ตอนที่ 60: หัวเราะทีหลังดังกว่า

อันที่จริง เสี่ยวเฉิงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ชิเหวินปินไม่พอใจหรือขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความเร็วขนาดนั้น การที่จะยิงถูกจานร่อนได้ก็เป็นอะไรที่ยากไม่น้อย เพราะฉะนั้น ทักษะก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่โชคหรือดวงเองก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าจะช่วยได้เช่นกัน

ถึงกระนั้น ถึงเสี่ยวเฉิงจะรู้ว่าชิเหวินปินไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงเองก็เตรียมปืนพกเอาไว้พร้อมแล้ว และถึงแม้ว่าชิเหวินปินจะไม่ได้กล่าวคำพูดล้อเลียนอะไรเสี่ยวเฉิงโดยตรง แต่คู่หูข้างกายของเขาก็พลันกล่าวคำพูดออกมาในทันใด

“ขนาดในกองทัพเรามีทหารตั้งหลายนาย แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นใครโชคดีจนยิงได้สามแต้มมาก่อนเลยนะ แต่บางที นายอาจจะเป็นคนดวงดีที่ยิงได้มากกว่านั้นก็ได้”

เสี่ยวเฉิงพลันหยักหน้าและเผยยิ้ม “งั้นฉันก็จะลองดู ไม่แน่ฉันอาจจะยิงโดนสักแผ่นหรือสองแผ่นก็ได้”

ไม่ช้า เพื่อนรักของชิเหวินปินพลันกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงพลันยกปืนขึ้นและมองไปด้านหน้า ชิเหวินปินเองก็ยืนอยู่ข้างกายและเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับชิเหวินปินแล้ว เขายอมรับว่าความแข็งแกร่งที่เสี่ยวเฉิงได้แสดงให้เห็นเมื่อวันก่อนนั้นน่ากลัวไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น ชิเหวินปินก็ยังมีความเชื่อที่ว่าคนหนึ่งคนนั้นไม่สามารถเก่งไปเสียทุกด้านได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อพูดถึงไหวพริบและความเร็วในการยิงจานร่อน ชิเหวินปินก็พลันมั่นใจว่าตนจะต้องเก่งกว่าเสี่ยวเฉิงแน่

ภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที จานร่อนก็พุ่งออกมาจากมุมหนึ่งของลานกว้างด้วยความเร็วสูง อย่างที่เสี่ยวเฉิงเคยบอก คนส่วนใหญ่สามารถพึ่งพาไหวพริบและความเร็วในการตอบสนองพร้อมกับลั่นไกใส่จานร่อนที่พุ่งออกมาได้ในทันที แต่ว่าจะยิงโดนหรือไม่ มันก็คงจะต้องพึ่งโชคและดวงอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีเพื่อทำการเล็งเป้า พวกเขาต้องคำนวณระยะเวลาในการตอบสนองและการยกปืนขึ้นให้อยู่ในมุมที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว

อันที่จริง แม้แต่นักแม่นปืนชั้นนำจากทั่วโลกเองก็ยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าโอกาสในการยิงถูกจากร่อนของตนนั้นจะสูงถึง 30% หรือเปล่า…

แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงนั้นต่างออกไป ก่อนที่จะเห็นจานร่อนจะพุ่งออกมา คลื่นอัลตร้าโซนิคก็ได้สะท้อนตำแหน่งของวัตถุเข้ามายังสมองของเสี่ยวเฉิงแล้ว ทั้งวิถีการร่อนและความเร็วจะถูกส่งตรงมาคำนวณในสมองของเสี่ยวเฉิงทันที ภายในเสี้ยววินาที เขาก็พลันยกปืนขึ้นและลั่นไกไปที่จานร่อนทันใด

เครื่องจักรพลันส่งสัญญาณบอกทันทีว่าเสี่ยวเฉิงยิงโดน!

ชิเหวินปินพลันชะงักไปชั่วครู่ สหายข้างกายเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกมา

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ฮึ! เราก็ดวงดีเหมือนกันนะเนี่ย…”

ทันทีที่พูดจบ จานร่อนอีกแผ่นก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นและลอยข้ามไปยังอีกมุมหนึ่งของลานกว้าง ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็ลดปืนลงและลั่นไกอีกครั้ง ทั้งการเคลื่อนไหว การเล็งเป้าและการลั่นไกเกิดขึ้นภายในเวลาแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น

ทันใดนั้น เครื่องจักรก็พลันส่งสัญญาณว่าเสี่ยวเฉิงยิงโดนอีกครั้ง!

ไม่ช้า ชิเหวินปินก็พลันเบิกตากว้าง สหายข้างกายก็พลันมองไปยังเครื่องจักรและครุ่นคิด หรือบางที… เครื่องจักรอาจจะทำงานผิดพลาด? แต่เนื่องด้วยจานร่อนเองก็ถูกยิงออกมาจากวิถีเดิมทุกครั้ง และนั่นก็สามารถตีความได้อย่างเดียวว่าการยิงของเสี่ยวเฉิงนั้นเข้าเป้าทั้งสองครั้ง!

เอ่อ… สถานการณ์ในตอนนี้ดูจะน่าอึดอัดไม่น้อย

ชิเหวินปินพลันคิดเอาไว้อย่างเดียวเลยว่ามันจะต้องเป็นเพราะโชคช่วย สำหรับอีกแปดนัดที่เหลือ เสี่ยวเฉิงจะต้องพลาดแน่! อันที่จริง เขาไม่อยากให้ใครมาทำลายสถิติสูงสุดที่ตัวเองเคยทำไว้เลย

หวังหยิงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ดวงตาที่สวยงามของเธอพลันจับจ้องไปที่เสี่ยวเฉิง ดูเหมือนในหัวของหวังหยิงตอนนี้จะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น อันที่จริง เธอยังอยากรู้เรื่องของเสี่ยวเฉิงอีกมาก ทหารอย่างเสี่ยวเฉิงจะถอนตัวออกมาจากกองทัพได้ยังไงกัน?

ถึงเธอจะมีเส้นสายมากมายในกองทัพ แต่หวังหยิงก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของนายทหารที่ชื่อว่าเสี่ยวเฉิงเลยสักครั้ง นอกจากนี้ ชื่อของเสี่ยวเฉิงเองก็ยังไม่เคยปรากฏบนกระดานจัดอันดับอีกด้วย

“คงจะโชคช่วยมากกว่าแหละมั้ง” เพื่อนรักของชิเหวินปินทำได้เพียงแค่เผยยิ้ม

แต่ก่อนที่รอยยิ้มจะจางหาย จานร่อนอีกแผ่นก็พลันพุ่งออกมา และภายในเสี้ยววินาที กระสุนจากปืนพกในมือของเสี่ยวเฉิงก็ทำให้จานร่อนแตกกระจายอีกครั้ง ทั้งชิเหวินปินและเพื่อนข้างกายพลันนิ่งเงียบไปในทันใด ทั้งคู่ไม่กล้ายิ้มออกมาเลย อันที่จริง ทั้งสองรู้สึกราวกับถูกลากไปตบหน้ากลางสี่แยก