ตอนที่ 196 ตีโดนโดยบังเอิญ

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

บุรุษชุดดำร่างสูงที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมดำตลอดร่าง เพียงเผยดวงตาราวเหยี่ยวทมิฬออกมา “เจ้าทำได้ดีมาก ห้าแสนศิลาวิญญาณเป็นของเจ้า ส่วนแผนผังเป็นของข้า”

“เชิญใต้เท้า” คนตัวเตี้ยที่นั่งอยู่ในห้องสวรรค์หมายเลขสามต้องลมหายใจขาดห้วงไปชั่วครู่ด้วยความโลภ กวาดเอาสมบัติใส่ในแหวนมิติอย่างรีบร้อนลนลาน เกรงว่าอีกฝ่ายเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน

ทางด้านนอก เจ้าอ้วนน่าตายที่ปิดบังหน้าและพุงที่ลัดผ่านห้องสวรรค์หมายเลขสาม มาถึงหน้าห้องสวรรค์หมายเลขสอง

เวลานี้ เจ้าอ้วนน่าตายจำไม่ได้แล้วว่าห้องมันหมายเลขที่เท่าไหร่ น่าจะเป็นห้องข้างหน้าสุดนี่ล่ะที่เป็นห้องสวรรค์ที่มันเฝ้าถวิลหาทั้งวันคืน

เงาคนและขวานที่ด้านนอกจู่ๆ ก็หยุดลง อันหยางแทบอดรนทนไม่ไหว พลันมองเห็นเงาร่างคนกำลังทาบทับแนบหูเงี่ยฟังเสียง ทันใดนั้น อันหยางคาดว่าเป็นศัตรูมาถึง ส่งสัญญาณให้อันติงหลันอยู่นิ่งๆ

ส่วนเจ้าอ้วนน่าตายที่ข้างนอกห้องยังคงนับนิ้วอ้วนๆ ราวแท่งแครอทของมันซ้ำไปซ้ำมาอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว อันหยางที่ข้างในกลับร้อนรนทนไม่ไหว สะบัดวาดทวนทองในมือจี้จรดลงตรงช่องว่างระหว่างประตู

“ไท้เจี้ยนเค่อจ้าน? โรงเตี้ยมขันที?” อันหยางส่งเสียงถามเบาๆ เมื่อครู่มันเพิ่งฟังผ่านกำแพงมาเป็นรหัสลับนี้

ฝีมือของผู้ฝึกวิชาปีศาจล้วนแล้วแต่เหี้ยมโหดอำมหิต รสนิยมเองก็ต่ำช้า แม้แต่เวลากินข้าวยังใส่เกลือไปเป็นกิโลๆ เลือกใช้รหัสลับชั่วร้ายเช่นนี้ย่อมไม่มีใดประหลาด

เจ้าอ้วนน่าตายขณะนี้กำลังหลั่งเหงื่อโซมหน้าด้วยแตกตื่น สมควรตาย ตนเองที่แท้นับถึงเท่าใดแล้ว ฟ้ามืดค่ำปานนี้ แล้วห้องไหนมันห้องหนึ่งเล่า

มันลนลานจนเท้าไม่ติดพื้น พลันได้ยินในประตูห้องมีเสียงคนกระซิบออกมาว่า โรงเตี๊ยมขันที

เจ้าอ้วนผู้แสนฉลาดมากไหวพริบปฏิภาณขบคิดชั่วครู่ ไอ้หยา ดูท่าด้านหลังมันคงปูลาดด้วยมหาวิถีสู่ขั้นสุดยอดของชีวิตมนุษย์แล้ว ดังนั้นอ้าปากตอบคำ “ขันทีอะไร เป็นโรงเตี๊ยมกว้างขวางต่างหาก”

อันติงหลันตีฝีปาก “โรงเตี๊ยมขันทีชัดๆ”

อันหยางถลึงตาใส่น้องสาว ปลายทวนคมกริบกรีดทะลุกระดาษกั้นประตูบางเบา “มิผิด เป็นโรงเตี๊ยมกว้างขวาง เข้ามาเร็ว”

เจ้าอ้วนน่าตายเพ่งนัยน์ตา ภายในความมืดล้วนมองไม่เห็นอันใด เพียงแต่มีความรู้สึกผิดบาปเล็กน้อย ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงสตรีดังมาจากภายในห้อง เรียกตัวมันเข้าไป ยามนั้นล้วนไม่อาจสงบจิตระงับใจได้

