บทที่ 192 วางแผนจัดการพื้นที่

เสียงไก่ขันดังขึ้นมาในยามเช้า เผยยวนก็ลืมตาตื่นและลุกไปช่วยจี้จือฮวนทำงาน เหล่าทหารเกราะเหล็กมีเวลาทำงานและพักผ่อนของตัวเอง ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มฝึกฝนกันอย่างเงียบ ๆ แล้ว

พวกชาวบ้านก็ต้องลุกขึ้นมาทำไร่ทำนา คนจากจวนจี้กั๋วกงเหล่านั้นก็มีหน้าที่เป็นลูกมือให้พวกเขา เพื่อป้องกันไม่ให้พืชผลเสียหาย

ทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการใช้ชีวิต ทว่าเซียวเย่เจ๋อยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ส่วนเหล่าเติ้งก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉินตั้งแต่ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว

เดิมทีหลังจากการปรับปรุงบ้านเสร็จ ก็คิดว่าจะไม่ได้พบจี้จือฮวนอีกนาน สุดท้ายเมื่อวานนี้กลับได้รับการติดต่อไปว่ายังมีโรงงานที่ต้องสร้างอีก เหล่าเติ้งจึงรีบวางงานในมือลง และมาที่นี่ด้วยตนเองทันที

จี้จือฮวนกำลังทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ในห้องครัว เด็ก ๆ หลายคนนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กด้วยกัน น้ำลายไหลออกมาขณะมองดูเสี่ยวหลงเปาที่ห่อเสร็จแล้ว

เมื่อได้ยินว่ามีคนมาเผยยวนก็วางถังลง ก่อนจะออกไปดูอย่างรวดเร็ว ทำให้เหล่าเติ้งตกใจอย่างมาก

“อ้าว สามีฮวนฮวนหรอกหรือ ขาเจ้าหายดีแล้วหรือ?”

เผยยวนตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ฮวนฮวน อาจารย์เติ้งมาแล้ว”

“อืม” จี้จือฮวนนำเสี่ยวหลงเปาใส่ลงในหม้อนึ่ง แล้วจึงเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน “อาจารย์เติ้ง เหตุใดถึงมาแต่เช้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ?”

“ข้ากลัวทำให้เจ้าเสียเวลา ตอนนี้ไม่สะดวกหรือ?”

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ สะดวกเจ้าค่ะ”

เผยยวนช่วยจี้จือฮวนถอดผ้ากันเปื้อนออก “ข้าจะพาพวกเด็ก ๆ ไปกินข้าวเอง เจ้าไปจัดการธุระเถอะ”

“ได้” มีเขาอยู่นางสบายขึ้นไม่น้อยจริง ๆ

จี้จือฮวนกลับไปหยิบพิมพ์เขียวในห้อง จากนั้นจึงเอ่ยกับเหล่าเติ้ง “พวกเราเดินกันไปคุยกันไปดีกว่าเจ้าค่ะ”

“ได้”

เหล่าเติ้งคุ้นเคยกับการทำอะไรเร็ว ๆ และประสิทธิภาพการทำงานของจี้จือฮวนดี ขอเพียงทำได้ตามความต้องการของนาง ทำได้ดีทำได้เร็วก็พอแล้ว ดีกว่าพวกที่จ้องจะหาเรื่องเพื่อไม่จ่ายค่าแรงเยอะ

เฉินฉือก็มาหาจี้จือฮวนเพราะเรื่องการซื้อที่ดินในหมู่บ้านพอดี เพิ่งจะเจอนางก็ถูกเรียกให้เดินไปด้วยกันเลย

“เมื่อวานข้าได้แจ้งคนในหมู่บ้านไปหมดแล้ว แต่พวกเขายังไม่รู้ว่าแมลงกระบองเพชรขายอย่างไร จะขายได้จริงหรือไม่ แต่ทุกคนล้วนเชื่อเจ้าอย่างไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใด ๆ”

จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้เจ้าค่ะ ส่วนชาวบ้านจะยอมหาเงินตามที่ข้าบอกหรือไม่ ล้วนเป็นสิทธิ์ของพวกเขาเอง”

ตอนที่จี้จือฮวนกำลังพูดอยู่นั้น ชาวบ้านที่กำลังทำนากันอยู่ ก็พลันวางจอบและเดินตามมาด้วย

“สะใภ้ตระกูลเผยจะทำโรงงานใช่หรือไม่ แมลงกระบองเพชรนั่นสามารถขายได้จริงหรือ ใครจะซื้ออย่างนั้นหรือ?!”

