บทที่ 200 เส้นตาย

บทที่ 200 เส้นตาย

หลังสังหารยอดฝีมือขอบเขตมืดทั้งสี่ นักรบโลกอสูรทั้งห้าก็กลับคืนสภาพนิ่งงันไม่เคลื่อนไหว พวกมันยืนข้างกายอู๋ฝาน ตอนนี้แสงสีแดงในดวงตาเริ่มหมองหม่นลงอีกครั้ง

อู๋ฝานมองพวกมันทั้งห้า ถัดจากนั้นจึงมองร่างทั้งสี่บนพื้น เขาถึงกับพูดไม่ออก

คนก็ตายไปแล้ว ตอนนี้จะพูดอะไรก็คงไม่ได้อีก

นอกจากนี้ คนทั้งสี่ก็มีเจตนามาเพื่อสังหารอู๋ฝาน ดังนั้นการสังหารตอบโต้ ชายหนุ่มจึงไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด อย่างมากก็แค่กังวลถึงปัญหาที่อาจจะตามมา แต่ในเมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นไปแล้ว เขาก็ทำได้เพียงแต่ต้องยอมรับ

และจากการต่อสู้เมื่อครู่ อู๋ฝานก็ตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ประการแรก ทั้งห้าสวมชุดที่คล้ายทำมาจากผ้าขี้ริ้ว ไม่ต่างกับขอทาน ทว่าความแข็งแกร่งแท้จริงนั้นก็คือนักรบโลกอสูร ไม่ได้ดูย่ำแย่เหมือนเสื้อผ้าที่สวมใส่ แม้ในมือจะไร้อาวุธ ร่างกายไม่มีอะไรปกป้อง แต่ความสามารถในการสู้รบไม่ได้อ่อนด้อย อย่างน้อยยอดฝีมือขอบเขตมืดในโลกความเป็นจริงก็ตายภายในหนึ่งกระบวนท่า ไม่มีท่าทีจะสามารถตอบโต้หรือมีเปรียบ

นอกจากนี้ นักรบโลกอสูรทั้งห้าที่ถูกอัญเชิญออกมาจากป้ายไม้ มันไม่มีความสามารถในการคิด เปรียบเสมือนหุ่นยนต์ที่ว่างเปล่า มีเพียงการได้รับคำสั่งจากอู๋ฝานเท่านั้น ที่จะทำให้พวกมันเริ่มเคลื่อนไหว ส่วนเวลานอกเหนือจากนั้น จะนิ่งไม่ขยับเหมือนหุ่นยนต์

และเมื่อเริ่มการต่อสู้อีกครั้ง นักรบโลกอสูรทั้งห้าก็จะกลับมามีสภาพอัญเชิญคล้ายกับในอีกโลกหนึ่ง ไม่ว่าจะความดุร้าย ความโหดเหี้ยม หรือการสังหาร!

และนักรบโลกอสูรทั้งห้าเหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของอู๋ฝานอย่างเด็ดขาด จึงทำให้เขาเปรียบเสมือนได้รับกำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งถึงห้าคนมาครอบครอง

ห้านาทีผ่านไป นักรบโลกอสูรทั้งห้าก็เลือนหายไปต่อหน้าอู๋ฝาน อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกมันก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าเช่นกัน

“แม้ว่าระยะเวลาสั้นจะไปบ้าง แต่เรื่องกำลังสู้รบไม่มีอะไรต้องห่วง” อู๋ฝานพึมพำกับตนเอง “แถมนี่ยังเป็นแค่ป้ายอัญเชิญระดับทองแดง หมายความว่ายังมีป้ายอัญเชิญระดับสูงกว่านี้อีก? มันจะสามารถอัญเชิญนักรบออกมาได้มากขึ้น และมีกำลังรบที่แข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ?”

ยิ่งอู๋ฝานคิดมากเท่าไหร่ ก็พบว่าเป็นไปได้มากเท่านั้น ถ้ามีป้ายอัญเชิญเพียงประเภทเดียว มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องระบุระดับ และป้ายอัญเชิญนี้ก็ดร็อปมาจากการสังหารหัวหน้าหน่วยไล่ล่าจากโลกอสูร ดังนั้นถ้าในอนาคตเขาสังหารคนของโลกอสูรที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ก็เป็นไปได้ว่าจะดร็อปป้ายอัญเชิญระดับที่สูงกว่านี้้ได้ใช่ไหม?