ลมชุนเทียนพัดผ่านขุนเขาน้อย เถาวัลย์ยังรัดพันพฤกษาเฒ่า (แก่แต่ยังมีไฟ) ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเจ้าอ้วนน่าตายที่ยังเลือดลมระอุอุ่นอยู่

ปุบปุบ

เจ้าอ้วนน่าตายจัดแจงเสื้อผ้า ผมเผ้าบนศีรษะโปะยาบำรุงถูกหวีสางจนเรียบมันแปลบสะท้อนประกาย นิ้วแยงรูจมูกก่อนสูดลมหายใจลึก เรียกความเชื่อมั่นมาสู่ตนเอง ผลักเปิดประตูออก

ประตูไม้เก่าคร่า เมื่อถูกสองมือของเจ้าอ้วนน่าตายผลักออกก็เปิดอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมเสียงเอี๊ยดอ๊าดบาดหูยามค่ำคืน กระตุกเส้นหัวใจของผู้คนให้สั่นสะท้าน

อันหยางเชิดหน้ากระชับทวน ปลายทวนชี้ลงเท้า สองขาเกร็งเขม็ง อันติงหลันเองก็อยู่ด้านหลังกำหมัดตั้งท่า เม็ดเหงื่อร้อนๆ หลั่งโซมหน้าผาก ในใจสั่นระทึก

ฉินจิ่วเกอมาถึงทางเข้าโรงเตี๊ยม ขณะกำลังคิดเดินออก ในใจพลันกระตุกวูบ

เพียงชั่วอึดใจที่เจ้าอ้วนน่าตายผลักเปิดประตูเดินเข้าห้อง เวลานั้น กลิ่นเหม็นเน่าหอบหนึ่งพลันโชยพัดเข้าทางหน้าต่าง เจือด้วยกลิ่นใบไม้เน่าเปื่อย ทั้งยังนำพาแสงจันทร์ซีดขาวสาดลอดเข้าภายในห้อง

เจ้าอ้วนน่าตายเข้ามาได้ครึ่งตัว แสงจันทร์ซีดขาวน่าเศร้าหดหู่สายนั้นส่องต้องใบหน้า อันติงหลันแตกตื่นจนกรีดร้องลั่น

น่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่ต่างจากผีภูเขาในเรื่องเล่าเลย เจ้าหมอนี่รูปร่างใหญ่โตบวมอืดราวกับประกอบขึ้นมาจากสังขารคนเจ็ดแปดคน แล้วหน้าตาที่แสงจันทร์ส่องโดนนั่นอีกเล่า กลับปกคลุมไปด้วยผ้ารัดพุงสีแดง

ชั่วพริบตานั้น อันติงหลันแทบเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายกำลังสยายปากชโลมโลหิตออกกว้าง ตรงที่สีชมพูๆ นั้นก็คือเขี้ยวโลหิตที่เพิ่งขบขย้ำเนื้อมนุษย์มาหมาดๆ ส่วนตรงที่มีสีแดงก็คือลิ้นยาวอาบเลือด

“อ๊าาา ผู้ฝึกวิชาปีศาจ!” อันติงหลันกรีดร้องสุดเสียงจนอันหยางสะดุ้งสุดตัว ตะลึงลานไปพักใหญ่

เจ้าอ้วนน่าตายพอดีเห็นว่าในห้องมีคน แถมไม่น่าใช่ศิษย์พี่หญิงหรือศิษย์น้องเล็ก เจ้าอ้วนน่าตายที่สภาพเหมือนโจรเด็ดบุปผาต้องล่าถอยติดต่อกันสามก้าว ยกมือขึ้นดึงผ้าคลุมปิดหน้าวิ่งหนี

อีกด้านของกำแพง ณ ห้องสวรรค์หมายเลขสาม ผู้ฝึกวิชาปีศาจที่เพิ่งรับเอาแผนผังของเมืองซวนอู่มาต้องสะดุ้งเฮือก นั่งตัวตรง “อะไร มีคนเจอร่องรอยข้าแล้ว?”

