ตอนที่ 195 พี่หมีคนโตและคุณป้าคนที่สามกำลังทำเรื่องยุ่งยาก

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

195 พี่ชายคนโตและลูกสาวคนที่สามกำลังทำเรื่องยุ่งยาก

 

“ที่พูดหมายความว่ายังไง?”

 

ในห้องหนึ่งของปราสาทหลวง

ยามเช้าตรู่ที่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด อาคาชิที่สวมชุดนักเรียกเข้ามาปลุกซิลเลนที่หลับไหลอยู่

 

การที่อาคาชิมาถึงห้องโดยตรง มีความหมายว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ก่อนที่เธอจะทันได้บ่นใส่ ซิลเลนก็ลุกจากเตียง และเริ่มเตรียมตัว

 

“คฤหาสน์ของเนียจังถูกโจมตีล่ะค๊า”

 

“ถูกโจมตี? นึกดูแล้ว ก็เหมือนจะได้รับรายงานแบบนั้นอยู่เหมือนกันน๊า”

 

เธอได้ยินเรื่องนี้มาจากคนอื่นนอกเหนือจากอาคาชิแล้ว

 

ยังไงก็ตามสาวใช้ที่ถูกพามาจากอาร์ตัวร์ด้วยกันก็แข็งแกร่งมาก ดังนั้นไม่ว่าจะฝ่ายถูกโจมตีก่อนหรือไม่ก็ตาม นี่เท่ากับพ่ายแพ้ในเกมของตัวเองจนหมดสิ้นแล้ว

 

ทว่า เธอได้ยินรายงานแล้ว

อาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ที่มาตื่นเอาตอนนี้………

 

” ――ดูเหมือนว่าจะมีทหารจักรกลเคลื่อนไหวหลายเครื่อง ได้ยินว่าคฤหาสน์ครึ่งหนึ่งถูกทำลายลงไปแล้วด้วย”

 

นั่นเป็นเรื่องฉุกเฉิน

อาคาชิจึงเคลื่อนไหวเช่นกัน ด้วยการมาปลุกเธอไงล่ะ

 

นอกจากนี้ ยังเป็นเวลาที่เหมาะเจาะซะจริง

ทั้งที่เมื่อคืน เธอพึ่งได้คุยถึงเรื่องการประนีประนอมกับเนีย・ลิสตันไป จนในที่สุดก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว

 

“เป็นทหารจักรกลของที่ไหนห๊ะ? เนีย・ลิสตันปลอดภัยดีไหม? รายละเอียดของสถานการณ์ล่ะ?”

 

เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากห้องพร้อมกับพูดคุยด้วยความรีบเร่ง อาคาชิติดตามซิลเลนไม่ห่าง

 

“ไม่ทราบสังกัดค่ะ น่าจะเป็นเครื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับที่ใด ซึ่งดูเหมือนน่าจะได้รับการซ่อมแซม สร้างขึ้นมาในมุมมืด จากขยะที่ถูกจัดหารไปโดยเส้นทางของเถื่อนล่ะเน๊ เนียจังปลอดภัยดีล๊า สรุปสถานการณ์ รู้สึกว่าจะยังไม่สมบูรณ์ล่ะน๊า”

 

อาคาชิกล่าวถึงประเด็นหลักอย่างกระชับ

 

กลางดึก มีโจรหลายสิบคนเข้าโจมตีคฤหาสน์ที่เนีย・ลิสตันอาศัยอยู่

ในหมู่พวกมันมีทหารจักรกลที่ไม่มีสังกัดจำนวนห้าเครื่องมาเข้าร่วมด้วย

เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมาก และการเคลื่อนไหวของทหารจักรกล จึงเป็นการโจมตีที่ค่อนข้างเอิกเกริกมาก ขณะนี้มีสารวัตรทหารจำนวนมากถูกระดมกำลัง และอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว

 

และท้ายสุด

 

“ดูเหมือนว่าโอนี่ซามะกับโอเน่ซามะของซิลซามะเอง ก็กำลังเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุอยู่ล๊า”

 

“……..งันเหรอ”

 

ดูเหมือนว่าจะยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม――การรับรู้ของทั้งสองคนนั่นทับซ้อนกัน โดยไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ

 

เมื่อเธอวิ่งผ่านประตูปราสาทที่เปิดอยู่ ก็เห็นทหารนายหนึ่งยืนอยู่พร้อมกับม้าสองตัว อาคาชิคงเป็นคนบอกให้เขาเตรียมไว้ให้

 

“ออกตัว!”

