บทที่ 252 แข่งความรู้กับองค์ชายสาม
บทที่ 252 แข่งความรู้กับองค์ชายสาม
กลับมาที่ปัจจุบัน องค์ชายสามอ้าปากพะงาบไม่รู้ ๆ จะกล่าวออกไปเช่นไร เขารู้สึกว่าฉู่เหินยังไม่เผยไผ่ตายออกมาด้วยซ้ำ เขายิ่งเพิ่มความระวังตัวมากขึ้นไปอีก คุณชายแบบเขาเกิดมาไม่เคยเล่นเกมอะไรแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เพิ่งจะได้ประสบพบเจอเป็นครั้งแรกเลยทำให้เกิดอาการงุงงงไปบ้างเท่านั้น หลังจากนี้ไม่พลาดแน่ ๆ
“ข้ายอมรับ คำถามแรกข้าแพ้แล้ว เชิญคุณฉู่ถามคำถามที่สองได้เลย” องค์ชายสามกำลังคิดว่ามันก็แค่ตอบให้ตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่คิดได้
จะมีอะไรยากกัน เขาเชื่อว่าถ้าเขาตั้งใจกว่านี้ก็ไม่มีคำถามอะไรที่เขาตอบไม่ได้
“เริ่มเลยนะ คำถาม ถ้ามีรถคันหนึ่ง จาผีเอ้อเป็นคนขับ กู้ปาเทอนั่งอยู่ด้านขวาของเขา องค์ชายสามนั่งอยู่ด้านหลัง ขอถามว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนี้” ฉู่เหินโยนคำถามเช่นนี้มาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงองค์ชายสามที่กำลังคาดเดาคำตอบ แต่ผู้คนด้านล่างลานประลองก็แอบคาดเดาอยู่เช่นกัน
ครุ่นคิดอยู่นาน องค์ชายสามก็ตอบว่า “ในเมื่อจาผีเอ้อจะเป็นคนขับรถ
กู้ปาเทอกับฉันนั่งอยู่ข้างๆ เขา เช่นนั้นจาผีเอ้อก็คือเจ้าของรถคันนั้น”
พอพูดจบองค์ชายสามก็หันศีรษะมองไปยังฉู่เหิน ทว่าน่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง ฉู่เหินกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“เอาอย่างนี้นะองค์ชายสามฉันจะให้โอกาสคุณเดาอีกครั้ง” ฉู่เหินกล่าวยิ้มๆ
ด้านล่างลานประลานได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นพูดว่า “ข้ารู้ๆข้ารู้ว่าเจ้าของรถคันนั้นต้องเป็นองค์ชายสามแน่ๆ องค์ชายสามนั่งในรถอีกทั้งเมื่อกี้คุณชายฉู่ได้พูดแล้วว่าจาผีเอ้อเป็นแค่คนขับรถ เช่นนั้นรถคันนี้ก็ต้องเป็นรถขององค์ชายสาม!” เมื่อได้ยินคนๆนี้พูดทุกคนก็พยักหน้าชื่นชม
องค์ชายสามก็รู้สึกว่าที่พูดมาดูคล้ายจะมีเหตุผล เขาเตรียมจะนำคำตอบของคนๆ นี้มาตอบแต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงแหลมของคนด้านล่างว่า
“ไม่ถูกๆ ข้าคิดว่ารถคันนี้เป็นของกู้ปาเทอ ถ้าไม่ใช่รถของกู้ปาเทอละก็ งั้นกู้ปาเทอจะนั่งอยู่ด้านหน้าแล้วให้องค์ชายสามนั่งอยู่ด้านหลังเหรอ”
พอได้ยินคำตอบนี้ทุกคนก็พยักหน้าชื่นชมอีกครั้ง ทำให้องค์ชายสามไม่รู้ว่าตอบแบบไหนถึงจะถูกแล้ว แต่ว่าองค์ชายสามก็นึกขึ้นมาได้ ฉู่เหินกล่าวออกมาไม่ค่อยชัดเจนไม่รู้ว่าจนยังสามารถตอบได้อยู่หรือไม่
“คุณชายฉู่ ตอนนี้คำตอบก็ตอบไปหมดแล้ว แต่ข้าอยากจะตอบอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเจ้ายังจะให้โอกาสข้าตอบอีกครั้งหรือไม่” องค์ชายสามมองฉู่เหินด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น หรือคำพูดของฉันจะไม่มีน้ำหนักพอ” ฉู่เหินเหวี่ยงแขนขึ้นเสมือนผู้ผดุงความยุติธรรม
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้คนก็เริ่มประเมินฉู่เหินใหม่อีกครั้ง ในสายตาพวกเขาฉู่เหินนอกจากจะยอมรับว่าเขาฉลาดแล้วยังมีความโง่อยู่บ้าง ทุกคนรู้สึกว่า
