บทที่ 201 หวาดกลัว

บทที่ 201 หวาดกลัว

ตอนที่ข่งไห่หลินเพิ่งกลับมาถึงเจียงโจวก็ถูกหวังจื่อหมิงติดต่อมานัดทานอาหาร เขาค่อนข้างพึงพอใจในท่าทีนั้น เพราะมองว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี ทำงานได้ดี และควรค่าแก่การสานสัมพันธ์ต่อไป

เพียงแต่ตอนทานอาหาร หวังจื่อหมิงกลับกำลังพูดจาช่วยอาจารย์บัดซบคนนั้น! เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงทำให้ข่งไห่หลินไม่พอใจ กระทั่งรู้สึกหน้าชาเย็นวาบเสียด้วยซ้ำ

ทว่าหวังจื่อหมิงคล้ายไม่เห็นมัน พูดออกหน้าแทนอู๋ฝาน ราวกับคิดเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้

ข่งไห่หลินไม่ยินดีเลยสักนิด ถ้าครั้งก่อนเขาสั่งสอนบทเรียนแก่อู๋ฝานเรียบร้อยก็ไม่เป็นไร ทว่าเฟ่ยอวิ๋นที่ออกไปทำงานครั้งก่อน ไม่เพียงพลาดโอกาสสั่งสอนอีกฝ่าย กลับยังบาดเจ็บหนัก ข่งไห่หลินจึงกลับไปเมืองหลวงเพื่อหาทางสอนบทเรียนครั้งใหม่

ครั้งนี้ข่งไห่หลินทุ่มเทไปมาก เขาพายอดฝีมือขอบเขตมืดถึงสี่คนมาพร้อมกัน ทั้งหมดก็เพื่อจัดการกับอู๋ฝาน และครั้งนี้ตนไม่พอใจกับการสั่งสอนบทเรียนแก่อีกฝ่าย เป้าหมายในรอบนี้ต้องเป็นการเข่นฆ่าเท่านั้น!

ดังนั้นการไกล่เกลี่ยของหวังจื่อหมิงจึงไม่ประสบผลแม้แต่น้อย ทว่ากลับยิ่งทำข่งไห่หลินรู้สึกไม่พอใจ เขาในตอนนี้ไม่พอใจหวังจื่อหมิงอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว

ไม่นานหลังจากแยกกับหวังจื่อหมิง ข่งไห่หลินที่อดกลั้นมานานก็ส่งยอดฝีมือขอบเขตมืดสี่คนออกไปลงมือสังหารอู๋ฝาน

เขาไม่รออีกแล้ว! เขาต้องทำให้อู๋ฝานจ่ายในราคาที่สาสมให้ได้!

“อู๋ฝาน ครั้งนี้แกยังคิดว่าจะรอดชีวิตได้งั้นเหรอ?!” ข่งไห่หลินจิบไวน์แดงในแก้วอย่างช้า ๆ ขณะเผยสีหน้าภาคภูมิใจและมาดหมายออกมา

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป อารมณ์ของข่งไห่หลินจากเดิมที่มีความมั่นใจในตนเอง ก็เปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา

“ทำไมนานขนาดนี้แล้วยังไม่มีข่าวส่งกลับมา?” ข่งไห่หลินพึมพำกับตัวเอง

ถ้าเป็นตามที่ข่งไห่หลินคิด ต่อให้อู๋ฝานจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางต่อกรกับยอดฝีมือขอบเขตมืดถึงสี่คนพร้อมกันได้ เดิมยอดฝีมือขอบเขตมืดเพียงสองคนก็พอที่จะจัดการอู๋ฝานได้แล้ว แต่ที่เขาเชิญมาถึงสี่คนก็เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นใจ และเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย

ยอดฝีมือขอบเขตมืดสี่คนออกไปลงมือจัดการอู๋ฝานไม่สมควรต้องใช้เวลายาวนาน แต่แล้วภายหลังผ่านไปนาน กลับไม่มีข่าวคราวใดถูกส่งกลับมา เรื่องราวดูผิดแปลกและไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป

หลังรอคอยอีกสักพักหนึ่ง ก็ยังไม่มีข่าวส่งกลับมา ทั้งไม่มีใครรับสายโทรศัพท์ นั่นจึงทำให้ข่งไห่หลินไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไปแล้ว