คนตัวเตี้ยคือหัวหน้าเวรยามของเมืองซวนอู่ต้องรีบซุกแหวนมิติไว้ก่อนกล่าวว่า “ไม่ใช่กระมัง การค้าระหว่างท่านกับข้าเป็นความลับแน่นอน ไม่มีใครรู้ ยิ่งเลือกเวลายามอู่แบบนี้ ยิ่งไม่มีใครทราบ”

ชายร่างสูงก้าวเข้าประชิดร่างข่มขู่อีกฝ่ายสามก้าว เผยให้เห็นผิวหนังเหี่ยวแห้งราวมัมมี่ แสยะปากอ้าเผยเขี้ยวโลหิตขาววาววับ “ไม่มีคนรู้จริงๆ?”

คนตัวเตี้ยเบิกตาโง่งม “ไม่มี”

“เหอเหอ เจ้าไม่ใช่คนหรอกหรือ?” คนร่างสูงกล่าวจบ ฝ่ามือยกขึ้นฟาดลงกลางขม่อมคนตัวเตี้ย

เพียะ!

เสียงทึบทึมดังขึ้น คนร่างเตี้ยร่างอ่อนย้วยลงพื้น สมองแหลกเหลวเละเทะกลายเป็นโคลนโลหิต ยืดเท้าเตะอีกทีก็ไปสู่สวรรค์

คนร่างสูงเพิ่งพินิจรอยเลือดในซอกเล็บ แค่นเสียง “เจ้าคนน่ารังเกียจ”

มันค้นร่างคนตาย เอาแหวนมิติคืนมา บุรุษร่างสูงปกปิดใบหน้าตระเตรียมผละจากไป มันเป็นกลั่นดวงธาตุขั้นสอง ที่ลอบเข้ามาในเมืองวันนี้เพราะเพื่อแผนรับมือสัตว์อสูรของเมืองซวนอู่นี้

คนของพรรคโลหิตนภาที่วางไว้ในเมืองซวนอู่นี้มีไม่มาก มันคือผู้ที่รับหน้าที่ยึดเมืองซวนอู่ มือดีคนอื่นๆ กระจายตัวไปตามเมืองต่างๆ แทรกซึมไปในแนวศัตรู ชักนำสัตว์อสูรเข้าโจมตีเมือง

ร่องรอยของมันในวันนี้ถูกพบเห็น แผนรับมือสัตว์อสูรในมือนี้ถือว่าล้มเหลว บุรุษร่างสูงลอบใคร่ครวญ ยังคงสมควรจากไปโดยเร็ว ถึงเวลาก็ชักนำสัตว์อสูรถล่มเมืองซวนอู่ มันย่อมไม่กลัวเมืองไม่แตก

ส่วนทางห้องสวรรค์หมายเลขสอง อันหยางยังคงตะลึงค้างจากเสียงกรีดร้องของน้องสาว เจ้าอ้วนน่าตายยามนี้ก็หลบหนีแล้ว

ทันทีที่เจ้าอ้วนหันหัวหลบหนี ตัวโตๆ อุ้ยอ้ายของมันก็ขวางไว้เต็มทางเดินของโรงเตี๊ยม บุรุษร่างสูงที่คลุมหัวด้วยเสื้อคลุมดำพอดีผลักเปิดประตูห้องออกมา ชนเข้ากับเจ้าอ้วนน่าตายพอดิบพอดี เนื่องจากมันเกรงว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คน ดังนั้นไม่ได้เกร็งกำลังไว้ จึงถูกเจ้าอ้วนน่าตาชนจนกลิ้งโค่โร่

ภายในห้องหับ อันหยางเพิ่งได้สติ คลื่นอากาศกระเพื่อมไหว ทวนทองในมือก็สะบัดร่ายรำออก “โจรอ้วนหนีไปที่ใด!”

แกร่กแกร่ก!

ทวนทองศักดาราวมังกรท่อง สะบัดร่อนราวอสรพิษ

ปลายทวนแทงทะลุประตูกระดาษ ยืดยาวออกสามจั้ง สั่นสะท้านอยู่ระหว่างกลางของเจ้าอ้วนน่าตายและใบหน้าของคนร่างสูง

เจ้าอ้วนยามนี้สั่นกระเพื่อมจนแยกเส้นรอบเอวไม่ออกไปแล้ว ยังคงคาดสายรัดเอวไว้ที่หน้าวิ่งไปยังห้องดิน บุรุษร่างสูงเองยามนี้ก็แตกตื่นตระหนก อีกฝ่ายเป็นถึงกลั่นดวงธาตุขั้นสาม ยังเหนือกว่าตนเอง ต้องเสียความคิดต่อสู้ในทันที

อันติงหลันเห็นว่าเจ้าอ้วนน่าตายถูกตนเองทำให้แตกตื่นหลบหนี ต้องเปิดประตูร่ำร้องลั่น “เจ้าข้าเอ๊ย เกิดเรื่องแล้ว รีบมาจับคนเร็วเข้า!”

