บทที่ 202 เดินทางกลับ

บทที่ 202 เดินทางกลับ

หลังได้ทราบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะไม่ก่อปัญหาให้ไปอีกสักระยะ อู๋ฝานก็โล่งอก แม้ทราบดีว่าตัวตนอย่างข่งไห่หลินนั้น จะไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปง่าย ๆ .. ทว่าก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต สำหรับตอนนี้การที่ไม่มีปัญหามากจนเกินรับมือ ก็ถือเป็นเรื่องดีมากแล้ว

ตราบใดที่ให้เวลาแก่อู๋ฝาน ชายหนุ่มก็เชื่อมั่นในตนเองว่าจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ข่งไห่หลินยกทัพมาล้างแค้น เขาก็เชื่อว่าตนเองจะไม่แพ้ให้แก่อีกฝ่าย

“ถ้ายังกล้าเสนอหน้ามาที่เจียงโจว แล้วคิดจะทำอะไรไม่ดีกับฉันคนนี้อีกล่ะก็ ครั้งหน้าจะไม่ปล่อยให้รอดไปง่าย ๆ เหมือนครั้งนี้แน่” อู๋ฝานพูดพึมพำกับตัวเอง

ในช่วงเวลากลางคืน ภายในโลกแห่งเกม

ตอนที่อู๋ฝานกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็พบว่าเป็นช่วงรุ่งสางแล้ว

อู๋ฝานเปิดประตูออกไป เห็นผู้คนมากมายกำลังวุ่นวายกันอยู่ในสวน พวกเขาเหล่านี้เป็นคนรับใช้ที่เขาซื้อมาเมื่อวาน บางส่วนกำลังกวาดพื้น บางส่วนกำลังจัดแต่งส่วน และบางส่วนก็กำลังทำความสะอาดวัชพืชภายในทะเลสาบ

เป็นภาพที่ค่อนข้างวุ่นวาย

“นายท่าน” คนรับใช้ที่เดินผ่านมา เมื่อเห็นอู๋ฝานจึงทำความเคารพด้วยความนอบน้อม

อู๋ฝานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักตอนที่ถูกเรียกเช่นนั้น แต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย

“นายท่านตื่นแล้วนี่เอง” ตอนนี้ซุนเลี่ยงเดินกะเผลกมา พลางกล่าว “ข้าจัดให้พวกเขาไปทำความสะอาดแล้วขอรับ แม้ส่วนใหญ่เมื่อวานจะทำความสะอาดไปแล้ว แต่จวนหลังนี้ก็ถูกทิ้งเอาไว้นาน มีหลายพื้นที่ต้องทำความสะอาดอย่างจริงจัง คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามวันขอรับ”

ซุนเลี่ยงเป็นสมาชิกในหน่วยของอู๋ฝานคนหนึ่ง และเป็นหนึ่งในสามคนที่ได้รับบาดอย่างเจ็บรุนแรง ขาของเขาไม่อาจใช้การเพราะศึกในครั้งก่อนที่ปะทะกับชาวโลกอสูร ขณะนี้จึงแทบไม่ต่างจากคนพิการ

อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “จัดการไปเถอะ ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก ขาเจ้ายังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ ควรพักให้มากกว่านี้”

ซุนเลี่ยงทอดมองขาตนเอง สุดท้ายจึงกล่าวอย่างเศร้าหมองตัดพ้อว่า “ขาของข้าแม้พักฟื้นแล้วก็คงมีสภาพเช่นตอนนี้แหละขอรับ คงไม่ต้องนอนบนเตียงต่ออีก”

เห็นได้ชัดว่าขาที่หักไปนั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อซุนเลี่ยง หากอู๋ฝานไม่พาเขามาที่นี่ ก็ไม่ทราบว่าเขาจะมีแรงใจใช้ชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่

“อย่าได้เสียกำลังใจ” อู๋ฝานตบไหล่อีกฝ่ายพร้อมเผยยิ้ม “ข้ายังต้องการเจ้ามาช่วยดูแลจวนหลังนี้”

“นายท่านวางใจได้ พวกเราจะดูแลจวนของนายท่านเป็นอย่างดีขอรับ” ซุนเลี่ยงให้คำมั่น

“อืม” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ

หลังจากนั้นอู๋ฝานจึงเรียกคนในหน่วยของตนเองมาพบ พร้อมกล่าวบอก “พวกเราต้องกลับไปหมู่บ้านเร้นลับแล้ว หนิวเอ้อ เสี่ยวลิ่ว หวังปิง หลี่ว์ปิน เหยียนหมิง เจ้าชิ่ง พวกเจ้าทั้งหกคนกลับไปพร้อมกับข้า ส่วนซุนเลี่ยง ถังซาน โจวกวง ทั้งสามคนอยู่ที่นี่คอยดูแลจวนนี้ .. ต้องการเสนอความเห็นอะไรหรือไม่?”

