เธอพลันลอยกระเด็นไปกระแทกกับพื้น แต่ไม่ช้า เธอก็รีบลุกขึ้นและมองตรงไปยังเสี่ยวเฉิง

“คุณเนี่ยนะอยากจะมาเป็นครูฝึกให้ผม? งั้นผมขอบอกอะไรหน่อยก็แล้วกัน วิธีการที่ดีที่สุดในการสกัดขาใครสักคนให้ล้มคือต้องใช้เข่าของเรากระแทกเข้าไปที่หลังเข่าของคู่ต่อสู้ จากนั้น ก็รีบใช้แขนทั้งสองข้างล็อคคอทันที แค่นั้นเอง ผมว่ามันเป็นท่าที่ทำง่ายแล้วก็โหดใช่ย่อยเลยล่ะ” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคำพูด

ครูฝึกสาวพลันกัดฟันและรู้สึกอับอายไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอกลับเป็นคนโดนสั่งสอนเสียเอง ถึงกระนั้น สิ่งที่น่าอึดอัดใจสุดก็คือเธอพยายามล็อคเสี่ยวเฉิงเอาไว้แล้ว เธอต้องการให้เขาตกใจกับการซุ่มโจมตีจากด้านหลัง แต่ทว่า เพียงแค่เสี่ยวเฉิงสะบัดตัว เธอก็พลันลอยกระเด็นไปไกลพร้อมกับความรู้สึกสุดอับอาย…

ถึงอย่างไร ครูฝึกสาวก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่พุ่งเข้าไปโจมตีเสี่ยวเฉิงก่อน เธอจึงยืนขึ้นและกล่าวคำพูด “ฉันต้องขอโทษด้วย ก็แค่อยากจะถามอะไรสักหน่อย นายเคยเป็นทหารมาก่อนใช่ไหม?”

เสี่ยวเฉิงพลันเฉิงพยักหน้า “เพิ่งจะถอนตัวออกมาได้ไม่นานเองน่ะ”

ครูฝึกสาวพลันกระพริบตา “จากกองทัพไหนล่ะ? ฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับนายมาก่อนเลย”

“ผมเคยอยู่ในกองทัพภาคที่ห้า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้วแหละ เพราะผมถอนตัวออกมาแล้ว จะว่าไป… คุณก็เป็นถึงครูฝึกสาวที่มาจากกองทัพ ผมไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่เลย” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

“นายดูถูกผู้หญิงงั้นรึ?” ครูฝึกสาวพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง อาจเป็นเพราะเธอเองก็รู้ว่าเสี่ยวเฉิงก็เป็นทหารเช่นกัน แต่ทว่า ทัศนคติที่เธอมีต่อเสี่ยวเฉิงก็พลันแปรเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่รู้สึกระแคะระคายอะไรกับเสี่ยวเฉิงเลยแม้แต่น้อย

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมก็แค่รู้สึกดีที่เห็นว่ากองทัพเริ่มออกมาจากกะลาแล้ว ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักได้สักทีว่าผู้หญิงเองก็สามารถมีความแข็งแรงเทียบเท่ากับผู้ชายได้”

ครูฝึกสาวพลันเงียบไปชั่วครู่และยื่นมือออกมา “ฉันชื่อหวังหยิง”

เนื่องจากครูฝึกสาวเป็นคนยื่นมือออกมาก่อน เสี่ยวเฉิงก็พลันจับมือกับเธอและตอบกลับ “เสี่ยวเฉิงครับ”

หวังหยิงพลันกล่าวคำพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ต้องขอโทษเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ ฉันก็แค่…”

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ผมเข้าใจอารมณ์หัวร้อนของพวกทหารดี ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”

หวังหยิงพลันเผยเสียงหัวเราะออกมาทันใด “ปกติแล้ว อารมณ์ฉันไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย…”

ทันใดนั้นเอง นายทหารสองคนที่กำลังยกดัมเบลล์อยู่ก็พลันเผยท่าทีสุดตกตะลึงทันทีที่เห็นฉากตรงหน้า “ให้ตายเถอะ! นายดูสิ! ครูหวังกับไอ้ตัวประหลาดนั่น… เธอกล้าเข้าไปคุยกับคนแบบนั้นได้ยังไงกัน? ถามจริงเถอะ?!”

ชิเหวินปินพลันตอบกลับ “หือ? ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าครูจะทำอะไรแบบนั้น…”

ถึงกระนั้น หวังหยิงเองก็รู้สึกว่าเธออยากจะรู้จักเสี่ยวเฉิงให้มากกว่านี้ และระหว่างที่เธอกำลังจะจากไป เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคำพูดขึ้นอีกครั้ง “อันที่จริง ผมก็อยากได้คนช่วยนะ ผมคนเดียวคงจะประเมินความสามารถของตัวเองไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะ?”

หวังหยิงพลันหยุดเดินและหันกลับมา “ได้เลย อยากให้ฉันช่วยเรื่องอะไรล่ะ?”

“ทักษะการฟังเสียง การตอบโต้ ความเร็วแล้วก็พละกำลัง” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ “ผมต้องการให้ใครสักคนช่วยบันทึกสถิติเอาไว้หน่อย พูดตามตรงเลยนะ ผมเองก็ไม่ได้ประเมินความสามารถของตัวเองมาสักพักแล้วล่ะ”

หวังหยิงพลันพยักหน้าในทันใด เพราะเธอเองก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเสี่ยวเฉิงไม่น้อย และนี่ก็คงจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วที่เธอจะได้รู้เรื่องของเสี่ยวเฉิงให้มากขึ้น

“ได้สิ แล้วนายจะทดสอบยังไงล่ะ? เหมือนกับที่ทำกันในกองทัพเลยไหม?”

เสี่ยวเฉิงพลันกระพริบตาสองสามครั้งและตอบกลับ “บางที… การทดสอบแบบในกองทัพคงจะวัดอะไรไม่ได้แล้วแหละ ผมว่าเราอาจจะต้องเพิ่มระดับความยากในการประเมินขึ้นไปอีกหน่อย”

ทั้งนี้ ลูกศิษย์ทั้งสองของหวังหยิงก็พลันสบตากัน “เพิ่มระดับความยากเนี่ยนะ?”