ตอนที่ 71 อันตราย

ท้องฟ้าได้มืดลงแล้วเมื่อหยางเย่มาถึงยังเมืองอาทิตย์อุทัย เขาหาได้คิดหยุดพักไม่ และได้ตรงกลับบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่มาถึงกลับไม่เห็นเงาใครสักคน

หยางเย่หัวใจเต้นรัวเมื่อสังเกตว่าบ้านหินตรงหน้าว่างเปล่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาถูกจับไปแล้ว?

เมื่อนึกได้เช่นนั้น ท่าทีหยางเย่เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมาทันที จิตสังหารที่รุนแรงปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา!

“ใครกัน?!” ร่างของหยางเย่หายไปจากห้องทันที เขาไปปรากฏตรงหน้าคนผู้หนึ่งที่สวมผ้าคลุมหน้าสีดำ ขณะที่กำลังจะจู่โจม ชายคลุมหน้ารีบเอ่ยคำ “น้องหยาง ข้าเอง ข้าเอง หมานจื้อ…”

หยางเย่ลดจิตสังหารพร้อมหยุดโจมตี เขามองไปที่หมานจื้อที่ถอดผ้าคลุมหน้าออก “หมานจื้อ น้องสาวกับท่านแม่ของข้าอยู่ที่ไหน?”

ขณะมองไปยังดวงตาแดงก่ำของหยางเย่ หมานจื้อรู้สึกตกตะลึงทันที เพราะความแข็งแกร่งของเขานั้นน่าสะพรึงนัก เนื่องจากไม่ทราบว่าหยางเย่ถึงก่อนได้อย่างไร เมื่อได้ยินหยางเย่ที่โกรธเกรี้ยว เขาจึงรีบตอบ “น้องหยาง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น พวกเราเกรงว่าพวกมันจะกลับมาอีก ดังนั้นจึงได้ย้ายครอบครัวเจ้าไปอีกที่หนึ่ง ข้ารีบมารอที่นี่เพื่อแจ้งให้เจ้าทราบ ตามมาสิ ข้าจะมาเจ้าไปพบพวกนาง”

หยางเย่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะยังไม่เป็นไรหากพวกนางปลอดภัย “เร็วเข้ารีบพาข้าไป!”

หมานจื้อพยักหน้าก่อนจะสวมหน้ากากพร้อมนำทางหยางเย่ไปบ้านอีกแห่ง

……

แต่เดิมมันเป็นบ้านหินธรรมดาในเมืองทักษิณภิรมณ์ ชิงหงยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมธนูเขียวเข้มด้านหลัง และยังถือมีดสีดำทมิฬในมือ สายตาของนางกวาดมองไปรอบเพื่อตรวจการณ์อย่างระมัดระวัง

ในมุมมืดอีกด้านหนึ่งของชิงหง เฉียวไห่เองก็แสดงท่าทีและถือมีดทมิฬเช่นเดียวกับนาง

เด็กผู้หญิงอายุราวสิบสี่หรือสิบห้านั่งอยู่ภายในบ้านตรงโต๊ะหิน นางทำท่าฟุบนอนอยู่บนนั้น และมองไปยังแสงเทียนริบหรี่ตรงหน้า ดูเหมือนนางจะครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายใน

โฉมงามคนหนึ่งได้เข้ามาวางเสื้อคลุมบนหลังเด็กผู้หญิงพร้อมลูบหัวอย่างละเมียดละไม นางกล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะ “เสี่ยวเหยา ไปเข้านอนได้แล้ว วันนี้พี่ใหญ่ของลูกไม่อาจมาได้ทัน!”

เด็กผู้หญิงเอนอิงในอ้อมแขนของโฉมงามผู้นั้นก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ท่านแม่ พี่ใหญ่จะกลับมาหรือไม่?”

โฉมงามเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าว “ลูกจะคิดว่าไงล่ะ? หากเย่เอ๋อทราบว่าเหยาเอ๋อตกอยู่ในอันตราย เช่นนั้นเขาคงรีบกลับมาบ้านแน่นอน แม้จะต้องออกจากสำนักดาบราชันก็ตาม”

เด็กผู้หญิงเผยยิ้มน่ารักเมื่อได้ยินพร้อมกล่าว “เสี่ยวเหยาทราบดี พี่ใหญ่รักเสี่ยวเหยามากที่สุด แต่พี่ใหญ่จะเอาชนะพวกคนชั่วจากตระกูลหลิวได้หรือไม่นะ? เฮ้อ ตระกูลหลิวช่างน่าชิงชังเสียจริง เหตุใดถึงเอาแต่สร้างปัญหาให้กับครอบครัวเรานะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ประกายเย็นเยือกปรากฏผ่านดวงตาโฉมงาม จากนั้นได้เข้าไปกอดเสี่ยวเหยาแน่นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะ “อย่ากังวลไปเลย แม่จะไม่ให้ตระกูลหลิวมาทำร้ายลูกและเย่เอ๋อได้ แม่สัญญา!”

