บทที่ 205 การยั่วยุของหลี่ปิง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 205 การยั่วยุของหลี่ปิง

บทที่ 205 การยั่วยุของหลี่ปิง

หลังมื้อเที่ยง ทุกคนราวกับได้ฟื้นคืนเรี่ยวแรงจึงไปฝึกฝนกันต่อ ส่วนอู๋ฝานนั้นมุ่งหน้าไปยังด้านหลังของภูเขาเพียงลำพัง

เขาคิดเรื่องวัตถุดิบที่ด้านหลังของภูเขามานานแล้ว ร้านอาหารก็ใกล้เปิดทำการ อู๋ฝานต้องการทำให้ร้านได้รับความนิยม ดังนั้นย่อมต้องเตรียมความพร้อม วัตถุดิบที่ด้านหลังของภูเขาจะเป็นส่วนรับบทบาทสำคัญที่สุด

พื้นที่เพาะปลูกที่ด้านหลังของภูเขา มันเป็นเหมือนที่อู๋ฝานคิดเอาไว้ พวกมันเติบโต ผลไม้และพืชผักสารพัดอย่างกระจัดกระจายไปตามท้องทุ่งเพาะปลูก เรียกได้ว่ามีอย่างครบครัน

เพื่อนำของเหล่านี้กลับสู่โลกความเป็นจริง อู๋ฝานจึงตั้งใจเว้นพื้นที่ว่างของกระเป๋าหลังไว้ ขณะนี้ทั้งสิบช่องใส่ของจึงว่างเปล่า

มันเป็นเหมือนที่อู๋ฝานคาดคิด แต่ละช่องเก็บของสามารถเก็บวัตถุดิบชนิดเดียวกันได้ แม้ว่าขนาดและรูปร่างของวัตถุดิบจะมีความต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังสามารถรวมกันได้ในหนึ่งช่อง

ทว่ากระเป๋าหลังของอู๋ฝานก็มีช่องเพียงแค่สิบ ทำให้สามารถรองรับวัตถุดิบได้เพียงแค่สิบชนิดเท่านั้น เรียกได้ว่าไกลห่างจากความต้องการใช้งาน

“กระเป๋าหลังมีพื้นที่น้อยเกินไปแล้ว ตอนนี้ยิ่งใช้ไปก็ยิ่งรู้สึกว่าพื้นที่ว่างไม่พอ” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตนเอง

น่าเสียดายที่ตัวเขาไร้ซึ่งหนทางขยายพื้นที่กระเป๋าหลัง เพราะมันไม่มีแม้เบาะแสให้เดาทาง เป็นเหตุให้ทำได้เพียงแค่บ่นรำพึงรำพันอยู่คนเดียว

วิธีการเก็บเกี่ยววัตถุดิบเหล่านี้ก็เหมือนตอนที่เพาะปลูก มันทั้งสะดวกและรวดเร็ว เพียงไม่นานสิบช่องของอู๋ฝานก็เต็มแน่น

หลังกลับจากด้านหลังของภูเขา หนิวเอ้อและคนอื่นก็ยังคงฝึกซ้อมกันอยู่ ลั่วเยวี่ยอยู่กับกลุ่มคน นางยังไม่ยอมแพ้ เป็นเหตุให้อู๋ฝานมองนางอย่างนึกนับถือ

หลังกลับสู่โลกความเป็นจริง อู๋ฝานตระเวนหาโกดังชานเมืองและทำการเช่า ถัดจากนั้นจึงไปซื้อวัตถุดิบจำนวนหนึ่งเพื่อบังหน้า ก่อนจะเอาวัตถุดิบที่นำมาจากโลกแห่งเกมใส่ไว้ในโกดัง ด้วยการกระทำนี้ ไม่นานโกดังที่เดิมคล้ายจะว่างเปล่า จึงถูกเติมเต็มถึงครึ่งหนึ่ง

ต่อจากนั้นอู๋ฝานจึงติดต่อหาเฉินปิงเหยา เพื่อขอให้เธอจัดแจงคนมาขนย้ายวัตถุดิบกลับไปยังร้านอาหาร

แม้มีขั้นตอนที่ดูยุ่งยากไปบ้าง แต่เพื่อไม่ให้ความลับถูกเปิดเผย อู๋ฝานจึงมีแต่ต้องทำเช่นนี้

