ตอนที่ 59: การประเมินความเร็วและไหวพริบ

หลังจากที่หวังหยิงคุยกับลูกศิษย์ทั้งสองเสร็จแล้ว เธอก็พลันพาเสี่ยวเฉิงไปยังฐานทัพเพื่อทำการประเมินพละกำลังในการต่อสู้

ชิเหวินปินและเพื่อนอีกคนพลันมองไปยังทั้งคู่อย่างประหลาดใจ

ให้ตายเถอะ! ไอ้ตัวประหลาดนั่นกำลังจีบครูฝึกของพวกเราอยู่หรือยังไงกัน?!

ทว่า หลังจากที่ชิเหวินปินและคู่หูฝึกฝนไปได้สักพัก พวกเขาทั้งสองก็พลันรีบกลับไปยังฐานทัพเพื่อดูว่าเสี่ยวเฉิงกำลังทำอะไรอยู่

ภายในฐานทัพ สถานที่รบและยุทโธปกรณ์นั้นมีอยู่มากมาย ที่นี่มีทุกอย่างที่เสี่ยวเฉิงต้องการเพื่อประเมินศักยภาพตัวเอง ด้วยเหตุนั้น ฐานทัพแห่งนี้จึงเป็นมีสถาพแวดล้อมที่ดีกว่าสโมสรกีฬามาก

“ฐานทัพเรามีสนามยิงปืนด้วยนะ ที่นั่นมีเครื่องยิงจานร่อนอยู่ มันจะยิงจานร่อนออกมาเพียงแค่สองวินาทีเท่านั้น ถ้าเกินกว่านั้น จานร่อนจะหายไปอยู่หลังกำแพง ยังไงก็เถอะ ตามหลักการประเมินความสามารถของที่นี่ ถ้าใครไหวพริบไม่เร็วพอ พวกเขาก็จะยิงจานร่อนได้ไม่ทันและไม่โดน นี่ถือเป็นการประเมินที่ยากสุดในกองทัพของเราเลยล่ะ”

ชิเหวินปินและคู่หูเดินไปหาครูฝึกพร้อมพยักหน้า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชิเหวินปินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ การยิงจานร่อนนั้นเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุด ไม่นานนัก ชิเหวินปินก็พลันกล่าวคำพูดออกมา “ไม่ใช่คนทุกหรอกนะที่จะเก่งอะไรแบบนี้ มันยากใช่ย่อยเลยแหละ แต่ไม่ว่ายังไง ทุกคนที่นี่ต่างก็มีดีในหลายทักษะเหมือนกันหมด อันที่จริง สาเหตุที่พวกเราไปฝึกร่างกายที่สโมสรกีฬาก็เพราะอยากใช้พละกำลังบ้าง ก็แค่นั้นแหละ”

ทว่า เสี่ยวเฉิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงแค่กำลังคิดว่าตัวเองจะเริ่มฝึกตั้งแต่ระดับไหนก่อนดี เพราะถ้าแค่ยิงจานร่อน เสี่ยวเฉิงเองก็ทั้งเก่งและแม่นปืนมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในกองทัพแล้ว นอกจากนี้ มันก็คงจะช่วยวัดอะไรได้ไม่มากนัก มันอาจจะถึงขั้นไร้ประโยชน์และเสียเวลาเลยล่ะ

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงกำลังลังเล หวังหยิงก็พลันชี้นิ้วไปที่ชิเหวินปินพร้อมกับกล่าวคำพูด “ถ้านายอยากได้ใครสักคนมาเป็นเหมือนเกณฑ์เปรียบเทียบ ก็หมอนั่นเลย เขาเก่งใช่ย่อยเลยล่ะ โดยเฉพาะทักษะการยิงจานร่อน เขามีคะแนนสูงที่สุดในกองทัพเลยด้วย ขนาดหลายต่อหลายคนที่มาฝึกยังยิงได้มากสุดแค่หนึ่งนัดเอง แต่ชิเหวินปินเคยยิงได้สูงสุดตั้งสามนัดแหนะ นายลองไปเทียบกับหมอนั่นดูก็ได้”

ท้ายที่สุด ทันทีที่เห็นว่าทักษะของตนได้รับการยอมรับจากครูหวัง ชิเหวินปินก็พลันเผยเสียงหัวเราะขึ้นมาในใจ ไม่นานนัก เขาก็พลันกระแอมและกล่าวคำพูด “ก็แค่ดวงดีน่ะ แต่มันก็ยากจริงนั้นแหละ อันที่จริง สมองนายคงจะตอบสนองต่อจานร่อนแผ่นที่สองไม่ทันหรอก เพราะนายต้องทำทั้งขยับมือแล้วก็เล็งเป้าไปพร้อมกัน มันไม่เหมือนกับเครื่องยิงจานร่อนของที่อื่นด้วยนะ ไอ้เจ้าเครื่องนี่จะไม่แจ้งเตือนอะไรทั้งนั้น มันจะยิงแผ่นจานร่อนออกมาแบบไม่มีเสียงอะไรเลย สิ่งที่นายทำได้อย่างเดียวก็มีแค่ต้องรีบกวาดตามองเท่านั้น”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้า อันที่จริง เขาไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบายขี้อวดของชิเหวินปินเลยด้วยซ้ำ แต่เนื่องด้วยหวังหยิงแนะนำมา เสี่ยวเฉิงจึงไม่รู้ว่าจะต้องปฏิเสธอย่างไร ดูเหมือนว่าในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงก็คงจะต้องลองทดสอบความเร็วและไหวพริบในการตอบสนองของตนเองแล้ว

“ก็ได้ ฉันจะลองดู”

ทันใดนั้น ชิเหวินปินก็รีบตรงไปยังสนามยิงปืน เมื่อเห็นว่าเขาทั้งเผยท่าทีสุดกระตือรือร้นและตื่นเต้นออกมา เพื่อนอีกคนก็พลันรับรู้ได้ทันทีว่าชิเหวินปินคงจะรอเวลานี้มานานแล้วแน่ ช่วงเวลาที่เขาจะได้โชว์เทพให้ครูหยิงดู…

อันที่จริง หวังหยิงนั้นเป็นเพียงแค่ครูฝึกด้านความแข็งแกร่งเท่านั้น เธอไม่ใช่ครูฝึกประจำตัวของทั้งสองเลยด้วยซ้ำ

ทั้งสามต่างก็มีอายุไล่เลี่ยกัน เพราะเหตุนั้น มันคงจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากผู้ชายจะมีความรู้สึกอยากโชว์พละกำลังและความสามารถของตนต่อหน้าผู้หญิง อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะกฎทางการทหาร ชิเหวินปินก็คงจะจีบครูหวังไปแล้ว

ทว่า หวังหยิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากการฝึกฝนและการพัฒนาความแข็งแกร่งของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย เพราะเหตุนั้น ทั้งชิเหวินปินและคู่หูจึงไม่เคยมีโอกาสได้โชว์ทักษะที่ตัวเองถนัดให้ครูหวังดูเลยสักครั้ง