ความเป็นไปได้มีมากเลยทีเดียว!

ตระกูลข่งคือตระกูลที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนับพันปี รากฐานของพวกเขาลึกล้ำ พละกำลังเบื้องหลังแข็งแกร่ง แม้ข่งไห่หลินจะเป็นเพียงคนไร้อำนาจที่แท้จริงในตระกูล ทว่าก็สามารถรวบรวมยอดฝีมือขอบเขตมืด และยังเรียกรวมมาได้ถึงห้าคน เป็นการแสดงให้เห็นว่าตระกูลข่งทรงอำนาจขนาดไหน

อู๋ฝานเพิ่งสังหารยอดฝีมือขอบเขตมืดของพวกเขาไปสี่คน หลังจากที่ตระกูลข่งรู้เรื่อง ย่อมไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องราวนี้แน่ ดังนั้นเขาจะต้องหาไพ่ในมือเพิ่มขึ้น แข็งแกร่งให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น

ด้วยเหตุดังกล่าว อู๋ฝานจึงต้องการป้ายอัญเชิญระดับสูงอย่างเร่งด่วน

ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจรีบร้อน การต่อสู้กับหัวหน้าหน่วยไล่ล่าจากโลกอสูรครั้งก่อน อู๋ฝานยังเอาชนะอีกฝ่ายมาได้อย่างเฉียดฉิว ถ้าเจอกับนักรบโลกอสูรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น บางทีคนที่แพ้อาจจะเป็นตัวเขาเอง

“เพราะยังไม่แข็งแกร่งมากพอสินะ” อู๋ฝานพึมพำอยู่ในใจ

หลังได้แนวคิดดังกล่าว อู๋ฝานจึงตั้งใจว่าจะกลับไปยังโลกแห่งเกม เพื่อเดินทางออกจากเทศมณฑลชิงหยวน สังหารมอนสเตอร์เพิ่มเลเวล มีเพียงเลเวลสูงมากขึ้นเท่านั้นจึงจะทำให้ยิ่งแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของตนเองได้

อู๋ฝานมองร่างคนทั้งสี่ที่เริ่มเย็นชืดกับพื้นอีกครั้ง ก่อนจะกลับขึ้นรถและจากไป

ก่อนที่จะมาขวางทางอู๋ฝาน ยอดฝีมือขอบเขตมืดทั้งสี่ก็ได้เลือกสถานที่ไกลหูไกลตาผู้คนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้รอบด้านตอนนี้ไม่มีคนสัญจร นั่นเพราะพวกเขาเองก็ไม่ต้องการให้ใครผ่านมาเห็นการกระทำของตน อย่างไรแล้วระหว่างผู้ฝึกตนกับคนธรรมดา มันก็เปรียบได้ดังโลกสองใบ หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ พวกเขาก็มักจะเลือกไม่ให้คนธรรมดาได้ทราบถึงการดำรงอยู่

ทว่าการตัดสินใจเลือกของอีกฝ่ายก็ส่งผลดีต่ออู๋ฝาน เพราะขณะที่นักรบโลกอสูรทั้งห้าของเขาสังหารยอดฝีมือทั้งสี่คน ก็จะไม่มีใครพบเห็นเช่นเดียวกัน หลังเรื่องราวจบลง ชายหนุ่มก็สามารถจากไปได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าอู๋ฝานเองก็ทราบดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นปกปิดคนทั่วไปได้ แต่ไม่อาจปกปิดจากข่งไห่หลินได้ คนเหล่านี้เป็นอีกฝ่ายส่งตัวมา ถ้าถึงกำหนดแล้วยังไม่กลับไป คนที่จะสงสัยเป็นลำดับแรกก็คือตัวเขาเอง

“ลองถามหวังจื่อหมิงดูดีไหมนะว่าตอนนี้ข่งไห่หลินอยู่ที่ไหน ไปฆ่ามันอีกคนจะได้ลดปัญหา” อู๋ฝานครุ่นคิดขณะขับรถไป