ไม่นานนางหันไปมองที่ด้านนอกพร้อมขมวดคิ้ว

บนหลังคาบ้านที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ คนชุดดำสี่คนกำลังจ้องมองบ้านหินที่ทั้งสองอาศัยอยู่ เงาดำคนหนึ่งได้เอ่ยบางอย่างกับเงาชุดดำอีกคนตรงหน้า “คุณหนู ข้ามั่นใจว่าน้องสาว และมารดาของหยางเย่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังนั้น ส่วนคนทั้งสามที่อยู่กับพวกนางคือทหารรับจ้างจากเมืองขุนเขามรกต แต่ข้าไม่ทราบว่าเหตุใดถึงมาปกป้องพวกนาง!”

เขาหาใช่ผู้ใดนอกจากหลิวชิงอวี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่ม! ตั้งแต่ที่เห็นหยางเย่ไปถึงชั้นยี่สิบ เขาตระหนักดีว่าต้องจัดการหยางเย่ มิเช่นนั้น ด้วยความขัดแย้งกันของทั้งสองตระกูล หยางเย่คงไม่ปล่อยตระกูลหลิวไว้แน่ และรวมถึงเขาด้วย ในอีกด้านหนึ่ง หากต้องการจัดการกับหยางเย่ เช่นนั้นต้องล่อเขาออกมาจากสำนักดาบราชันก่อน และสิ่งเดียวที่สามารถทำได้คือใช้มารดาและน้องสาวของหยางเย่!

หลิวชิงอวี่กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ค่อยจัดการทหารรับจ้างทั้งสามทีหลัง มารดากับน้องสาวของหยางเย่ต้องถูกจับเป็น มีเพียงการจับเป็นเท่านั้นที่จะทำให้หยางเย่เกรงกลัว และออกจากสำนักดาบราชัน!”

ทันใดนั้นร่างสีดำได้กล่าวขึ้น “ศิษย์พี่หลิว ทหารรับจ้างทั้งสามไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อเริ่มการต่อสู้ ยามรักษาการณ์ของเมืองจะต้องมาแน่นอน เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้เหมือนคราวที่แล้ว!”

ร่างเงาดำที่กล่าวคือหนึ่งในศิษย์สำนักดาบราชันเช่นกัน และเขาอยู่ในเทียบอันดับสำนักนอก เหตุผลที่มากับหลิวชิงอวี่เพราะต้องการจัดการกับครอบครัวหยางเย่โดยไร้ซึ่งเหตุผลใด เพราะเขามักจะติดตามหลิวชิงอวี่อยู่ตลอด เช่นนั้นเมื่อหลิวชิงอวี่ต้องการกำลังช่วย เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะหลิวชิงอวี่เองก็ช่วยเขาทำเรื่องสกปรกแทบทุกอย่าง!

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทราบถึงความสามารถหยางเย่ แต่ก็เพราะความสามารถนั้น ยังไงหยางเย่ยังอยู่เพียงแค่ขั้นปราณมนุษย์! หากหลิวชิงอวี่สามารถจัดการหยางเย่ได้จริง และเขาไม่ได้อยู่ด้วยในช่วงเวลานั้น วันเวลาที่สำนักดาบราชันในอนาคตคงลำบากต่อเขาแน่นอน

และไม่ได้มีเพียงคนเดียวที่คิดเช่นนั้น แม้ชายชุดดำอีกคนที่เป็นศิษย์สำนักดาบราชันก็มีความคิดเช่นเดียวกัน

หลิวชิงอวี่กล่าวอย่างเย็นเยือก “อย่าได้กังวลไป ศิษย์น้องเฉินเฟิง ผู้ว่าการของเมืองทักษิณภิรมณ์ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือ ยามรักษาการณ์จะไม่ปรากฏอย่างแน่นอน

ชายชุดดำนามเฉินเฟิงตกตะลึง “ผู้ว่าการของเมืองทักษิณภิรมณ์เห็นดีด้วยงั้นหรือ? พี่หลิว ตระกูลของท่านคงจ่ายด้วยราคาสูงพอควรใช่หรือไม่?”

มุมปากของหลิวชิงอวี่กระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เฉินเฟิงกล่าวได้ถูกต้อง เพื่อจะให้ผู้ว่าการเมืองทักษิณภิรมณ์ช่วยเหลือ ตระกูลหลิวต้องจ่ายใต้โต๊ะอย่างหนักจริง แต่ก็ไม่ใช่ราคาที่แย่หากมันสามารถใช้จัดการหยางเย่ได้!

“พี่หลิว เมื่อพวกยามไม่มาก็ไม่จำเป็นต้องใช้คนมากมาย แค่พี่หลิวคนเดียวก็จัดการพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว!” เฉินเฟิงกล่าวด้วยเสียงต่ำ

หลิวชิงอวี่มองอย่างเย็นชาไปที่เฉินเฟิง “น้องเฉิน ที่เจ้ากล่าวมาก็สมเหตุสมผลดี ข้าจะจัดการด้วยตนเองทีหลัง และพวกเจ้าทุกคนต้องอยู่โดยรอบด้วย ข้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นอีก!