หลังจัดการอะไรเรียบร้อย อู๋ฝานจึงเกิดนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังมีบัตรสมาชิกฟิตเนส หลังได้รับบัตรมา เขาก็ไม่ค่อยได้แวะเวียนไปใช้บริการ วันนี้มีเวลา เขาจึงตัดสินใจลองไปดูสักหน่อย

ทว่าอู๋ฝานไม่ได้คาดคิดว่าที่ยิมแห่งนี้ จะพบเจอคนรู้จักเข้าคนหนึ่ง

หลี่ปิง

อู๋ฝานไม่คิดมาก่อน ว่าหลี่ปิงจะเป็นสมาชิกของที่นี่ เรียกได้ว่าการพบเจอนี้ค่อนข้างบังเอิญ

หลี่ปิงเองก็คล้ายประหลาดใจที่เห็นอู๋ฝาน ทว่าไม่นานใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเผยอาการค่อนแคะและเป็นปฏิปักษ์

ตอนปาร์ตี้วันเกิดของถังอวี่เฟย เดิมหลี่ปิงคิดจะทำอู๋ฝานให้กลายเป็นตัวตลก เขาไม่ได้คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ ส่วนอีกฝ่ายลอยนวลต่อไปได้ ไม่เพียงแค่เขาเสียหน้าต่อหน้าตระกูลถัง แต่ยังรวมถึงผู้อาวุโสสำนักล้ำสวรรค์ที่มองยิ้มเย้ยตัวเขา

ไม่แปลกหากหลี่ปิงจะมีความขุ่นเคือง

หลี่ปิงย่อมตระหนักถึงสถานการณ์ของอู๋ฝานได้แล้ว อีกฝ่ายเป็นลูกเต่าจากบ้านนอก แต่กลับได้โฉมงามออกหน้า ถังอวี่เฟยต่อว่าตัวเขาต่อหน้าฝูงชน เป็นเหตุให้เขาดูราวกับเป็นคนหน้าโง่ต่อหน้าผู้คนมากมาย

ในความเห็นของหลี่ปิง เรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเพราะอู๋ฝาน

หลังเห็นอีกฝ่ายมาที่นี่ตอนนี้ ไม่แปลกหากหลี่ปิงจะแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์พร้อมระบายโทสะ

หลี่ปิงมองนวมที่หมัดของตนเอง ก่อนจะเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้

“อู๋ฝาน อยากลองฝึกซ้อมคู่กันดูไหม?” หลี่ปิงกำหมัดพร้อมกับมองอู๋ฝานด้วยท่าทีเจตนายั่วยุ

แม้ว่าครั้งก่อนที่งานปาร์ตี้วันเกิดของถังอวี่เฟย อู๋ฝานจะนำเอาตำราฝึกฝนออกมา ทว่าหลี่ปิงก็ไม่คิดเชื่อว่ามันคือของจริง มีหรือคนยากจนเช่นอู๋ฝานจะมีของเช่นนั้นได้? มันจะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน

ดังนั้นหลี่ปิงจึงไม่มองว่าอู๋ฝานมีดีอะไร ขณะที่ตัวเขาไม่ใช่ ตัวเขาคือคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังมีความสนใจต่อวิชาหมัดมวย ระดับมวยของเขาเองก็ไม่ใช่ต่ำเตี้ย ตอนนี้เจออู๋ฝานที่นี่ จึงคิดอยากท้าสู้กันสักครั้งหนึ่ง

เพียงแต่อู๋ฝานที่ได้ยินคำของเขา กลับตอบรับโดยไม่มีแม้ความลังเล “ไม่สนใจ”

พูดจบอู๋ฝานก็เตรียมไปออกกำลังกายบนลู่วิ่ง

ทว่าหลี่ปิงไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นอู๋ฝานหันหลังให้ เขาจึงก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเข้าหา หมัดตรงมือขวาต่อยเข้าหลังศีรษะของอู๋ฝาน

เขาคิดอยากสอนบทเรียนแก่อีกฝ่ายมานานแล้ว ขณะนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ใช้ลงมือ

อีกทั้งต่อให้อู๋ฝานบาดเจ็บ หลี่ปิงก็ไม่กังวลแต่อย่างใด เรื่องราวหลังจากนี้เขาสามารถจัดการได้อยู่แล้ว

ทว่าขณะที่หมัดของหลี่ปิงกำลังจะปะทะเข้ากับอู๋ฝาน ร่างของชายหนุ่มกลับบังเอิญหันเบี่ยงไปเล็กน้อย ทำให้กลายเป็นหลบเลี่ยงการโจมตีอันดุดันของหลี่ปิงไปได้เสียอย่างนั้น

อู๋ฝานหันกลับมา สายตาจ้องมองหลี่ปิงที่เผยสีหน้าอัปลักษณ์ “ต้องการอะไรกันแน่?”