 

“ฮ๊า”

 

ซิลเลนกับอาคาชิขี่ม้าควบทะยานวิ่งไปยังเขตเมืองรอบปราสาทที่ยังไม่ค่อยมีคนมากนัก

 

 

 

สิ่งต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุค่อนน่าทึ่ง

อย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ ก็มีสารวัตรทหารมากกว่ายี่สิบนายกำลังทำงานอยู่ จำนวนคนที่เกี่ยวข้องทำให้รู้ว่านี่คือเหตุการณ์ใหญ่

 

เธอแสดงบัตรประจำตัวต่อสารวัตรทหารที่เฝ้าพื้นที่อยู่ ซึ่งกำลังทำหน้าที่เพื่อควบคุมไม่ให้เหล่าคนรับใช้ของคฤหาสน์โดยรอบเข้าใกล้ พวกเธอขี่ม้าเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุทั้ง ๆ แบบนั้น

เหล่าคนรับใช้เหล่านี้อาจจะได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะยังไงเสียที่นี่ก็ยังคงเป็นมุนหนึ่งของย่านชนชั้นสูง อีกทั้งเรื่องยังเกิดขึ้นในตอนกลางคืนทำให้ไม่มีเสียงมุงดูของสามัญชน

 

เธอพบกับคฤหาสน์ที่เป็นปัญหาทันที

 

คฤหาสน์หลังนี้ไมได้ใหญ่โตมากนัก แต่การได้เห็นครึ่งหนึ่งถูกทำลายลงไปนั้น ก็ทำให้เจ็บปวดไม่น้อย และยังทำให้ใจเธอสั่นแรงอีกรอบ

 

“โหดร้ายจังนะ”

 

“ใช่เลยค๊า”

 

หลังจากมองดูคฤหาสน์ที่ถูกทำลายไปสักพัก ซิลเลน กับอาคาชิก็ลงจากหลังม้า จากนั้นก็ขอม้าจากสารวัตรทหารที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังใจกลางที่เกิดเหตุ

 

นอกจากตัวคฤหาสน์เองแล้ว ก็ยังสามารถมองเห็นร่องรอยของการทำลายล้างที่สดใหม่ได้ทุกหนทุกแห่ง อย่าง รั๊วที่พัง ประตูเหล็กที่หักโค่นพร้อมกับเสาประตู และที่นอนที่กองอยู่บนถนน และทางเดินพื้นหินแตกร้าว ราวกับว่ามีของหนักตกลงมา

 

ราวกับเป็นสนามรบอย่างแท้จริง

ไม่ต่างจากการต่อสู้จริงที่ซิลเลนเคยประสบจริงด้วยตัวเองมาแล้ว ทว่า ข้อแตกต่างที่ชัดเจนก็มีอยู่คือ ไม่มีคราบเลือด หรือ ร่องรอยการเสียชีวิต

 

ถึงแม้จะเป็นโศกนาฎกรรมเช่นนี้ แต่ไม่มีร่องรอยของเลือดเลยแม้แต่น้อย

ถ้าไม่มีใครเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ก็คงเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์

 

” ――ท่านพี่ชาย、ท่านพี่หญิง”

 

ซิลเลนพบกับพี่ชายและพี่สาวของตัวเองซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับสารวัตรทหารคนหนึ่งที่หน้าคฤหาสน์

 