“ไปตรวจสอบว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ข่งไห่หลินบอกคนรับใช้ที่คอยติดตามตนเอง

อีกฝ่ายหันกลับและจากไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายก็นำข่าวร้ายกลับมาแจ้งให้ข่งไห่หลินทราบ เป็นข่าวที่ยากทำใจเชื่อได้ลง

“ว่าอะไรนะ? พูดว่าอะไรนะ? ทุกคนตายหมด!? มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!? พวกเขาตายได้ยังไง!? ใครฆ่าพวกเขา?” ข่งไห่หลินจ้องคนรับใช้ด้วยสีหน้าแตกตื่น พลางถามเสียงดัง

“ทั้งสี่คนตายหมดเลยครับ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนลงมือ แต่ดูจากสถานที่เกิดเหตุ คนสังหารจะต้องแข็งแกร่งมาก แขนขาและอวัยวะภายในของพวกเขาฉีกขาด เป็นความตายอันน่าสังเวชอย่างถึงที่สุดครับ” คนรับใช้ตอบกลับมา

อีกฝ่ายที่รายงานเป็นคนของขอบเขตสว่างที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แม้ว่าจะไม่อาจเทียบเปรียบกับสี่ยอดฝีมือขอบเขตมืด แต่ความแข็งแกร่งนั้นไม่ต้องสงสัย หลังเห็นเรื่องราว เขาย่อมวิเคราะห์ได้ว่าคนนั้นเสียชีวิตได้อย่างไร

เปลือกตาข่งไห่หลินกระตุกหลายครั้งเพราะคำตอบของคนรับใช้ สีหน้าท่าทีขณะนี้แตกตื่นลนลาน จนสุดท้ายใบหน้าก็เริ่มแสดงความหวาดกลัวออกมา

ข่งไห่หลินรู้ดีว่ายอดฝีมือขอบเขตมืดเหล่านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แม้จะเป็นแบบนั้น ทว่าตอนนี้ยอดฝีมือขอบเขตมืดทั้งสี่คนกลับถูกสังหารอย่างเงียบเชียบ กระทั่งว่าคนรับใช้ไม่ต้องเตือน ข่งไห่หลินก็พอเดาได้ว่าคนที่ลงมือสังหาร จะต้องแข็งแกร่งมากล้นเพียงใด

“อู๋ฝานฆ่าพวกเขางั้นเหรอ?” จู่ ๆ ข่งไห่หลินก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ทว่าก็ต้องรีบปฏิเสธในทันที

อู๋ฝานอายุเท่าไหร่กัน? มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อายุเท่านี้จะสามารถสำเร็จขอบเขตมืดได้ นับประสาอะไรกับคนที่แข็งแกร่งกว่าขอบเขตมืด ดังนั้นอีกฝ่ายไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่ายอดฝีมือขอบเขตมืดอย่างแน่นอน!

ตามคำบอกเล่าของเฟ่ยอวิ๋นเมื่อครั้งก่อน ข่งไห่หลินเชื่อว่าความแข็งแกร่งของอู๋ฝานไม่ได้สำเร็จไปถึงขอบเขตมืดอย่างแน่นอน

ถ้าไม่ใช่อู๋ฝาน งั้นฆาตกรเป็นใคร?

อู๋ฝานมียอดฝีมือคอยให้การคุ้มกันงั้นเหรอ?

ข่งไห่หลินมองว่าเป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาได้สืบเรื่องราวของอู๋ฝานจนแน่ชัดแล้ว อีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดา ในสายตาของเขา อีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับมดปลวกที่ไร้เบื้องลึกเบื้องหลัง เช่นนั้นจะหายอดฝีมือที่เหนือกว่าขอบเขตมืดมาปกป้องคุ้มครองอยู่ตลอดได้อย่างไร?

มันจะเป็นใครไปได้?

ข่งไห่หลินคิดอยู่นาน ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจคิดออกว่าฆาตกรเป็นใคร และเขาก็ไม่มีแม้แต่เบาะแสให้สงสัยเลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังหวาดกลัว

ข่งไห่หลินหวงแหนชีวิตเป็นที่สุด ไม่อย่างงั้นแล้ว ครั้งก่อนที่ได้ยินว่าอู๋ฝานไม่ได้อ่อนแอ คงไม่ตรงกลับเมืองหลวงเพื่อเรียกหากำลังเสริม

แต่ตอนนี้กำลังเสริมของเขาตายหมดแล้ว แม้ไม่ทราบว่าฆาตกรเป็นใคร แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาดีต่อตัวเขาหรือตระกูลข่ง ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่จะเป็นยังไง?

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นั้น ข่งไห่หลินถึงกับสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าท่าทีและแววตาต่างแสดงออกถึงความหวาดกลัวอันหนักอึ้งออกมา

“เก็บของเดี๋ยวนี้ พวกเราจะถอนตัวจากที่นี่ทันที!” ข่งไห่หลินบอกคนรับใช้

เจียงโจวแห่งนี้อันตรายเกินไป เขาไม่คิดอยู่ต่ออีกแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เขาต้องกลับเมืองหลวงให้เร็วที่สุด

คนรับใช้คล้ายจะไม่แปลกใจกับการตอบสนองของข่งไห่หลิน ในตอนนี้จึงพยักหน้าตอบรับคำสั่งนั้น

ดังนั้นข่งไห่หลินที่มาถึงเจียงโจวแต่เช้า จึงเร่งร้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงบ่าย ตอนที่อู๋ฝานได้รู้ข่าวจากหวังจื่อหมิง เขายังถึงกับชะงักไปด้วยซ้ำ

มันเกิดอะไรขึ้น?

อู๋ฝานคิดว่าข่งไห่หลินจะดิ้นรนล้างแค้น ตอนที่ได้รู้ว่าคนของตนเองตายไป ดังนั้นเขาจึงคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้คาดคิดเลยว่าข่งไห่หลินจะเผ่นหนีอย่างนี้ ทั้งที่ครั้งนี้ดูขึงขังเอาจริงยิ่งกว่าครั้งก่อนก็ตาม

“ได้ยินว่าคนคุ้มกันที่เขาพามาด้วยตายหมด บางทีที่รีบกลับไปแบบนี้ คงเพราะต้องจัดการกับการเสียชีวิตของคนพวกนั้น” หวังจื่อหมิงตอบ เขาคอยเฝ้าจับตาอยู่ตลอด และข่าวนี้ก็ถือว่าเป็นข่าวดี

อู๋ฝานที่ได้ยินคำของหวังจื่อหมิง เขากระทั่งพึมพำอยู่ในใจว่านี่เป็นเพราะอีกฝ่ายหวาดกลัว จนต้องเผ่นหนีใช่ไหม?

เหตุผลนี้พอเป็นไปได้ แต่อู๋ฝานก็มองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เช่นเดียวกัน อย่างไรข่งไห่หลินก็เป็นคนจากตระกูลข่ง ทำไมถึงกลัวหัวหดได้ขนาดนี้? แค่คนสี่คนตาย ก็ขวัญหนีแล้วงั้นเหรอ?

อีกทั้งนอกจากเหตุผลดังกล่าว อู๋ฝานก็คิดหาเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว

“ข่งไห่หลินได้แจ้งตำรวจไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

มันเป็นประเด็นที่อู๋ฝานค่อนข้างกังวล

“ไม่ได้แจ้ง” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ไม่ใช่แค่ไม่แจ้งตำรวจ แต่ยังปกปิดเรื่องนี้ไว้จนมิด”

“เพราะอะไรเหรอครับ?” อู๋ฝานรู้สึกสับสนอีกครั้ง ข่งไห่หลินไม่เพียงหัวหด แต่ยังจิตป่วยด้วยงั้นเหรอ?

“กองกำลังระดับชาติไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าแทรกแซงเรื่องราวระหว่างผู้ฝึกตนด้วยกัน เรื่องนี้คือเรื่องภายใน เรื่องเริ่มที่พวกเขา พวกเขาก็ต้องคลี่คลายกันเอง เป็นกฏที่ไม่ได้กำหนดแต่ก็รู้กันดีในหมู่ผู้ฝึกตนน่ะ” หวังจื่อหมิงอธิบาย

“เป็นแบบนี้นี่เองเหรอครับ” อู๋ฝานผ่อนลมหายใจโล่งอก

กฎเช่นที่ว่านับเป็นเรื่องดีจริง ๆ!