนี้ หลินจื้อซือเองก็ไม่อยากจะให้เซินเหยารู้ว่าเธอมาที่นี่ก็เพราะเสี่ยวเฉิง ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เธอก็พลันเผยยิ้มและตอบกลับ “ฉันก็แค่เบื่องานน่ะ”

หลังจากนั้น เธอก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและทักทายหรานจิง ระหว่างที่มองไปรอบกาย หลินจื้อซือก็พลันแสร้งถามขึ้นมา “อ่า แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจนิสัยดีคนนั้นไม่อยู่ที่นี่หรือยังไงกัน?”

ในระหว่างที่เซินเหยากำลังนั่งปอกเปลือกส้มอยู่บนโซฟา เธอก็พลันกล่าวคำพูดอย่างไม่พอใจออกมา “นิสัยดีบ้าอะไรกันล่ะ! เขาเพิ่งออกไปข้างนอก”

“เขาออกไปแล้ว?” หลินจื้อซือพลันถามขึ้น

เซินเหยาพยักหน้า “เมื่อกี้เธอไม่ได้เดินสวนกันหมอนั่นหรือยังไงกัน?”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินจื้อซือพลันเงียบไปชั่วครู่ อันที่จริง หลินจื้อซืออยากจะออกไปตามหาเสี่ยวเฉิงมากถึงมากที่สุด แต่เธอก็กลัวว่าทั้งสองคนนี้จะเข้าใจผิด ไม่นานนัก เธอก็แสร้งกล่าวคำพูดออกมาอีกครั้ง “ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลยน่ะ แล้วเธอรู้ไหมว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นจะกลับมาตอนไหน? พอดีฉันเอาซีดีแล้วก็โปสเตอร์พร้อมลายเซ็นมาให้เขาด้วย”

“อีกสองวันมั้งกว่าจะกลับมา เห็นว่าต้องไปฝึกซ้อมร่างกายอะไรสักอย่างนี่แหละ ถ้าเธออยากจะขอบคุณนัก ก็ไปหาหมอนั่นที่สโมสรกีฬาได้เลย มันอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้เจอเขาก็ได้” หรานจิงเผยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ไอ้คนบ้าหัวรั้นแบบนั้น! พวกเราสองคนคงห้ามอะไรไม่ได้แล้วแหละ”

ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงเองก็ได้กลับมาที่สโมสรกีฬาอีกครั้ง ทว่า ระหว่างที่เขากำลังเดินเข้าไป พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็พลันเดินเข้ามา “จากนี้ไป สมาชิกทุกคนจะต้องจ่ายเงินมัดจำหนึ่งพันหยวนก่อนเข้าครับ”

“ทำไมกันล่ะ? ครั้งที่แล้วยังไม่เห็นมีแบบนี้เลย” เสี่ยวเฉิงพลันสงสัย

พนักงานเผยยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ “พอดีครั้งที่แล้วมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาทำอุปกรณ์ของเราพังจนเละเลย แถมพวกเราก็ยังหาตัวคนทำไม่เจอด้วย เพราะแบบนั้นแหละครับ เราเลยต้องออกกฎใหม่… ยังไงผมต้องขอโทษด้วยครับ แต่สุดท้ายแล้ว คุณก็จะได้เงินมัดจำคืนอยู่ดีตอนออกไปจากที่นี่ครับ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงพลันพูดอะไรไม่ออก แต่มันก็ถือว่ายังเป็นเรื่องดีที่พนักงานคนนี้จำเขาไม่ได้

นอกจากนี้ ชิเหวินปินและเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่งก็กำลังฝึกกล้ามเนื้อด้วยการยกดัมเบลล์กันอยู่ข้างในอีกด้วย แต่ทว่า ทันทีที่เห็นเสี่ยวเฉิงเดินเข้ามา ชิเหวินปินก็พลันเบิกตากว้างทันที

ชายคนนั้น!

ชายผู้มีพละกำลังสุดป่าเถื่อน!

ชายผู้ทำให้เครื่องจักรแตกกระจายได้ด้วยหมัดเดียว!

ระหว่างที่กำลังมองไปยังเสี่ยวเฉิง ชิเหวินปินก็เผลอปล่อยดัมเบลล์ในมือลงโดยไม่รู้ตัว ดัมเบลล์ทั้งสองพลันหล่นลงไปกระแทกเท้าของเพื่อนอีกคนในทันใด ไม่นานนัก เสียงร้องสุดโอดครวญและน่าสังเวชก็พลันดังขึ้น