ทว่าไม่นานอู๋ฝานก็ต้องทิ้งความคิดดังกล่าว

ประการแรก ตัวเขาไม่ใช่ฆาตกรบ้าเลือด แน่นอนว่าข่งไห่หลินคิดสังหารเขาเป็นเรื่องจริง และการจะสังหารข่งไห่หลินก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรข่งไห่หลินก็ไม่ใช่คนธรรมดา การสังหารมือดีของอีกฝ่าย ตระกูลข่งอาจจะไม่ใส่ใจมากนัก แต่ถ้าเป็นการสังหารข่งไห่หลิน เช่นนั้นทางตระกูลข่งคงไม่มีทางนิ่งเฉยอย่างแน่นอน

ด้วยตำแหน่งของข่งไห่หลินในตระกูลข่ง ไม่ว่าจะสูงต่ำเช่นไรอีกฝ่ายก็เป็นคนของตระกูลข่ง เป็นทายาทรุ่นเยาว์ของพวกเขา ถ้าถูกสังหาร ตระกูลข่งอาจจะมองว่าเป็นการหาเรื่องโดยตรง เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวการล้างแค้นอู๋ฝานจะยิ่งบานปลาย

ถ้าตอนนี้อู๋ฝานแข็งแกร่งมากพอ เขาคงไม่กังวลถึงขนาดนั้น สาเหตุมันเริ่มจากที่อีกฝ่ายหาเรื่องเขาก่อน และหากฝ่ายนั้นยังตามตื๊อไม่เลิก เช่นนั้นเขาก็เพียงได้แต่สู้กลับเพื่อตอบโต้

ทว่าพละกำลังของอู๋ฝานในปัจจุบันยังอ่อนด้อย การปะทะกับยอดฝีมือขอบเขตมืดยังจำเป็นต้องใช้อำนาจของป้ายไม้ และตระกูลข่งย่อมมีความแข็งแกร่งที่เก็บงำเอาไว้อีก เห็นได้ชัดว่าจะต้องไม่ใช่มีเพียงแค่ยอดฝีมือขอบเขตมืด ดังนั้นหากตอนไหนที่ตระกูลข่งคิดล้างแค้นอู๋ฝานอย่างจริงจัง เขาในปัจจุบันย่อมไม่อาจแบกรับได้ไหว

คิดได้ดังนั้นอู๋ฝานจึงยอมทิ้งความคิดการสังหารข่งไห่หลินในตอนนี้ไป

“ก็หวังว่าคงไม่มาแส่หาความตายกันอีก ความอดทนของฉันคนนี้ก็มีจำกัดเหมือนกันนะ” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเอง

ข่งไห่หลินเผยเจตนาสังหารต่อตัวเขาแล้ว และอู๋ฝานไม่มีทางนั่งเฉยรอคอยความตายแน่ ถ้าไม่กังวลเรื่องอำนาจของตระกูลข่งเบื้องหลังข่งไห่หลิน ตนคงไม่มีทางปล่อยให้ข่งไห่หลินรอดชีวิตแล้ว นอกจากนี้ถ้าข่งไห่หลินยังคงตามรังควานไม่เลิก อีกทั้งยังคิดตามสังหารต่อเนื่อง อู๋ฝานอาจจะหยุดกังวลเรื่องดังกล่าวและลงมือทันที อย่างไรเขาเองก็มีเส้นตายที่สามารถทนได้เช่นกัน

ปัจจุบันข่งไห่หลินยังไม่ทราบว่าคนที่ตนเองส่งมาถูกอู๋ฝานสังหารจนหมดสิ้น ขณะนี้เขากำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ขณะเงยหน้ามองเพดานกระจกของห้องในโรงแรม สายตาทอดมองความงามของเจียงโจวจากมุมสูง ทว่าในใจกลับกำลังนึกถึงตอนอาหารมื้อเที่ยงกับหวังจื่อหมิง

ข่งไห่หลินมาถึงเจียงโจวตอนเช้าของวันนี้ ก่อนหน้านี้เขากลับไปยังเมืองหลวง อย่างไรการที่ยอดฝีมือขอบเขตมืดได้รับบาดเจ็บก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อีกทั้งเขายังต้องการเรียกรวมตัวยอดฝีมือขอบเขตมืด ดังนั้นจึงต้องเดินทางไปจัดการด้วยตนเอง

และด้วยสถานะปัจจุบันของเขาในตระกูลข่ง การที่คิดอยากจะรวบรวมยอดฝีมือขอบเขตมืดสี่คนไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเว้นช่วงไปนาน จนกระทั่งเพิ่งนำกำลังคนกลับมายังเจียงโจวในเช้าวันนี้