ฉู่เหินทำแบบนี้ไม่ค่อยฉลาดนัก เพราะว่ามีคนให้เลือกทั้งหมดสามคน พอรู้ว่าอีกคนไม่ใช่คำตอบ งั้นคำตอบก็สามารถเลือกเอาได้จากหนึ่งในสองคน
ในสถานการณ์เช่นนี้ฉู่เหินเสียเปรียบอย่างมาก ทันใดนั้นทุกคนก็คิดเหมือนกันว่าฉู่เหินกำลังอ่อนให้องค์ชายสามหรือไม่ แต่ทุกคนในที่นี้รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถแทรกแซงได้ จึงได้แต่ปิดปากเงียบ
“คุณชายฉู่เกรงใจเกินไปแล้ว ครั้งนี้เกรงว่าเจ้าจะแพ้ซะแล้ว ถ้าถามข้าว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นใครละก็ งั้นข้าขอตอบเจ้าว่า รถคันนี้ไม่ใช่ของข้าแต่เป็นของกู้ปาเทอ” หลังจากพูดจบองค์ชายสามก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว แต่เพื่อจะเอาชนะอีกฝ่ายก็ต้องยอมรับสภาพไร้ยางอายแบบนี้ให้ได้
ฉู่เหินได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไม่น้อย เขาไม่คิดว่าคนที่ฝึกยุทธแบบองค์ชายสามก็สามารถเรียนรู้ความหน้าด้านแบบนี้ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะตัวเขาเองก็ชอบทำเรื่องไร้ยางอายอยู่เช่นกัน
“องค์ชายสามยืนยันคำตอบหรือไม่” ฉู่เหินถามด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
คำตอบขององค์ชายสามทำให้คนนับหมื่นมองหน้ากันเองแล้วก้มหัวลง ทุกคนกำลังรู้สึกหมดคำจะกล่าว อีกฝ่ายอุตส่าห์ให้โอกาสอีกครั้ง เหตุการณ์แบบนี้องค์ชายสามไม่เพียงเลือกหนึ่งในสองคน ซึ่งเป็นคำตอบที่เคยตอบไปแล้วนี้ไม่ใช่ว่าไร้ยางอายเกินไปหน่อยเหรอ
พวกเขามองฉู่เหินอย่างละเอียด ว่าจะทำเช่นไรต่อ ในตอนนี้การแข่งขันไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะทุกคนรู้สึกว่า ถ้าเรื่องไหวพริบเกรงว่าคงยากที่จะเอาชนะเจ้าคนต่างเผ่าได้
พวกเขายิ่งให้ความสนใจว่าในสถานการณ์แบบนี้ฉู่เหิงจะพูดว่าอะไร พวกเขาลองเดาดูว่าคนๆนี้เป็นไปได้ที่จะคำรามด้วยความโมโหรึเปล่า แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจก็คือ ฉู่เหินไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรเลย เหมือนกับว่าครั้งนี้ยังไงเขาก็ชนะ
“ข้ายืนยัน” องค์ชายสามหน้าสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดออกไป เขาก็อยากจะรู้ว่าแล้วไร้ยางอายของตัวเอง ฉู่เหินจะพูดอย่างไร
“ขอประทานอภัยองค์ชายสาม คำตอบของคุณผิดอีกแล้ว” ฉู่เหินหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ
“เป็นไปได้ยังไง คุณพูดว่ามาแค่สามคนถ้ารถคันนี้ไม่ใช่หนึ่งในสามคนนี้ อีกทั้งจางซานลี่ซื่อหวังเอ้อ*นอกจากสามคนนี้ก็ไม่มีใครแล้ว” องค์ชายสามโต้เถียงกับฉู่เหิง
ฉู่เหินได้ยินดังนั้น มองอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ฉันเคยบอกแล้วว่ารถคันนี้ไม่ใช่ของสามคนนี้ และฉันก็ไม่ได้พูดกับคุณเช่นกันว่ารถเป็นของหนึ่งในสามคนนี้”
ประโยคนี้ของฉู่เหินทำให้องค์ชายสามถึงกับสติเลอะเลือนไปเลย “ก็ได้ๆ งั้นก็ถือว่าคำตอบของฉันผิดแล้วกัน งั้นฉันขอฟังคำชี้แนะของคุณดูหน่อยสิ ถ้าเกิดว่าคำตอบของคุณสามารถทำให้ฉันยอมรับอย่างหมดใจได้ ฉันถึงจะยอมรับว่าแพ้!”
“ขอถามคุณชาย คำถามนี้เป็นเช่นไร” ฉู่เหินไม่สนใจที่เห็นองค์ชายสามโกรธ ยืนถามกลับอย่างสบงนิ่ง
“คำถามก็คือ ถ้ามีรถคันหนึ่ง จาผีเอ้อเป็นคนขับ กู้ปาเทอนั่งอยู่ด้านขวาของเขาแล้วองค์ชายสามนั่งอยู่ด้านหลังขอถามว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนี้” ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าความจำขององค์ชายสามดีมากไม่มีตกแม้แต่คำเดียว สามารถพูดประโยคทั้งหมดได้อีกครั้ง เมื่อพูดจบก็ยังมอปฏิกิริยาฉู่เหินที่มีต่อเขาไปด้วย
“ขอพูดจากใจว่าคำถามนี้ช่างง่ายดาย พอเริ่มก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นรถของใคร แต่พวกคุณกลับคาดไม่ถึง ทำให้ฉันค่อนข้างจนใจ ฉันอุตส่าห์เน้นเป็นพิเศษแล้วว่า ถ้ามีรถคันหนึ่ง งั้นรถคันไม่ใช่ว่าสมมุติขึ้นมาหรอกเหรอ มันจะเป็นของใครไปได้”
พอพูดจบฉู่เหินก็ทำท่าอ่อนอกอ่อนใจพร้อมกับถอนหายใจออกมา ทว่าไม่เพียงแต่องค์ชายสามเท่านั้นแต่หลังจากที่ทุกคนได้ยินเฉลย ก็ถึงกับช็อคอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก แต่คิดย้อนอีกครั้งก็เหมือนจะมีเหตุผล ต่อให้พวกเขาอยากจากคัดค้านก็หาเหตุผลอะไรมาพูดไม่ได้
“ฉู่เหิน คุณชายฉู่ ความรู้กว้างขวางน่านับถือ แต่แพ้ด้วยคำถามเช่นนี้ทำให้จิตใจของข้าไม่อาจสงบได้ ข้าอยากจะขอลองอีกสักครั้งคุณชายฉู่เชิญถาม” หลังจากหายตะลึง องค์ชายสามเหมือนเดินไปในซอยตัน อีกทั้งเขาเริ่มจะเข้าใจคำถามแบบนี้แล้ว เชื่อว่าถ้าตนมีโอกาสอีกครั้งจะต้องชนะอย่างแน่นอน
เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจขององค์ชายสามฉู่เหินอดรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ที่คิดไว้ละก็ การประลองรอบนี้หากเขาอยากชนะคงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกแล้ว
“เห็นแก่จิตใจขององค์ชายสาม ผู้น้อยไหนเลยจะกล้าปฏิเสธ” ฉู่เหินยิ้ม ถ้าให้ประลองอย่างอื่นเขาไม่กล้าเล่นใหญ่ แต่ถ้าเป็นคำถามเชาปฏิเสธไม่ได้มันว่าคือจุดแข็งของเขา
“กรุณาฟังคำถาม อะไรเอ๋ยคุณทำได้ ฉันทำได้ ทุกคนก็ทำได้ สามารถทำได้คนเดียว สองคนไม่สามารถทำได้ นั้นคือทำอะไร” ฉู่เหินยิ้มพร้อมถามคำถาม
*สามตัวเขาละครในหนังจีน กล่าวว่าทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่หมู่บ้านเดียว