เจ้าอ้วนที่วิ่งนำหน้าพอได้ยินต้องแตกตื่นจนปัสสาวะอุจจาระราด มารดามันเถอะ ตัวเองแค่คิดออกมาหาคู่ ไฉนจึงร้องแรกแหกกระเชอจนแม่น้ำหยุดภูเขาไหลขนาดนี้ ไม่ใช่ข้าคนเดียวซะหน่อย!

“สหายค่อยๆ ไปเถอะ ระวังเท้าด้วย!” บุรุษร่างสูงเตือนด้วยความหวังดี

อีกฝ่ายร่างสูงร่วมแปดฉื่อ เอวกว้างแปดฉื่อ ดวงหน้าราวหินผา เท้าเท่าใบพาน ด้วยการฝึกปรือเล็กน้อย ย่อมสามารถเป็นอาวุธลับของพรรคโลหิตนภา ฆ่าคนโดยไร้ร่องรอย

เจ้าอ้วนหันหัวกลับไป เห็นอีกฝ่ายเองก็หลบหนีเอาชีวิตรอดเหมือนกัน ทันใดนั้นก็ส่งเสียงเตือนด้วยความหวังดีเช่นกัน “พี่ท่านก็ระวัง ด้านหลังมีคนไล่ตามมา”

ทางด้านอันหยาง คนทลายห้องออกมาแล้ว มือประชับทวนยาวราวมังกร เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกระโจนออกไล่ตามราวเหินบิน สายลมจากคมทวนบาดผิวเนื้อตัดเส้นผม เสียดแทงฝ่าอากาศจนรูขุมขนแสบร้อน

“สหายอย่าได้กลัว ดูข้า!”

บุรุษชุดดำกล่าวจบก็พลิกฝ่ามือผินหน้ากลับหลัง ตวัดส่งลูกดอกอาบยาพิษออกมาสามดอก บนลูกดอกฉาบทาไว้ด้วยพิษร้ายระดับห้า ทั้งยังรมไว้ด้วยไอพลังลบของวิชาปีศาจ แม้แต่กลั่นดวงธาตุยังไม่กล้าประมาท

“บังอาจ!”

อันหยางหยุดเท้าดังเอี๊ยดจนฝ่าเท้าปรากฏควันสองสายพวยพุ่ง

เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ!

เสียงดังขึ้นสามครา ลูกดอกอาบยาพิษที่เพิ่งยิงออกมาก็ถูกทวนทองในมือของอันหยางทำลายเป็นผุยผง หล่นลงพื้นเสียงดังติงตังประดุจดั่งมุกหล่นบนจานหยก

“มารพิฆาตดาวกระจาย!”

บุรุษร่างสูงปล่อยลูกดอกอาบยาพิษออกมาระรัว แตกซ่านเต็มฟ้าราวดาวตก ลูกดอกโปรยปรายออกมานับร้อยพันหมื่น

เจ้าอ้วนน่าตายไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพลีชีพเสี่ยงตายต้านทานคนร้ายอย่างไร ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายคือคนรู้จักบนเส้นทางหรือไม่ ชักนำกระบวนท่าชั่วร้ายของศิษย์พี่ใหญ่หันหลังวิ่งกลับไปหลบซ่อนในห้องดินของตนเอง ไม่โผล่หัวออกมาอีกเลย

“โจรร้ายไปที่ใด!”

กระบวนทวนยุทธ์ของอันหยางบรรลุสู่ขั้นสูงสุด เรียกได้ว่าไม่เปิดให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสหอบหายใจเลยแม้แต่น้อย ใช้ฝีเท้าม้าเร่งร้อนตวัดควงทวนทอง ทวนยาวราวมังกรท่องเมฆามหาสมุทร ประดุจดั่งเต่าอสรพิษบนพิภพ นกกางเขนผงกหัว

คว้ากก!

