บทที่ 39 ไล่ผมเหรอ

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

แม้ยังอยากต่อล้อต่อเถียง แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าตัวเองเอาชนะเขาไม่ได้ จนไปทำให้ชายลามกคนนี้หงุดหงิดขึ้นมา แล้วทำอะไรเธอ ณัฐณิชาก็ค่อนข้างรับไม่ได้

จึงทำตัวน่ารักไปนอนพักผ่อนดีๆ ณัฐณิชาที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน จึงเข้าสู่ห้วงฝันไปในเวลาอันรวดเร็ว

อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจากหญิงสาวตัวน้อย ธราเทพพลันผ่อนหายใจยาว ลงจากเตียงเบาๆ แล้วไปอาบน้ำเย็นขจัดความร้อนรุ่มในกายเงียบๆ ก่อนจะกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

เช้าวันรุ่งขึ้น ณัฐณิชากับธราเทพจากไปโดยไม่ทานอาหารเช้า

ก่อนไป นพนันท์ภายใต้การกำกับของธีรศาสนติ์ยังเสแสร้งทำเป็นจัดของบำรุงกำลังและอาหารเสริมจำนวนมากให้ณัฐณิชาด้วย

ณัฐณิชาได้แต่ยิ้มรับไว้

ระหว่างทางกลับ ธราเทพขับรถแลนด์โรเวอร์ที่ไม่โดดเด่น เห็นณัฐณิชาที่นั่งข้างคนขับกำลังยิ้มอยู่จึงพูดว่า “ได้กลับบ้านมีความสุขขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น! ไปบ้านคุณเหมือนเข้าวัง มีกฎเกณฑ์มากมายเต็มไปหมด แถมยังมีผู้อาวุโสหลายคนเพ่งเล็งฉัน ฉันไม่กล้าหายใจเลย น่ากลัวจะตาย”

“ผมคิดว่าคุณหายใจได้ค่อนข้างสะดวกนะ”

ณัฐณิชาถลึงตาเหล่มองเขา แต่เธอกำลังอารมณ์ดี ดังนั้นจึงไม่มีแผนจะทะเลาะกับไอ้ไม่ได้เรื่องคนนี้

รถวิ่งไปบนท้องถนนอย่างราบรื่น บางทีอาจเพราะเมื่อคืนล้มลุกคลุกคลานหนักหนาเกินไป ณัฐณิชาจึงหลับไปอีกครั้ง

ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิบานสะพรั่ง กลิ่นดอกไม้หอมและเสียงนกร้องกระจายเต็มไปหมด

ธราเทพจอดรถที่หน้าประตูวิลล่า กำลังอยากจะปลุกณัฐณิชาลงจากรถ แต่กลับเห็นว่าเธอหลับไปแล้ว

ใบหน้าเล็กขาวเนียนเจือรอยยิ้ม ขนตายาวไล่เงาเล็กๆ บนเปลือกตา จมูกเล็ก ริมฝีปากสีชมพูอ่อน……

“อืม……ถึงแล้วเหรอ”

จู่ๆ ณัฐณิชาก็ลืมตา ธราเทพไม่ได้ขยับสายตา ยังคงจ้องเธออยู่ ณัฐณิชาได้สติกลับมา รู้สึกถึงสายตาร้อนแรง หลังจากที่ตระหนักถึงธราเทพ เธอก็ขยับอย่างค่อนข้างอึดอัด

“ฉัน ฉันมีอะไรติดหน้าเหรอ ทำไมคุณมองฉันแบบนั้น”

“ณัฐณิชา ในสมองเธอเก็บอะไรไว้กันแน่”

“ฮะ?”

“ไม่มีอะไร” ธราเทพค่อนข้างเก็บอาการไม่อยู่ เขาแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ถามคำถามแปลกๆ นั่น เปิดประตูรถ แล้วก้าวเดินไปอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก

ณัฐณิชาเกาศีรษะ มองธราเทพที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาปุบปับอย่างไม่มีเหตุผล

หรือว่าพวกคนรวยมักมีบุคลิกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

เอาใจยากจริงๆ

เห็นธราเทพกับณัฐณิชาเดินตามกันมา แม่บุญสิตาก็ทักทายด้วยรอยยิ้มทันที หลังจากทั้งสองคนชำระล้างร่างกายแล้ว ก็ตรงไปนั่งทานข้าวในห้องอาหาร

อาหารมื้อนี้ณัฐณิชาทานอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากทานเสร็จแล้วก็เรอ ยิ้มกริ่มพลางมองหน้าธราเทพ “คุณควรไปทำงานได้แล้วหรือเปล่า”

“ทำไม ไล่ผมเหรอ”

“……ที่นี่บ้านของคุณ ฉันจะไปกล้าไล่คุณได้ยังไง”

ณัฐณิชายิ้มราวกับแมวขโมย ชี้ไปยังม้วนภาพวาดที่ตัวเองนำกลับมา “นี่คือภาพวาดที่คุณปู่ให้ฉัน ถ้าคุณไปทำงาน ฉันคิดว่าคุณต้องขับรถผ่านห้างฯ ฉันอยากเอามันไปใส่กรอบ”

ถ้อยคำของนายท่านผู้เฒ่านั้นแข็งแกร่งทรงพลัง เป็นบทกวีที่เป็นรูปธรรมและสมบูรณ์แบบ

ณัฐณิชาก็เป็นคนที่รักการเขียนและภาพวาด จึงจะไม่ปล่อยให้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้เปื้อนฝุ่นอยู่ตรงมุมบ้าน

ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง S ณัฐณิชาเสียใจภายหลังจริงๆ ที่ให้ธราเทพออกมาพร้อมกับตัวเอง

เธอเดินว่องไว แค่อยากรีบซื้อแล้วรีบกลับ

จนกระทั่งธราเทพคว้าปกเสื้อของเธอ บังคับณัฐณิชาหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง

“ณัฐณิชา การออกมาข้างนอกกับผมทำให้คุณทรมานมากนักเหรอ”