“ไม่มีขอรับ!” ทุกคนต่างประสานเสียง

“งั้นตกลงตามนี้ หนิวเอ้อ พวกเจ้าทั้งหกคนไปช่วยกันเก็บของ ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่ ไว้พอกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราจะออกเดินทางกันทันที” อู๋ฝานบอก

อู๋ฝานออกมาข้างนอกก็เพราะต้องการจัดการของที่ได้มาจากมอนสเตอร์ในกระเป๋าหลัง

ก่อนหน้านี้ระหว่างทางกลับมาเทศมณฑลชิงหยวน พวกอู๋ฝานได้เจอมอนสเตอร์มาไม่น้อย สังหารไปก็มาก ได้รับวัสดุมากมาย อีกทั้งตอนที่เร่งเดินทางมุ่งหน้าไปยังทุ่งราบรกร้างนั้น เขายังได้รับร่างราชาหมาป่าเนตรสีชาดอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้!!

แม้ว่าทางราชสำนักจะมอบรางวัลเป็นเหรียญทองมาให้ แต่เงินเหล่านั้นก็จำเป็นต้องใช้ซื้อหาคนรับใช้ วัตถุดิบ และอีกหลายอย่าง ตอนนั้นเองที่อู๋ฝานเริ่มพบว่าเงินขาดมือ ดังนั้นจึงต้องรีบหาเหรียญทองมาเติมเต็มกระเป๋า

ร้านที่อู๋ฝานเลือกยังคงเป็นร้านขายของชำเมื่อครั้งก่อน เพราะเมื่อเทียบเปรียบกับร้านอื่นในเมือง ร้านนี้ถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว

อีกฝ่ายยังคงจำชายหนุ่มได้ การค้าครั้งนี้จึงราบรื่นลงด้วยดี

“ในภายหน้าข้าอาจจะได้จัดการกับสัตว์ป่าหรือมอนสเตอร์แถวนี้มากขึ้น ไม่ทราบว่าพอจะรับไหวกันที่เท่าไหร่หรือขอรับ” ก่อนจะออกจากร้านอู๋ฝานเอ่ยถามอีกฝ่าย

ในครั้งนี้ที่อู๋ฝานเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านเร้นลับก็เพื่อหาทางทำเงินให้มากขึ้น อย่างไรเขาก็ติดค้างหัวหน้าหมู่บ้านเอาไว้ไม่ใช่น้อย ทั้งยังมีค่าอาหารของพวกหนิวเอ้อและคนในบ้านอีก ดังนั้นจึงต้องการเงินเป็นอย่างมาก

คนของหมู่บ้านเร้นลับรับซื้อวัตถุดิบก็จริง แต่รับในจำนวนจำกัด อู๋ฝานที่ก่อนหน้านี้เคยมีแผนการที่จะขายวัตถุดิบจำนวนมาก จึงต้องหาขายกับสถานที่อื่น

ร้านขายของชำนับเป็นตัวเลือกที่ดี

“มากเท่าที่คุณลูกค้ามีเลยขอรับ ท่านสามารถนำมาให้ประเมินราคาได้ พวกเราจะคิดคำนวณตามราคาจริง” อีกฝ่ายตอบรับ

อู๋ฝานพยักหน้ารับ หลังได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็โล่งใจขึ้น

แน่นอนว่าในอนาคตอู๋ฝานอาจจะไม่ได้แวะเวียนมาด้วยตนเอง ดังนั้นตอนนั้นส่วนใหญ่คงต้องขอให้คนอื่นช่วยกระทำแทน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน พวกหนิวเอ้อก็เตรียมพร้อมกันเรียบร้อย หลังอู๋ฝานฝากเหรียญทองส่วนหนึ่งไว้กับพวกซุนเลี่ยงเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายแล้ว เขาก็เตรียมออกเดินทาง