แขนข้างหนึ่งของบุรุษชุดดำถูกโจมตี ปรากฏปากแผลโลหิตสีดำเลือดขึ้น ภายในโสมมสุดแสน ในโลหิตสีดำที่ทะลักหลั่งออกมาปรากฏหนอนสีขาวไต่ยั้วเยี้ย

คนผู้นี้พลังฝีมือสูงส่งกว่าตนเอง ทักษะยุทธ์ก็เหนือกว่า ไม่อาจสู้ได้ หากยังชักช้าย่อมเป็นการดึงดูดผู้คนมามากขึ้น

คิดได้ดังนั้น บุรุษร่างสูงขยับกลอกลูกตา ทำท่าราวลูกบดกลิ้งขลุกไปสามตลบ กลิ้งม้วนจากชั้นสองลงมายังชั้นหนึ่ง ชนโต๊ะเก้าอี้ทั้งหลายที่ชั้นล่างกระจัดกระจายกระเจิดกระเจิง

ทางด้านฉินจิ่วเกอเล่า กำลังวิ่งนำสองสหายออกมาจนถึงประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมแล้ว กำลังตัดสินใจว่าจะไปซ้ายขวาหน้าหลังเหนือใต้ออกตกดีกว่ากัน

บุรุษร่างสูงยืนขึ้นกลางโถงชั้นหนึ่งอย่างมึนๆ งงๆ มันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย ก็เห็นคนสามคนที่ปากทางออก

ที่แท้พวกมันเสาะพบตนเองตั้งแต่แรก แถมยังวางกับดักเอาไว้!

อันหยางกระแทกทวนลงพื้น เร่งร้อนไล่ติดตาม “ทุกคนตื่นเร็วเข้า มาจับผู้ฝึกวิชาปีศาจ!”

คนกับคนต่อยตี คือทะเลาะวิวาท คนนอกไม่ยุ่งเกี่ยว หากถ้าเป็นผู้ฝึกวิชาปีศาจ นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวพันต่อส่วนรวม ในโรงเตี๊ยมมีพิสุทธิ์ไพศาลไม่น้อย ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ต่างก็ออกมาชมดู

ฉินจิ่วเกอที่ออกมาหน้าประตูใหญ่กำลังเสี่ยงทายทิศมงคล ยังหันกลับมามองป้ายโรงเตี๊ยมอีกคราด้วยอาลัย

บุรุษร่างสูงยามนี้ไม่มีที่ทางให้ถอยหนีอีกแล้ว ดังนั้นได้แต่ตะลุยออกทางประตูใหญ่ ฝ่าเป็นเส้นทางโลหิตสายหนึ่ง

“นั่นมันผู้ฝึกปีศาจ!” ลั่วเฉินและซ่งเล่อพบเจอผู้ฝึกวิชาปีศาจมาไม่น้อย ต้องร้องตะโกนโดยพร้อมเพรียง “อยู่ที่นี่!”

ฉินจิ่วเกอยังคงพิลาปรำพันต่อความอาภัพแทนเถ้าแก่โรงเตี๊ยม พอดีได้ยินเสียงคนร่ำร้องถึงผู้ฝึกวิชาปีศาจ ต้องคืนสติมา พบเห็นกลั่นดวงธาตุขั้นสองผู้หนึ่งหมุนร่างแผ่รังสีอาฆาต อยู่ห่างจากตัวมันไม่กี่นิ้ว

ลั่วเฉินและซ่งเล่อมีพลังชั้นพิสุทธิ์ไพศาล พลังการต่อสู้ของพวกมันสามารถบดขยี้พิสุทธิ์ไพศาลในระดับเดียวกันได้หมดจด แต่หากอยู่ต่อหน้าของกลั่นดวงธาตุ แค่ร่างธาตุทองคำของกลั่นดวงธาตุก็ไม่อาจทำอย่างไรได้แล้ว ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าร้ายกาจปานไหน

คนทั้งคู่พร้อมใจกันกระโจนหลบ ล้วงควักสารพันศาสตราอาวุธออกมาเสี่ยงชีวิต บุรุษร่างสูงไม่สนใจ มันเพียงคิดหลบหนีเอาชีวิตรอด หากออกจากโรงเตี๊ยมเมื่อใด ในเมืองซวนอู่ยามนี้อึกทึกคึกคักวุ่นวาย เจ้าสามดวงธาตุที่ตามมานั่นย่อมไม่อาจไล่ตามมันทันได้