เมื่อได้ยินหลิวชิงอวี่ เฉินเฟิงสบถในใจ ‘ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์หลิวชิงอวี่ มันต้องการจะดึงพวกเราเข้าไปให้ได้!’

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ มิเช่นนั้น หลิวชิงอวี่คงเลิกญาติดีด้วยแน่

จากนั้นไม่นาน หลิวชิงอวี่เงยหน้ามองท้องฟ้าเพื่อตรวจดูเวลา “เอาล่ะ ยามรักษาการณ์ได้ไปที่อื่นแล้ว ลงมือกันได้ จำไว้ว่าต้องจับเป็นพวกนางเท่านั้น!”

“เข้าใจแล้ว…” ทันทีที่กล่าวจบ ร่างชุดดำทั้งสี่ได้พุ่งไปยังบ้านหินที่ชิงหง และพรรคพวกอาศัยอยู่

หลิวชิงอวี่เป็นคนแรกที่มาถึง ทันทีที่กำลังลงสู่พื้นดิน ลูกศรสีเขียวเข้มได้ยิงไปทางเขา

มุมปากหลิวชิงอวี่เผยถึงความเย้ยหยันเมื่อเห็นลูกศร มันถูกปัดออกไปอย่างง่ายดายเพียงตวัดมือ จากนั้นร่างของเขาได้เข้าไปเตะที่หน้าท้องของชิงหง!

ชิงหงตกใจในทันที นางต้องการจะหลบ แต่หลิวชิงอวี่รวดเร็วเกินไป นางจึงไม่สามารถหลบการโจมตีได้ทัน ขณะที่กำลังจะโดนโจมตี มีร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นราวกับเงาด้านหลังหลิวชิงอวี่พร้อมประกายเย็นเยือกพุ่งผ่านคอของเขา!

เมื่อเขาสังเกตเห็นมีดที่โผล่มาจากด้านหลัง ความเหยียดหยันยังคงปรากฏอยู่บนหน้าของหลิวชิงอวี่อยู่ เขาสะบัดขาที่จะเตะชิงหงไปโจมตีเฉียวไห่แทน

ปั้ง!

ขณะที่มีดของเฉียวไห่กำลังจะถึงคอของหลิวชิงอวี่ ร่างของเขาก็ได้กระเด็นไปบนพื้นอย่างรุนแรง

ในอีกด้านหนึ่ง ชิงหงได้ถอยไปอยู่หน้าประตูบ้านพร้อมเล็งศรสีดำไปยังหลิวชิงอวี่ นางเกิดความสงสัยในใจว่าเหตุใดยามรักษาการณ์ของเมืองยังไม่มา?

ใช่แล้ว หากมีการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังปราณเกิดขึ้นในเมือง เช่นนั้นยามจะต้องรีบมาในทันที เพราะมันเป็นเช่นนั้นในการปะทะกันก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันไปสองถึงสามครั้งแล้ว แต่โดยรอบยังคงเงียบงัน มันแทบจะไม่มีแม้แต่เงาของยามรักษาการณ์!

“เจ้ากำลังรอพวกยามอยู่งั้นหรือ?” หลิวชิงอวี่เดินอย่างช้าไปหาชิงหงพร้อมหัวเราะอย่างเย็นเยือก “พวกเขาจะไม่โผล่มาที่นี่หรอก”

หัวใจของชิงหงเต้นรัว ในตอนแรกนางเพียงแค่สงสัย แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินหลิวชิงอวี่กล่าวเช่นนั้น ความหวังที่มีได้หายไปหมดสิ้น หากยามไม่มาที่นี่ เช่นนั้นนางคงไม่อาจจะต้านทานคนชุดดำเหล่านี้ได้

‘แล้วต้องทำยังไงต่อล่ะ?’

เมื่อนึกถึงฉากที่หยางเย่มอบยันต์เสริมกำลังระดับสูงให้ในวันนั้น ชิงหงสูดหายใจลึกพร้อมกล่าว “หากต้องการแตะต้องพวกนาง เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

หลิวชิงอวี่เผยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าที่ผ้าคลุมสีดำ “ย่อมได้!”

เมื่อกล่าวจบ ร่างของเขาพุ่งไปยังชิงหง จากนั้นได้ปล่อยหมัดตรงไปยังหัวของนาง!

มันแทบจะไม่จำเป็นต้องให้เขาใช้ดาบด้วยคนเพียงเท่านี้!

เมื่อเห็นเขามาถึงตรงหน้า ชิงหงทำได้เพียงหัวเราะอย่างขมขื่น ความต่างของทั้งสองนั้นกว้างเกินไป!

ปั้ง!

มีร่างหนึ่งได้กระเด็นจากการปะทะ