“คุณชายเซียวที่พวกท่านเห็นเมื่อวานนี้ เขาทำการค้าร่วมกับข้าอยู่เจ้าค่ะ”

“อ้อ เช่นนั้นเจ้าบอกพวกเราหน่อยได้หรือไม่ว่าจะหาเงินอย่างไร?”

“แน่นอนเจ้าค่ะ”

เฉินฉือคิดไปคิดมา “เช่นนั้นข้าจะไปเรียกทุกคนในหมู่บ้านมา พวกเราไปคุยกันที่ลานโล่ง ๆ ดีกว่า”

จี้จือฮวนก็กำลังหาโอกาสดำเนินการเรื่องนี้อยู่พอดี เมื่อเฉินฉือเรียกทุกคนมาหมดแล้ว นางจึงได้พูดเรื่องนี้กับเหล่าเติ้งด้วย

ที่ดินเปล่าที่จี้จือฮวนเลือกอยู่ห่างจากทางเข้าหมู่บ้านตระกูลเฉินเพียงถนนกั้น เดินไปสองก้าวก็ถึงแล้ว ตอนนี้ที่ดินผืนนี้หรือแม้กระทั่งภูเขานี้ก็ล้วนเป็นชื่อของนางแล้ว และเหมาะสำหรับการสร้างโรงงานที่สุด

“ทุกคนคงจะสงสัยกันว่าแมลงกระบองเพชรคืออะไร มันสามารถทำอะไรได้บ้าง ความจริงแล้วภายในตัวแมลงกระบองเพชรจะมีเม็ดสีแดงอยู่ เม็ดสีแดงนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง และยา เนื่องจากเป็นเม็ดสีบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ดังนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากอยู่ ข้ามีร้านหุ้นส่วนอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครซื้อ ส่วนนี่คือสีชาดทาปากที่ทำจากแมลงกระบองเพชร ทุกคนสามารถมาดูได้เจ้าค่ะ”

จี้จือฮวนทาบนหลังมือเล็กน้อย “สีและเนื้อเช่นนี้สามารถขายในหมู่ผู้หญิงได้อย่างแน่นอน และเป็นของหายากจึงทำให้มีราคาแพง หากพวกเราทำก่อนคนอื่นย่อมสามารถทำเงินได้มาก แน่นอนว่าคนที่ตกลงทำการค้ากับข้า ต้องลงนามในสัญญาของข้าด้วย วิธีการเลี้ยงแมลงกระบองเพชรและขั้นตอนการผลิตเวชสำอาง แต่ละข้อข้าจะเขียนไว้ที่ด้านบนอย่างละเอียด”

คนของหมู่บ้านตระกูลเฉินกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีคนเอ่ยขึ้นมา “สะใภ้ตระกูลเผย พวกเราเชื่อในความสามารถของเจ้า เจ้าว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ข้าจะทำกับเจ้าด้วย”

มีคนแรกย่อมมีคนที่สอง ชาวบ้านต่างยกมือมากขึ้นเรื่อย ๆ

เพราะจี้จือฮวนไม่ได้คิดจะทำเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นางเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพเผยยวน คุณหนูใหญ่ของอดีตจวนจี้กั๋วกง และเป็นผู้สูงศักดิ์จริง ๆ ใช่ชาวไร่ชาวนาอย่างพวกเขาที่ใดกัน ยิ่งไปกว่านั้นไท่ซ่างหวงก็ยังอยู่ที่บ้านของนางด้วย

ทำกับนางไม่พลาดแน่นอน!

ในเมื่อทุกคนล้วนเห็นด้วย จี้จือฮวนจึงบอกว่ารอเผยจี้ฉือหลังจากเลิกเรียนกลับมา จะให้เขาเขียนสัญญาให้กับทุกคน จากนั้นจึงได้เริ่มวางแผนจัดการพื้นที่ของโรงงาน

ถึงเวลาไม่เพียงสามารถเลี้ยงแมลงกระบองเพชรในโรงเรือนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถนำเมล็ดกุหลาบออกมาจากช่องว่างมิติ และสามารถต่อยอดขยายกิจการเครื่องสำอางออกไปได้อีกด้วย

“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าตั้งใจจะเปิดโรงเรียนอนุบาลในหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วย”

“โรงเรียนอนุบาล? โรงเรียนอนุบาลคืออะไร”

“ความหมายตามชื่อ โรงเรียนอนุบาลเป็นสถานที่ที่จะสอนและดูแลเด็ก ๆ เจ้าตัวเล็กสองคนที่บ้านของเราก็ถึงเวลาเข้าเรียนได้แล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะรู้คำศัพท์ไม่กี่คำ แต่พวกเขาก็ได้หยุดเรียนไปนานแล้ว การอ่านออกเขียนได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะภายหน้าหากต้องการจะสืบทอดกิจการของครอบครัว การรู้หนังสือเยอะ ๆ ก็จะได้ไม่ถูกคนหลอกเอาไม่ใช่หรือ?”

