แต่สำหรับตอนนี้ ชิเหวินปินเองก็แทบจะทนและรอไม่ไหวแล้ว นอกจากนี้ หากชิเหวินปินได้คะแนนสูงกว่าเสี่ยวเฉิง ครูหวังอาจจะประทับใจในตัวเขามากกว่าเดิมก็ได้

ทว่า เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันที่พวกเขาเห็นเสี่ยวเฉิงทำลายเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าที่สโมสรกีฬาแล้ว ชิเหวินปินก็รับรู้ได้ทันทีว่าครูหวังน่าจะต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเสี่ยวเฉิงมากกว่าเดิมแน่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็เป็นเหมือนศูนย์กลางที่ครูหวังกำลังให้ความสนใจอยู่ และถ้าชิเหวินปินสามารถสั่งสอนบทเรียนและหักหน้าเสี่ยวเฉิงได้ ครูหวังก็จะต้องประทับใจในตัวเขาไม่น้อยแน่

ยิ่งชิเหวินปินคิดเช่นนั้นมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเผยท่าทีสุดตื่นเต้นออกมามากขึ้นเท่านั้น ไม่นานนัก ชิเหวินปินก็หยิบปืนพกขึ้นมาสองกระบอก เขาพลันยื่นให้เสี่ยวเฉิงไปหนึ่งกระบอก

หลังจากนั้น ชิเหวินปินก็พลันพูดขึ้น “นายอยากให้ฉันสาธิตให้ดูก่อนไหมล่ะ?”

เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า จากนั้น ทั้งสองก็หันหน้าไปยังพื้นที่ลานกว้าง ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็พลันถามขึ้น “จานร่อนจะอยู่ไกลจากเราแค่ไหนกัน?”

“มีอยู่สองตัวเลือก ถ้านายมั่นใจในทักษะการยิงปืนของตัวเอง ก็เลือกห้าสิบเมตร แต่ถ้านายไม่มั่นใจ ก็เลือกแค่ยี่สิบเมตรพอ แต่บางที นายก็อาจจะตอบสนองได้เร็วไม่พอ และสุดท้าย ถ้านายตอบสนองไม่ทันหรือไหวพริบช้าไป ก็เลิกจับปืนไปได้เลย”

“งั้นลองสักยี่สิบเมตรก่อน ให้เขาลองยิงดูก่อน” ชิเหวินปินพลันกล่าวคำพูดกับคู่หู ไม่นานนัก เพื่อนของเขาก็เดินไปกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง

“จับจ้องให้ดีล่ะ! ถ้ายิงไม่โดน จะได้ไม่ต้องมาหัวร้อน” ชิเหวินปินกล่าวเตือนเสี่ยวเฉิง

ทันทีที่พูดจบ จานร่อนก็พุ่งออกมา ทว่า เสี่ยวเฉิงที่ยังไม่ได้เตรียมตัวก็ไม่ได้ลั่นไกออกไปเลย แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น ชิเหวินปินก็หันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าและลั่นไกออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาจะพลาด แต่ดูเหมือนว่าชิเหวินปินจะมีไหวพริบและตอบสนองต่อจานร่อนได้ดีไม่น้อย

ทว่า เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ดูเหมือนว่าเครื่องยิงจานร่อนพิเศษของกองทัพนั้นจะทำให้เสี่ยวเฉิงมีข้อจำกัดในด้านเวลาและการเพ่งสมาธิ แต่สำหรับเครื่องยิงแบบปกติ จานร่อนจะพุ่งขึ้นและลอยอยู่บนอากาศจนกว่ามันจะตกลงพื้น

ถึงกระนั้น จานร่อนพวกนี้กลับพุ่งออกมาแบบสุ่มโดยไม่มีสัญญาณหรือเสียงเตือนอะไรทั้งนั้น แถมมันยังหายไปหลังจากผ่านไปสองวินาทีอีกด้วย!

เพราะเหตุนั้น เปอร์เซ็นที่จะยิงโดนจึงต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องด้วยการพุ่งของจานร่อนที่รวดเร็วเกินไป มันจึงทำให้การวิเคราะห์และการคาดเดาทิศทางของจานร่อนนั้นยากมาก

“สะ–สุดยอดไปเลย… นายเร็วกว่าครั้งก่อนอีกนะเนี่ย!” คู่หูของชิเหวินปินอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเพื่อนรักของตน ถึงแม้ว่าจะพลาด แต่เขาก็ยิงออกไปได้ทันเวลา เพราะเมื่อลองเทียบกับเสี่ยวเฉิง การกระทำแค่นี้ก็ควรค่าแก่การหยิบมาคุยโม้โอ้อวดแล้ว

ชิเหวินปินพลันเผยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมมองไปยังครูหวังด้วยหางตา เธอเผยใบหน้าสุดนิ่งเฉยไม่ไหวติง แต่ทว่า เขาเองก็ไม่ได้กังวลอะไร ชิเหวินปินเองก็ยังคิดว่าตนจะสามารถพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้ครูหวังเห็นได้อย่างแน่นอน

ทว่า ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการฟังชิเหวินปินคุยโม้ จานร่อนอีกแผ่นก็พุ่งออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกว่าการประเมินความเร็วในครั้งนี้น่าจะต้องพึ่งองค์ประกอบของโชคและดวงอยู่บ้าง

“แล้วถ้าใช้ดวงล่ะ? ดูเหมือนว่าถ้าฉันลองสุ่มยิงรัวออกไป มันก็น่าจะโดนบ้างแหละ” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคำพูดออกมา

ทันใดนั้น ชิเหวินปินก็พลันตอบกลับ “ก็เพราะแบบนั้นไง กระสุนถึงถูกจำกัดเอาไว้แค่สิบนัดต่อรอบ บางที นายอาจจะโชคดีที่ยิงมั่วโดนหนึ่งครั้ง แต่นายไม่มีวันยิงมั่วโดนถึงสามครั้งหรอก”

ในตอนนั้นเอง ชิเหวินปินพลันเผยสีหน้าไม่พอใจออกมาพร้อมคิดในใจ

‘กล้าดียังไงมาสงสัยว่าฉันยิงโดนสามนัดเพราะโชคช่วย?’

‘ลองยิงออกไปให้หมดทั้งสิบนัดดูสิ… เราจะได้รู้กันว่านายจะยิงโดนสักกี่นัด?!‘

ตอนต่อไปเสี่ยวเฉิงจะยิงโดนกี่นัดกันนะ?