พี่ชายคนโต ลิวิเซล・ซิลค์・มาเวเลีย อายุยี่สิบเจ็ดปี

เขาเป็นผู้มีสิทธิในการสืบทอดราชบัลลังก์สูงสุด เป็นว่าที่กษัตริย์องค์ถัดไป และยังเป็นนักบินทหารจักรกลที่เก่งที่สุดของประเทศอีกด้วย และมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการของภาคีนักรบจักรกลสุนัขปีศาจ มีลักษณะนิสัยเคร่งครัดและเคร่งขรึม

เรื่องนอกจากนี้ ก็ซับซ้อน

 

ลูกสาวคนที่สาม แคลนอลล์・ซิลค์・มาเวเลีย เธอมีอายุมากกว่าซิลเลนหนึ่งปี

เธอเป็นเด็กอายุสิบแปดปีที่พึ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหารจักรกล และเป็นทหารจักรกลที่ยอดเยี่ยม ปัจจุบันกำลังทำงานเป็นผู้ติดตามของพี่ชายลิวิเซล ในฐานะผู้ดูแล หรือทำงานร่วมกันในฐานะที่เหมือนลูกศิษย์ และได้รับประสบการณ์จริงในการต่อสู้

นอกจากนี้ เธอยังทำเรื่องยาก ๆ อีกด้วย

 

“ซิล? ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”

 

พี่ชายคนโตที่ตัวใหญ่และดูน่ากลัวอยู่แล้ว มองลงมาที่น้องสาวคนที่สี่ที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ด้วยสายตาเคร่งขรึม

 

“ฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียนทหารจัการกลเช่นกันกับเนีย・ลิสตันค่ะ จึงเป็นห่วงเธอเล็กน้อย และกำลังจับตาเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเธออยู่ด้วย อาคาชิมีความสนิทสนมกับเธอด้วยเช่นกันค่ะ”

 

“……..งั้นเหรอ ข้าก็ไม่แน่ใจนัก แต่เธอปลอดภัยดี ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

รู้อยู่แล้วล่ะ

 

อะไรก็ช่าง ดูเหมือนว่าเนีย・ลิสตันกับคนอื่น ๆ จะถูกบังคับให้ออกไปจากที่นี่ และให้เก็บตัวอยู่ในโรงแรม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาสภาพที่เกิดเหตุเอาไว้

ตอนนี้เธอ สาวใช้ และเหล่าข้ารับใช้อื่น ๆ อยู่คนละที่กัน และอาจกำลังถูกสอบปากคำอยู่ ไม่สิ น่าจะจบลงไปแล้วมากกว่า

 

“ถือว่าเป็นอันตรายมาก จะเกิดอะไรขึ้นหากว่ามีชาวต่างชาติถูกทหารจักรกลสังหาร ตามที่คาดการณ์ไว้ ประเทศโดยรอบคงไม่มีทางนิ่งเฉยแน่นอนค่ะ”

 

「อา」 ลิวิเซลพยักหน้ารับคำพูดของแคลนอลล์

 

“หากเป็นเช่นนั้น แม้แต่อาณาจักรอาร์ตัวร์ที่บ้าสันติก็ไม่มีทางที่จะนิ่งเงียบอย่างแน่นอน มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างแท้จริง”

 

――ทั้งสองคน ให้ความรู้สึกสมกับเป็นผู้ที่ถูกเลือกตามแบบฉบับของมาเวเลีย เมื่อประชาชนเห็นโศกนาฏกรรมครั้งนี้ พวกเขาจะสนใจแต่ประเด็นทางการเมือง มากกว่าความกังวลต่อชาวต่างชาติที่อาจได้รับบาดเจ็บ

 

ใช่ เรื่องนี้จะทำให้ยิ่งซับซ้อน

ซับซ้อนจริง ๆ โดยปกติแล้ว เธอคงคิดประมาณว่า「คงจะเป็นความคิดที่ไม่ดี ถ้าปล่อยให้พวกเขาได้พบกับเนีย・ลิสตัน」

 