อู๋ฝานที่โลกแห่งเกม เคยได้ต่อสู้มาแล้วหลายครั้ง ไม่เพียงต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือสัตว์ป่า แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนดุร้ายจากโลกอสูรด้วย เพียงการตระหนักรู้ถึงอันตราย ตัวเขาย่อมกระทำได้

แต่หลี่ปิงคิดไปเองว่าอู๋ฝานบังเอิญหลบเลี่ยงการโจมตีของตนเองได้

“ใส่นวม พวกเราไปฝึกกัน” หลี่ปิงยังคงพยายามยั่วยุอู๋ฝาน

“อยากจะเอาให้ได้?” อู๋ฝานถามกลับ

“แน่นอนอยู่แล้ว!” หลี่ปิงตอบรับ

“อยากเล่นก็เล่น แต่ถ้าฉันทำนายบาดเจ็บ ก็ไม่ขอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น” อู๋ฝานตอบกลับ

“ฉันก็อยากจะบอกนายแบบนั้นอยู่พอดี ให้คนที่นี่เป็นพยานก็แล้วกัน ถ้ามีฝ่ายไหนบาดเจ็บ ก็ต้องไม่กล่าวโทษอีกฝ่าย” หลี่ปิงเห็นอู๋ฝานยกข้ออ้างนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง เขาจึงไม่คิดปฏิเสธ เพราะเดิมเขาก็คิดอยากสั่งสอนบทเรียนให้แก่ชายหนุ่มอยู่แล้ว

อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะไปหยิบนวมขึ้นมาสวมใส่อย่างเชื่องช้า เดิมเขาไม่ได้คิดอยากทะเลาะอะไรกับหลี่ปิง แต่อีกฝ่ายดื้อรั้นไม่ยอมจบสิ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องตัดสินใจสั่งสอนบทเรียน

ที่นี่อย่างไรก็เป็นฟิตเนสคลับ แม้ว่าจะมีกระสอบทราย แต่ไม่ได้มีสังเวียนสำหรับใช้ต่อสู้ คนทั้งสองจึงหาพื้นที่เปิดกว้าง ยืนฝั่งตรงข้ามกัน และการแข่งขันระหว่างคนทั้งสองดึงดูดความสนใจของทุกคนในคลับมาได้

“เข้ามา” หลี่ปิงยังคงพยายามยั่วยุอู๋ฝาน

“ให้โจมตีก่อนเลยก็แล้วกัน ไม่งั้นกลัวว่านายคงจะไม่มีโอกาสได้ลงมืออีก” อู๋ฝานยังคงยืนนิ่งกับที่เอ่ยถ้อยคำด้วยอาการสงบ

“อวดดี!” หลี่ปิงตอบรับด้วยความไม่พอใจ ทว่าก็ยังก้าวเท้าพุ่งเข้าหาอู๋ฝาน หมัดข้างหนึ่งกำที่ด้านหน้า อีกข้างหนึ่งเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง ทิศทางที่คิดโจมตีนั้น เป็นที่ใบหน้าของอู๋ฝาน

อู๋ฝานยืนนิ่งเฉย ขณะหลี่ปิงกำลังจะต่อยโดนเข้าใบหน้าตนเอง เขาเพียงแค่ยื่นแขนซ้ายออกไปปัดสกัดการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม การกระทำนี้ราวกับไม่ได้ใส่เรี่ยวแรงลงไปแต่อย่างใด ทว่าแขนของหลี่ปิงกลับเบี่ยงวิถีอย่างไม่อาจควบคุม

ขณะที่อีกมือหนึ่งของอู๋ฝานพลันต่อยเข้าที่ใบหน้าของหลี่ปิง

หลี่ปิงรู้สึกสะพรึงกลัวขึ้นในใจ มือที่เขากำไว้ด้านหน้านั้นพยายามจะป้องกันอย่างสุดชีวิต แม้แบบนั้นตอนที่หมัดของอู๋ฝานต่อยเข้าใส่หมัดของตนเอง เขากลับได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายมีเรี่ยวแรงมหาศาลถึงขนาดไหน!