ทว่าขณะที่อู๋ฝานและพวกหนิวเอ้อกำลังจะออกเดินทาง กลับมีอีกสองคนตามหลังพวกเขามาด้วย

เป็นเด็กชายและเด็กหญิงคู่หนึ่ง เด็กชายฉายแววฉลาด เด็กหญิงหน้าตาน่ารัก

ดูไปแล้วคุ้นหน้า

อู๋ฝานมองเด็กชายเด็กหญิงทั้งสองที่ดูคุ้นหน้า เขานึกย้อนไปชั่วขณะจึงจำได้ว่าเป็นสองพี่น้องที่เขาเพิ่งซื้อตัวมาเมื่อวานนี้

เพียงแต่คนทั้งสองที่เดิมมีแต่รอยเปรอะเปื้อนและผมเผ้ารุงรังนั้น ขณะนี้ได้ชำระร่างกายจนดูเป็นคนใหม่ แม้ว่ายังดูผ่ายผอมอยู่ แต่ก็มีสีเลือดฝาดให้ได้เห็น สายตาของเด็กทั้งสองดูมีชีวิตกว่าเมื่อวานนี้อย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะกับดวงตาคู่นั้น หนึ่งปราดเปรียว หนึ่งเย็นชา ไม่ใช่หมองหม่นเหมือนดังคนรับใช้คนอื่น

“มีเรื่องอะไรหรือ?” อู๋ฝานเห็นทั้งสองจึงเอ่ยถาม

“นายท่าน ขอพวกเราติดตามไปด้วยขอรับ” เด็กชายตัวน้อยบอกกับอู๋ฝานอย่างคาดหวัง “นายท่านเดินทางเช่นนี้ย่อมขาดคนคอยช่วยดูแลเรื่องราวเล็กน้อยในชีวิตประจำวันมิใช่หรือขอรับ”

“นายท่าน ให้พวกเขาติดตามไปด้วยก็ดีเหมือนกันนะขอรับ” ซุนเลี่ยงก้าวออกมา พลางเอ่ยคำ “ตอนนี้นายท่านเป็นขุนนาง หากไม่มีคนคอยรับใช้ข้างกาย คล้ายจะเป็นเรื่องไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นักขอรับ”

“จริงด้วย! จริงด้วยขอรับ” หนิวเอ้อและพรรคพวกร่วมเห็นพ้อง

อู๋ฝานคิดตาม เขาคงไม่ได้มาที่เทศมณฑลบ่อยมากนัก หากมีข่าวคราวใดต้องส่ง เขาก็จำเป็นต้องมีคนเดินทางคอยส่งข่าวคราว อีกทั้งยังมีเรื่องของการขนส่งวัตถุดิบและวัสดุทั้งหลายด้วย

“ก็ดี ทั้งสองคนตามมาด้วยก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบรับ

ด้วยเหตุนี้คณะเดินทางของอู๋ฝานจึงเพิ่มจากเจ็ดเป็นเก้าคน

แม้ว่าระหว่างทางต้องพบเจอมอนสเตอร์และสัตว์ป่าไม่น้อย ทว่าอู๋ฝานและคนในหน่วยก็แข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือ ยกเว้นสองพี่น้องคู่นั้น ทุกคนต่างก็มีอาวุธพร้อมใช้งาน นอกจากนี้แล้วยังมีม้าอีกสี่ตัว ดังนั้นต่อให้เจอฝูงมอนสเตอร์หรือสัตว์ป่า ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

ทันทีที่อู๋ฝานเดินทางออกจากเทศมณฑลชิงหยวน ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวก็ได้ทราบข่าว เพียงแต่ไม่ได้ตอบสนองอะไร เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่สนใจหรือข้องเกี่ยวกับชายหนุ่มเกินความจำเป็น

อู๋ฝานไม่ได้มาร่ำลากับผู้ปกครองเทศมณฑลกัว เห็นได้ชัดว่าในใจของเขานั้น การพูดคุยกับผู้ปกครองเทศมณฑลกัวไม่ใช่เรื่องจำเป็นต้องกระทำแต่อย่างใด

อย่างไรแล้วอู๋ฝานก็คิดถึงเพียงแต่วิธีการหาเงิน ไม่ได้สนใจเรื่องราวในส่วนของสถานะขุนนาง

แม้การเป็นขุนนางจะอำนวยความสะดวกให้แก่อู๋ฝานมากมาย ทว่าในตอนนี้ตัวเขายังไม่ทันได้ทราบความจริงข้อนี้