ทหารจักรกลคือ อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด

ความเชื่ออันแรงกล้านี้ บางทีอาจเกิดจากความไว้วางใจและความรักต่อบ้านเกิด ความรู้สึกเช่นนั้น ซิลเลนเองก็มีเช่นกัน

 

ทว่า「เพราะอย่างงั้นแล้ว เรามาโจมตี และทำลายประเทศโดยรอบกันเถอะ」นั่นเป็นสิ่งที่ซิลเลนไม่เคยนึกถึงเลยสักครั้ง เธอไม่คิดว่าเราจะอยู่ในยุคที่สามารถภาคภูมิใจได้เพียงเพราะ มีอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่ง แม้แต่ในโลกแห่งสงครามก็ตาม

 

……วางความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปก่อน

 

“แล้ว ทหารจักรกลที่เข้ามาโจมตีสถานที่แห่งนี้ล่ะคะ?”

 

รอยแผลเป็นของสนามรบนี้คือ อาจเกิดจากที่ทหารจักรกลมาอาละวาดตามข้อมูลที่ได้รับ ไม่เช่นนั้คงไม่มีร่องรอยแห่งการทำลายเหลือมอยู่มากมายขนาดนี้

 

“หนีไปแล้ว ไม่มีอะไรอยู่ที่นี่ตอนที่พวกเรามาถึง”

 

เป็นคำตอบที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

 

“……เช่นนั้น แล้วพวกโจรที่เข้ามาโจมตีพร้อมกันล่ะคะ?”

 

ตามรายงานของอาคาชิ มีสาวใช้ที่แข็งแกร่งมากอยู่คนหนึ่ง และยังได้ยินมาว่าเนียลิสตันเองก็ค่อนข้างแข็งแกร่งจนน่าประทับใจเช่นกัน

ตามที่ได้ยินมีโจรหลายสิบคนที่เข้ามาโจมตี หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงไม่แปลกหากมีบางคนที่พ่ายแพ้ และถูกจับกุมเอาไว้ได้

 

“ไม่มีใครเหลืออยู่เช่นกัน ถูกต้องไหม?”

 

เมื่อลิวิเซลหันไปถามสารวัตรทหารที่คุยด้วยจนถึงเมื่อกี้ก่อนที่ซิลเลนจะมาถึง เขาก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

 

――ความไม่เป็นธรรมชาติของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้

 

“ตั้งใจปล่อยพวกเขาหนีไปเช่นนั้นหรือคะ?”

 

“อย่าพูดจาว่าร้ายคนอื่นเช่นนั้น ไม่มีใครปล่อยให้พวกมันหนี แต่พวกมันหนีไปได้เองต่างหาก

ไม่มีตัวตนอะไรทั้งนั้น แถมแต่แรกแล้ว ――”

 

พี่ชายคนโตมองย้อนกลับไปที่คฤหาสน์ที่ถูกทำลาย

 

“มีทหารจักรกลบุกมาจริง ๆ งั้นเรอะ? มีคนมาโจมตีสถานที่แห่งนี้จริง ๆ งั้นหรือ?”

 

” ……?”

 

” ――สามารถเชื่อสิ่งที่ชาวต่างชาติพูดได้งั้นรึ? ควรต้องเชื่อมากกว่าชาวมาเวเลียด้วยกันงั้นรึ? มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้วที่จะมีทหารจักรกลเข้ามาโจมตี เพราะทหารจักรกลทั้งถูกควบคุมโดยรัฐไงล่ะ”

 

เข้าใจแล้ว

 

ดูเหมือนว่าลิวิเซลวางแผนตั้งใจที่กวาดเรื่องนี้ซุกไว้ใต้พรม

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคิดที่จะจัดการกับเรื่องนี้ด้วยวิธีที่เปลี่ยนให้เป็นเรื่องตลกขบขันของชาวต่างชาติ…….ของเนีย・ลิสตัน

 

“ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ นั่นคงเป็นไปไม่ได้ค่ะ”

 

“เนีย・ลิสตันแข็งแกร่งไม่ใช่เรอะ? ข้าได้ยินข่าวลือไร้สาระว่าเธอสามารถเอาชนะทหารจักรกลได้ด้วยนิ้วเดียวนี่ แถมดูเหมือนว่าสาวใช้ที่เธอพามาจากอาร์ตัวร์ด้วยกัน ก็แข็งแกร่งมากเหมือนกัน

คงไม่ใช่ว่าพวกเขาทำมันเองเพื่อกล่าวหามาเวเลียอย่างผิด ๆ อย่างงั้นหรอกรึ?”