ประโยคนี้ตรงใจชาวบ้านเป็นอย่างมาก

พวกเด็ก ๆ ไม่มีเงินเรียนหนังสือ ชีวิตที่วัน ๆ ได้แต่ฝากความหวังไว้กับสวรรค์เพื่อให้มีข้าวกิน พวกเขาทนมาพอแล้วจริง ๆ

“พูดได้ดี!”

ไท่ซ่างหวงต้อนเป็ดมาพอดี เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ไม่สนใจเป็ดอีก แต่เลือกที่จะเอ่ยขึ้นว่า “เรียนหนังสือจึงจะสามารถทำให้บ้านเมืองแข็งแกร่งได้ ส่งพวกเด็ก ๆ มา ข้าจะสอนหนังสือให้พวกเขาเอง”

ตอนที่ไท่ซ่างหวงยังเยาว์วัยเขาเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง ความรู้ของเขาดีกว่าปรมาจารย์แก่ ๆ ข้างนอกมากนัก วัน ๆ อยู่ในหมู่บ้านไม่มีอะไรทำ หากได้สอนพวกเด็ก ๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ดี

เขาพูดมาเช่นนี้ คนในหมู่บ้านต่างก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่

หากพูดออกไปว่าลูกหลานของตัวเองเป็นศิษย์ของไท่ซ่างหวง ขุนนางในเมืองหลวงมีบุญเช่นนี้หรือไม่!?

“ขอบพระทัยไท่ซ่างหวง!”

“พวกเราขอคารวะไท่ซ่างหวง!”

“หยุดเลย ถ้าคุกเข่าข้าจะไม่สอนให้แล้ว” ไท่ซ่างหวงสะบัดหน้าหนีอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนจะต้อนบรรดาฝูงเป็ดจากไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ก็นับว่าเขาเป็นเจ้าแห่งเป็ดของหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว นับตั้งแต่เขารับหน้าที่เอาเป็ดไปปล่อย เป็ดของพวกชาวบ้านทั้งหมดต่างก็มาอยู่รวมกัน และเอาแต่เดินตามไท่ซ่างหวงทุกวัน

จี้จือฮวนมองชาวบ้านด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อไท่ซ่างหวงยอมสอนให้ เช่นนั้นก็นับว่าเป็นบุญของพวกเด็ก ๆ รอโรงงานสร้างเสร็จแล้ว พวกเราก็เริ่มทำงานได้เลยเจ้าค่ะ”

“ดี! ดีเลย!”

“ท่านย่าชุน ข้าจำได้ว่าที่บ้านท่านเลี้ยงหนอนไหม ปีนี้ท่านเลี้ยงให้มากหน่อย มีเท่าไรข้าจะเหมาทั้งหมดเอง ไม่นานอากาศก็จะหนาวแล้ว ข้าจะทำชุดรัดรูปที่สวมด้านในให้เหล่าทหาร จะได้อบอุ่นและเบาสบายเจ้าค่ะ”

“ได้ เช่นนั้นข้าจะไปซื้อหนอนไหมมาเพิ่ม”

หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านอีกครู่หนึ่ง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปอย่างมีความสุข ส่วนจี้จือฮวนก็ได้เรียกเจิ้งต้าเฉียงไว้ จากนั้นก็ส่งกระดาษพิมพ์เขียวปึกหนึ่งให้เขา

“ทำได้ ทำได้หมด ข้าต้องไปสั่งไม้สักหน่อย” เจิ้งต้าเฉียงมองสิ่งที่จี้จือฮวนวาดออกมา ดวงตาก็เป็นประกาย

ภาพวาดบนนั้นล้วนเป็นอุปกรณ์สำหรับการฝึกทหาร ยังมีกระดานลื่นและเครื่องเล่นปีนป่ายของพวกเด็ก ๆ ด้วย สำหรับเจิ้งต้าเฉียง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน

“ไม่ต้องรีบ หลักการเดิม ทำให้ดีก็พอ”