 

ปัญญาได้เปลี่ยนไปแล้ว

ทว่าได้กลายเป็นปัญญาของคนชั่ว

 

“กำลังลบหลักฐานเหตุการณ์ตอนนี้สินะคะ?”

 

“อย่าให้ต้องพูดอีกครั้ง อย่าหยาบคายนะซิล พวกเราแค่กำลังกอบกู้ทรัพย์สินที่เป็นของประเทศเราคืนมาเท่านั้นเอง”

 

――แม้พวกเราจะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว แต่กะแล้วริวิเซล พี่ชายคนโตของเธอก็ยังคงทำเรื่องยุ่งยากอยู่

 

 

 

“อาคาชิ แบบนี้แย่แล้วสินะ?”

 

ตอนนี้เธอแยกตัวจาก ลิวิเซลกับ แคลนอลล์แล้ว

 

ซิลเลนคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจนรู้สึกปวดท้อง และถามอาคาชิด้วยอย่างคลุมเครือ…….ทว่าก็เป็นคำถามที่「เข้าใจ」กัน

 

“ค่อนข้างแย่เลยแหละค๊า ไม่สิ๊ คิดว่าแย่นรกเลยล่ะเน๊”

 

เธอรู้สึกโกรธอาคาชิที่ทำเป็นเล่นในเวลาแบบนี้…….ไม่สิ ตอนนี้นั่นกลับดูน่าเชื่อถือมากขึ้นแทน

 

“ขนาดฉันที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินที่พูดแบบนั้นก็ยังรู้สึกโกรธเลยล่ะโยว เนียจังต้องโกรธอยู่แล้วน๊า ไม่สิไม่สิ อาจจะรู้สึกยินดีก็ได้ล่ะม๊าง? เพราะเท่านี้ก็จะได้เหตุผลในการอาละวาดแล้วเน๊

ประเทศนี้จบสิ้นลงเพราะพี่ชายของซิลซาม๊า อ้าอ๊างงงงงงงง”

 

“อย่ามาจบสิ้นเอาเองสิ”

 

ตอนนี้คือช่วงเวลาวิกฤติ

ก่อนที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระนั่น เธอต้องหาทางเข้าถึงเนีย・ลิสตันให้ได้ก่อน”

 

“อาคาชิ ไปถามมาว่าเนีย・ลิสตันอยู่ที่ไหน เราจะไปพบเอง”

 

ใช่ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปพบด้วยตัวเอง

 

เมื่อคืนเธอลองคิดเรื่องต่าง ๆ ดูมากมาย แต่กลับกลายเป็นเรื่องไม่คาดคิดอย่างน่าขัน เธอไม่สามารถเสแสร้งได้อีกต่อไปแล้ว

 

ต้องไปพบปะโดยตรงด้วยตัวเองก่อน แลัวพูดคุยกันก่อนว่าอยากจะให้จัดการเหตุการณ์ครั้งนี้ยังไง จากนั้นจึงกล่าวขออภัย และขอโทษจากใจจริง

แม้ว่าเธอจะเป็นถึงเจ้าหญิง แต่ซิลเลนก็ไม่มีอำนาจที่จะสามารถกระทำการสิ่งใดได้ และนั่นคือทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้

 

สิ่งเดียวที่ต้องทำคือขอโทษ และเดาว่าเธอคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องแบกรับความผิดเอาไว้เอง

 

“นั่นคงจะเป็นการดีที่สุดแล้วล่ะเน๊”

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

คุณCH****AI KIMN

คุณนิรนาม  

ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

 

ขอบคุณงับ

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー