คุณหนู​พาน​เอง​ก็​รู้ดี​ว่า​ฉัง​เคอ​กับ​หวัง​ซีนั​้น​ไม่​เหมือนกัน​ ​แค่นี้​นาง​ก็​รู้สึก​ซาบซึ้งใจ​ยิ่งนัก​แล้ว​ ​จึง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ไม่ต้อง​ทำ​เช่นนั้น​หรอก​ ​ข้า​อยาก​ออกเรือน​อย่าง​มีความสุข​มากกว่า​”

เพราะฉะนั้น​งานแต่ง​ไม่​ขึ้นอยู่กับ​จำนวน​คน​มาก​น้อย​ ​แต่​คนที​่​มาส​่​งอ​อก​เรือน​ควร​เป็น​คนสนิท​ที่มา​ส่ง​ด้วย​ความจริงใจ​ถึง​จะ​ดี

เมื่อ​เอาใจเขามาใส่ใจเรา​ดูแล​้ว​ ​ฉัง​เคอ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​นาง​ดี​ ​ลอบ​ตัดสินใจ​ว่า​หาก​งานแต่ง​ทั้งสอง​งาน​จัด​วันเดียวกัน​จริงๆ​ ​เช่นนั้น​นาง​จะ​มาส​่​งคุณ​หนูพา​นอ​อก​เรือน

ด้าน​ซือ​จู​ ​ย่อม​มี​คน​ยินดี​ไปร​่ว​มงาน​เลี้ยง​ของ​นาง​อยู่​แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น​บ้าน​รอง

บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​ตอนที่​นาย​หญิง​รอง​ลอบ​ฉกฉวย​เอางาน​แต่ง​ของ​คุณชาย​สี่​ฉัง​ไป​นั้น​ ​โหวฮู​หยิน​กล้ำกลืน​ฝืนทน​ไม่​ปริปาก​ว่า​อะไร​ ​และ​ตอนที่​นาง​ฉก​เอางาน​แต่ง​ของ​ฉัง​เคอ​ไป​ก็​ไม่มี​ความละอายใจ​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ผู้ใด​จะ​รู้​ว่า​จะ​มี​การ​คิดบัญชี​หลัง​เก็บเกี่ยว​ ​โหวฮู​หยิน​กับ​บ้าน​สาม​ร่วมมือ​กัน​กด​ทับ​บ้าน​รอง​ทุก​เรื่อง

วัน​เวลา​ของ​บ้าน​รอง​ไม่​ราบรื่น​นัก​ ​จึง​ไป​ประจบประแจงฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​อย่างกระตือรือร้น​มาก​เป็นพิเศษ

วันที่​ซือ​จู​ออกเรือน​ ​อาจจะ​ขาด​ใคร​ไป​ก็ได้​ ​แต่​บ้าน​รอง​ต้อง​ไป​เป็นเกียรติ​ให้​ซือ​จู​อย่างแน่นอน

ฉัง​เคอ​คิด​ว่า​ต่อให้​มารดา​ของ​นาง​ต้อง​เชื่อฟังฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​เนื่องด้วย​หลัก​ความกตัญญู​ ​แต่​นาง​ไม่มีทาง​ไปร​่วม​ความวุ่นวาย​นั้น​ด้วย​อย่างแน่นอน

หวัง​ซีกับ​ฉัง​เคอ​ยัง​ได้​ไปดู​สิน​เจ้าสาว​ของ​คุณหนู​พาน​ด้วย

ตระกูล​พาน​เอง​ก็​รักใคร่​บุตรสาว​ ​สิน​เจ้าสาว​จำนวน​สามสิบ​หก​คน​หาม​ที่​เตรียม​ให้​คุณหนู​พาน​นั้น​บรรจุ​ของ​เอาไว้​จน​เต็ม​ ​แน่น​จน​สอด​มือ​เข้าไป​ไม่ได้​เลย​ด้วยซ้ำ​ ​ยัง​มี​ร้านค้า​ที่​ประตู​ซีจื​๋อ​ของ​จิง​เฉิง​อีก​หนึ่ง​ร้าน​ด้วย

ฉัง​เคอ​ชื่นชม​ปน​อิจฉา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ช่าง​มากมาย​ยิ่งนัก​!​”

ถึงแม้นาง​เอง​ก็​มีสิน​เจ้าสาว​ไม่น้อย​ ​แต่​นาง​ไม่มี​สิน​เจ้าสาว​อย่าง​ร้านค้า​ที่​ประตู​ซีจื​๋อ

คุณหนู​พาน​ปลอบโยน​นาง​ว่า​ ​“​สตรี​ดี​ไม่​พึ่ง​สิน​เจ้าสาว​ ​คุณชาย​เวิน​มี​ความสามารถ​ปาน​นั้น​ ​เจ้า​จง​วางใจ​แต่ง​ออก​ออก​ไปร​อวั​นมี​ความสุข​เถิด​!​ ​ต่อไป​พวก​เจ้า​ย่อม​มีทุ​กอย​่าง​แน่นอน​”

แม้น​หวัง​ซี​ตั้งใจ​จะ​เติมสิน​เจ้าสาว​ให้​ฉัง​เคอ​ ​แต่​คิด​เอาไว้​ว่า​จะ​แอบ​ให้​ฉัง​เคอ​เงียบๆ​ ​ตอน​นาง​ออกเรือน​ ​เวลานี้​จึง​ยัง​ไม่ได้​บอกอะ​ไร​สัก​คำ

อย่างไรก็ตาม​ ​เมื่อ​พวก​นาง​กลับ​ถึง​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ ​กลับ​ได้ยิน​ว่า​ระหว่างทาง​ที่​ถูก​ควบคุมตัว​กลับ​จิง​เฉิง​นั้น​จู่ๆ​ ​ตระกูล​ซือ​ก็​กล่าวหา​องค์​ชาย​รอง​ว่า​องค์​ชาย​รอง​เป็น​คน​สั่งการ​ให้​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหว​ลอบสังหาร​องค์​ชาย​ใหญ่

หวัง​ซี​ได้ยิน​ข่าว​นี้​ตอนที่​นาง​เพิ่ง​ล้างหน้าล้างตา​และ​ผลัดเปลี่ยน​อาภรณ์​เป็น​ชุด​อยู่​บ้าน​เสร็จ​ใหม่​ๆ​ ​กำลัง​นั่ง​ดื่ม​ชา​อยู่​บน​แหย่ง​หลัว​ฮั่น​ตัว​ใหญ่​ข้างหน้า​ต่าง

นาง​เบิก​ดวงตา​กว้าง​ด้วย​ความตกใจ​ ​รีบ​วาง​จอก​ชาลง​สอบถาม​ว่า​ข่าวคราว​นี้​เชื่อถือได้​หรือไม่

คนที​่​มารา​ยงา​นนา​งคือ​หวังห​มัว​มัว​ ​นาง​พยักหน้า​พลาง​กล่าว​ ​“​เป็นข่าว​ที่เชื่อถือได้​เจ้าค่ะ​ ​ผู้ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​ท่าน​โหว​เป็น​คน​บอก​มา​ ​ว่า​กัน​ว่า​ข่าว​แพร่กระจาย​ไป​ทั่วทั้ง​จิง​เฉิง​แล้ว​ ​ท่าน​โหว​ยัง​ไม่​ออกมา​จาก​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​เลย​เจ้าค่ะ​!​”

หวัง​ซี​ไม่รู้​จะ​พูด​อะไร​ดี​แล้ว​ ​กว่า​ครู่ใหญ่​ถึง​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​ใต้เท้า​ซือ​บ้า​ไป​แล้ว​กระมัง​ ​คำพูด​เหลวไหล​เช่นนี้​ ​ไม่​กลัว​ถูก​สำเร็จโทษ​ทั้ง​ตระกูล​หรือ​อย่างไร​”

กล่าวหา​องค์​ชาย​คือ​การ​หมิ่น​เบื้องสูง​ ​ต่อให้​มี​ความมั่นใจ​เต็มเปี่ยม​ ​ก็​อาจ​ต้องตา​ยอย​่าง​ทุกข์ทรมาน

และ​เห็น​ๆ​ ​อยู่​ว่า​คนที​่​หมาย​สังหาร​องค์​ชาย​คือ​ฮ่องเต้​ ​ตระกูล​ซือ​ปั้น​หลักฐาน​ลวง​ขึ้น​มา

หวังห​มัว​มัว​ถอนหายใจ​กล่าวว่า​ ​“​บางที​ ​ตระกูล​ซือ​อาจ​คิด​ว่า​ไม่มี​อะไร​ร้ายแรง​ไป​กว่านี​้​แล้ว​ ​มิสู​้​ลอง​เสี่ยง​หาทาง​เอาชีวิต​รอด​ ​ดึง​องค์​ชาย​รอง​เข้าไปมีส่วนร่วม​ด้วย​ ​เดิมพัน​กัน​สัก​ตั้ง​หนึ่ง​”

หวัง​ซี​ไม่​แสดงความคิดเห็น

หวังห​มัว​มัว​กล่าว​ ​“​ได้ยิน​ผู้ติดตาม​ของ​ท่าน​โหว​เล่า​ว่า​ ​ใต้เท้า​ซือ​บอก​กับ​เจ้าหน้าที่​คุ้มกัน​ตัว​ว่า​ ​เดิมที​ตระกูล​ซือ​เพียง​อยาก​ให้​คุณชาย​รอง​เฉิน​หลีกทาง​ให้​คุณชาย​ใหญ่​เฉิน​เท่านั้น​ ​ไม่ได้​มี​ความคิด​จะ​ลอบ​ปลงพระชนม์​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​คนที​่​ได้รับ​การ​ไหว้วาน​ไป​บังเอิญ​เจอ​กับ​คนที​่​ตระกูลปั​๋ว​ส่ง​ไป​ลอบ​ปลงพระชนม์​องค์​ชาย​ใหญ่​พอดี​ ​ทั้งสอง​ตระกูล​พบกัน​กลางดึก​โดย​ไม่​คาดคิด​ ​ต่าง​คน​ต่าง​คิด​ว่า​อีก​ฝ่าย​เป็น​คนที​่​มาช​่วย​ชีวิต​คนที​่​ฝ่าย​ตน​ต้องการ​สังหาร​ ​ถึง​ได้​เกิด​การต่อสู้​ขึ้น​มา​ ​กระทั่ง​ได้ยิน​ทหาร​เหล่านั้น​พูด​กัน​โดยบังเอิญ​ว่า​หาก​ครั้งนี้​ปลงพระชนม์​องค์​ชาย​ใหญ่​ไม่สำเร็จ​ ​ทุกคน​อย่า​ได้คิด​จะ​มีชีวิตรอด​กลับ​ไป​ ​ถึง​ได้​รู้​ว่า​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​เข้าใจผิด​…

…​ตระกูลปั​๋ว​เป็น​ตระกูล​ฝั่ง​มารดา​ของ​องค์​ชาย​รอง​ ​ที่ผ่านมา​ไม่มี​ความขุ่น​แค้น​ใด​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​ต้อง​เป็น​เพราะ​องค์​ชาย​รอง​เห็น​ว่า​องค์​ชาย​ใหญ่​กำลังจะ​ได้รับแต่งตั้ง​เป็นไท​่​จื่อ​ ​ถึง​ได้​สั่งการ​ให้​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหว​สังหาร​คน​เสีย​…

….​ใต้เท้า​ซือ​ผู้​นั้น​ยัง​เขียน​ฎีกา​ขออภัย​โทษ​ ​บอกว่า​ตัวเอง​ไม่​ควร​ปล่อย​ให้​จิตใจ​ถูก​ครอบงำ​ ​จน​บังเกิด​ความคิด​ต้องการ​สังหาร​คน​ ​เขา​ไม่ได้​วางแผน​ลอบ​ปลงพระชนม์​ทายาท​ของ​ราชวงศ์​จริงๆ​ ​แล้วก็​ไม่กล้า​คิด​เช่นนั้น​ด้วย​ ​ขอ​ฮ่องเต้​ทรง​ตรวจสอบ​ให้​กระจ่าง​ ​อย่า​ให้​มิตร​โกรธแค้น​ ​ศัตรู​มีความสุข​!​”

“​ช่าง​ไร้ยางอาย​จริงๆ​!​”​ ​เดิม​หวัง​ซี​แค่​อยาก​ลอง​ฟัง​เรื่องราว​ดู​สักหน่อย​เท่านั้น​ ​บัดนี้​กลับ​โกรธ​จน​ต้อง​ลุกขึ้น​มา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ไฉน​เพราะ​เฉินลั​่ว​ขวางทาง​ตระกูล​พวกเขา​ ​จึง​สมควร​ถูก​สังหาร​ ​แต่​องค์​ชาย​ใหญ่​เป็น​ทายาท​ของ​ราชวงศ์​ ​จึง​เป็นเรื่อง​เข้าใจผิด​ไป​ได้​ ​ข้า​โตมา​ขนาด​นี้​ ​ยัง​ไม่เคย​เห็น​ใคร​ไร้ยางอาย​เท่า​ตระกูล​ซือ​มาก​่อน​ ​เห็น​ชีวิต​คน​เป็น​ผัก​ปลา​ ​ไม่​แปลกที่​เขา​จะ​กล้า​กล่าว​โป้ปด​ได้​ทุกอย่าง​!​”

หวังห​มัว​มัว​ได้ยิน​แล้วก็​พอ​จะ​ฟัง​ความหมาย​อะไร​ออก​บ้าง

การวางแผน​ลอบ​ปลงพระชนม์​ทายาท​ราชวงศ์​มีโทษ​ประหาร​ถึง​เก้า​ชั่วโคตร​ ​แต่​หาก​เป็นการ​สังหาร​เฉินลั​่ว​ ​กลับเป็น​แค่​การวางแผน​ลอบสังหาร​บุตรชาย​ของ​ขุนนาง​ ​ความผิด​ทางอาญา​เทียบ​กัน​ไม่​ติด​เลย

ตระกูล​ซือ​ผลัก​เรื่อง​นี้​ไป​ที่​เฉินลั​่ว​ ​ไม่ว่า​ฝ่าย​ร้องเรียน​จะ​ว่า​อย่างไร​ ​อย่างน้อย​ก็​ทำให้​โทษเบา​บาง​ลง​ไปมาก

คิด​ๆ​ ​ดูแล​้ว​ ​ตระกูล​ซือ​ช่าง​สลัด​ความผิด​ให้​ตัวเอง​เก่ง​นัก

หวังห​มัว​มัว​ถาม​ ​“​เช่นนั้น​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี​ ​จะ​ยืน​ดู​ตระกูล​ซือ​พ้นผิด​ไป​เฉยๆ​ ​เช่นนี้​หรือ​เจ้า​คะ​ ​เช่นนั้น​มิ​เท่ากับ​ว่า​ใต้เท้า​เฉิน​เสียเปรียบ​แย่​หรอก​หรือ​”

“​อาจ​ไม่​ถึงขนาด​นั้น​”​ ​หวัง​ซีพึม​พำ​กล่าว​ ​“​องค์​ชาย​ใหญ่​กับ​ใต้เท้า​เฉิน​เป็น​พยานบุคคล​ ​ขอ​เพียง​องค์​ชาย​ใหญ่​กับ​ใต้เท้า​เฉิน​ยืนกราน​ว่า​เรื่องราว​มิได้​เป็น​เช่นนั้น​ ​ทุกอย่าง​ย่อม​ไม่​ขึ้นอยู่กับ​สิ่ง​ที่​ตระกูล​ซือ​พูด​”

นับตั้งแต่​ที่หวัง​สี่​กลับมา​ ​หวังห​มัว​มัว​ได้​ฟัง​เรื่อง​ของ​เฉินลั​่ว​มา​ไม่น้อย​ ​นาง​ค่อนข้าง​ซาบซึ้ง​ที่​เฉินลั​่ว​ช่วย​ปกป้อง​หวัง​สี่​ ​พอได้​ยิน​แล้วก็​ร้อนใจ​ขึ้น​มา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ให้​หวัง​สี่​ไปรา​ยงาน​ให้​ใต้เท้า​เฉิน​ทราบ​เอาไว้​ดี​หรือไม่​ ​เรื่อง​เช่นนี้​ ​ย้ำ​เตือน​เพิ่ม​อีก​สัก​สอง​ประโยค​ย่อม​ไม่เสียหาย​เจ้าค่ะ​”

หวัง​ซีค​รุ่น​คิด​ตาม​แล้ว​พยักหน้า​ ​กล่าวว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​รบกวน​หวัง​สี่​ช่วย​ไปรา​ยงาน​ให้​สักครั้ง​หนึ่ง​”

หวังห​มัว​มัว​รับคำ​แล้ว​ออก​ไป

ฉัง​เคอ​พรวด​เข้ามา​อย่าง​รีบร้อน​ ​หลังจาก​ไล่​สาวใช้​ที่​นำ​น้ำชา​และ​ของว่าง​มา​ให้​ออก​ไป​แล้วก็​กระซิบ​ถาม​นาง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ที่​ตระกูล​ซือ​กล่าวหา​องค์​ชาย​รอง​ ​“​…​เจ้า​ทราบ​เรื่อง​หรือยัง​?​”

หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า​หงึกๆ

ฉัง​เคอ​จึง​กระซิบกระซาบ​กับ​นาง​ว่า​ ​“​ตระกูล​ซือ​ช่าง​ใจกล้า​เกินไป​แล้ว​ ​ผู้ใด​ไม่รู้​บ้าง​ว่า​จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหว​สั่ง​เคลื่อน​กองพล​ขนนก​ ​แต่​เจ้า​ดู​คน​เหล่านั้น​ ​ทุกคน​ต่าง​เสมือน​คน​หูหนวก​ตาบอด​ ​เรื่อง​เช่นนี้​หาก​จู่โจม​ไม่สำเร็จ​ใน​หนึ่ง​ครั้ง​ก็​จะ​ถูก​โจมตี​กลับ​แทน​ ​ไม่รู้​ว่า​พวกเขา​ไป​เอา​ความกล้า​มาจาก​ที่ใด​”

อาจ​ได้มา​จาก​ฮ่องเต้​กระมัง​?

หวัง​ซีฟัง​แล้ว​หัวใจ​กระตุก

เดิมที​การลอบสังหาร​องค์​ชาย​ใหญ่​กับ​เฉินลั​่​วก​็​เป็นการ​กระทำ​ที่​มี​เจตนา​แอบแฝง​อยู่​แล้ว​ ​ไม่แน่​ว่า​เรื่อง​ที่​ตระกูล​ซือ​กล่าวหา​องค์​ชาย​รอง​ก็​เป็นข่าว​ที่​ฮ่องเต้​ปล่อย​ออกมา​ก็​เป็นได้​?

หาไม่​แล้ว​ใน​เวลา​สั้น​ๆ​ ​เพียง​ไม่​กี่​วัน​ ​ข่าว​จะ​แพร่กระจาย​จน​ดูเหมือนว่า​คน​ทั่วทั้ง​จิง​เฉิง​ต่าง​ทราบ​เรื่อง​กัน​หมด​แล้ว​ได้​อย่างไร

หวัง​ซีล​อบ​กระวนกระวายใจ

หาก​ฮ่องเต้​มีพ​ระ​ประสงค์​เข้าข้าง​ตระกูล​ซือ​ ​ไม่แน่​ว่า​ตระกูล​ซือ​อาจจะ​รอดพ้น​จาก​หายนะ​ครั้งนี้​ได้​จริงๆ​ ​ก็​เป็นได้

สงสาร​ก็​แต่​เฉินลั​่ว​ ​ถูก​ดึง​เข้าไป​ข้องเกี่ยว​ด้วย​ ​ทว่า​กลับ​ไม่มี​ที่​ให้​ไป​อุทธรณ์​ได้​แม้แต่​ที่​เดียว

ฉัง​เคอ​กล่าว​ด้วย​อาการ​ขัดเขิน​เล็กน้อย​ว่า​ ​“​คุณชาย​เวิน​ให้​พวกเรา​ระมัดระวัง​ตัว​ ​อยู่​ให้​ห่าง​จาก​คุณหนู​ซือ​เอาไว้​เป็น​ดีที​่​สุด​ ​พ่อ​กับ​แม่​ของ​ข้า​หารือ​กัน​แล้ว​ว่า​ตอนที่​คุณหนู​ซือ​ออกเรือน​ ​บ้าน​พวก​ข้า​จะ​หา​ข้ออ้าง​ไม่​ไปร​่ว​มงาน​”

หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า​ด้วย​อาการ​ใจลอย​ ​ใน​ใจ​รู้สึก​เป็นห่วง​เฉินลั​่ว​มากยิ่งขึ้น

หวัง​สี่​ที่​ไปหา​เฉินลั​่​วก​็​ไม่ได้​เจอ​ตัว​เฉินลั​่ว​ ​ยัง​บอก​ด้วยว่า​ ​“​หลิวจ​้ง​เอง​ก็​ไม่รู้​เช่นกัน​ว่า​ใต้เท้า​เฉิน​ไป​ที่ใด​ขอรับ​”

“​จอม​ยุทธ์​รับจ้าง​เหล่านั้น​เล่า​?​”​ ​หวัง​ซี​ถาม​อย่าง​ร้อนใจ

หวัง​สี่​ตอบ​ด้วย​ความ​กระอักกระอ่วน​เล็กน้อย​ว่า​ ​“​บัดนี้​พวกเขา​เป็น​คน​ของ​ใต้เท้า​เฉิน​แล้ว​ ​จึง​ไม่​อาจ​เปิดเผย​ตำแหน่ง​แห่ง​ที่​ของ​ใต้เท้า​เฉิน​ขอรับ​!​”

พวกเขา​ติดตาม​เฉินลั​่​วทุ​กคน​?

นี่​นับเป็น​การ​ขน​หิน​ทับ​เท้า​ตัวเอง​หรือไม่​นะ​?

หวัง​ซี​หัวเราะ​ไม่​ออก​ร้องไห้​ไม่ได้

เฉินลั​่ว​ในเวลานี้​กลับ​ถูก​องค์​ชาย​ใหญ่​เรียกตัว​ไป​พบ​ที่​จวน​ของ​เขา

ใน​บรรดา​องค์​ชาย​ของ​ฮ่องเต้​นั้น​ ​มี​เพียง​องค์​ชาย​ใหญ่​ที่​เสกสม​รส​และ​มี​จวน​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ​ส่วน​องค์​ชาย​พระองค์​อื่นๆ​ ​ยังคง​ประทับ​อยู่​ใน​วัง​หลวง

ก่อนหน้านี้​เฉินลั​่ว​สั่ง​ปู​จาก​ร้าน​ทักษิณา​จด​อุดร​พาณิช​เอาไว้​ ​ตั้งใจ​นำ​ไป​ส่ง​ให้​หวัง​ซี​ ​ทว่า​ระหว่างทาง​กลับ​ถูก​องค์​ชาย​ใหญ่​เรียกตัว​มา​พบ​ที่นี่

เขา​กล่าว​ด้วย​ความไม่พอใจ​เล็กน้อย​ว่า​ ​“​บัดนี้​พวกเรา​เปรียบเสมือน​โคมไฟ​แดง​เด่น​สอง​ดวง​กลางดึก​ที่​ทุกคน​ต่าง​จับจ้อง​ ​คิด​จะ​ทำ​สิ่งใด​ล้วน​ขยับตัว​ได้​ยาก​ ​มีธุระ​อัน​ใด​ที่​เจ้า​ไม่​อาจ​ส่ง​ใคร​สัก​คน​ไปหา​ข้า​ ​จำเป็นต้อง​ลาก​ข้ามา​หา​เจ้าที่​นี่​ให้​ได้​?​ ​เจ้า​คิด​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​ไม่รู้​อย่างนั้น​หรือ​ ​เจ้า​ลองดู​องครักษ์​ของ​เจ้า​อีกครั้ง​ ​ยัง​เหลือ​คน​จงรักภักดี​อยู่​อีก​สัก​กี่​คน​กัน​?​”

องค์​ชาย​ใหญ่​ยิ้ม​ขื่น​พร้อมกับ​พูดว่า​ ​“​ข้า​รู้​”​ ​สอง​สาม​ประโยค​พอเป็นพิธี​ ​จากนั้น​กล่าว​เข้าเรื่อง​ทันที​ว่า​ ​“​เจ้า​คงได้​ยิน​เรื่อง​ของ​ตระกูล​ซือ​แล้ว​ ​ข้า​ไม่สน​ใจ​ว่า​ฮ่องเต้​มีแผน​การ​อะไร​ ​ไม่สน​ว่า​ตระกูล​ซือ​ทำ​เพื่อ​สลัด​ความผิด​ให้​พ้นตัว​หรือ​ได้รับ​การ​ชี้แนะ​จาก​ผู้ใด​มา​ ​เจ้า​ต้อง​ช่วย​ข้า​จับตาดู​คน​ไป​ฟ้องศาล​ผู้​นั้น​เอาไว้​ให้​ดี​ ​การสังหาร​เจ้า​กับ​สังหาร​ข้า​ไม่​เหมือนกัน​ ​หาก​แม้แต่​ตระกูล​ซือ​ข้า​ยัง​จัดการ​ไม่ได้​ ​ก็​ไม่รู้​ว่า​ผู้อื่น​จะ​มอง​ข้า​อย่างไร​!​”

เฉินลั​่ว​ฟัง​แล้ว​กล่าว​ตัดบท​คำพูด​ของ​เขา​อย่าง​สบาย​ๆ​ ​ว่า​ ​“​หาก​ฮ่องเต้​เชื่อ​คำพูด​ของ​เขา​เล่า​?​”

องค์​ชาย​ใหญ่​โกรธจัด​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​ยัง​ไม่​ตาย​นี่​!​”

เฉินลั​่ว​มอง​องค์​ชาย​ใหญ่​ครั้งหนึ่ง

เจ้า​เข้า​วัง​ไป​คุย​กับ​ฮ่องเต้​เอง​ก็ได้​แล้ว​ ​มาบ​อก​ข้ามี​ประโยชน์​อัน​ใด

เขา​กล่าว​อย่าง​เกียจคร้าน​ว่า​ ​“​แทนที่​เจ้า​จะ​มา​เดือดดาล​อยู่​ที่นี่​ ​ไม่​สู้​เจ้า​หาวิ​ธี​ไป​เยี่ยมเยือน​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหวดี​กว่า​?​ ​บัดนี้​พวก​เจ้า​ถือเป็น​ตั๊กแตน​บน​เชือก​เส้น​เดียวกัน​ ​ที่​ฮ่องเต้​เล่นงาน​พวกเรา​เพื่อ​อัน​ใด​เล่า​?​ ​ยาม​ที่​สมควร​ให้​ผู้อื่น​ช่วย​ออกหน้า​เจ้า​ก็​ต้อง​ให้​ผู้อื่น​ช่วย​ออกหน้า​ให้​ ​ยาม​ใด​ที่​เจ้า​ควร​ออกหน้า​เอง​เจ้า​ค่อย​ออกหน้า​เอง​ ​หาก​แม้แต่​เรื่อง​แค่นี้​เจ้า​ยัง​ไม่เข้าใจ​ ​ก็​ถือโอกาส​เปลี่ยน​ผู้ช่วย​เสียแต่​เนิ่นๆ​ ​ดีกว่า​”

องค์​ชาย​ใหญ่​ถาม​อย่างประหลาดใจ​ว่า​ ​“​เมื่อก่อน​ข้า​ไม่​ค่อย​ได้​สุงสิง​กับ​เจ้า​ ​เจ้า​เพิ่งจะ​เป็น​เช่นนี้​หรือว่า​ก็​เป็น​เช่นนี้​มาโดยตลอด​?​ ​ปาก​คอ​เราะร​้​0าย​เสีย​จริง​!​”

เฉินลั​่ว​ยักไหล่​อย่าง​ไม่​ยี่หระ​ ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​แค่​บอก​มา​ว่าที่​ข้า​พูด​ถูกต้อง​หรือไม่ก็​พอก​ระ​มัง​ ​จะ​สนใจ​มากมาย​ไป​เพื่อ​อัน​ใด​”

ความจริง​เขา​เอง​ก็​รู้สึก​เหมือนกัน

นับตั้งแต่​ที่​กลับมา​ได้​อย่างปลอดภัย​ ​เขา​อารมณ์ร้อน​ขึ้น​มาก​ ​มีท​่า​ที​ค่อน​ไป​ทาง​ข้า​จะ​เป็น​เช่นนี้​แล้ว​เจ้า​จะ​ทำ​อะไร​ข้า​ได้​อยู่เล็ก​น้อย

องค์​ชาย​ใหญ่​ปวด​เศียร​ ​สนทนา​กับ​เฉินลั​่​วอ​ย่าง​ไม่​จืดชืด​แต่​ก็​ไม่มี​รสชาติ​อีก​สอง​สาม​ประโยค​ถึง​ได้​ยก​ชา​ขึ้น​เป็นการ​ส่ง​แขก

เพียงแต่ว่า​พอ​เฉินลั​่​วอ​อก​ไป​ ​ผู้ช่วย​ที่​หลบ​อยู่​หลังฉาก​กั้น​ก็​เดิน​ออกมา​ ​กล่าว​ชม​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​ว่า​ ​“​เมื่อก่อน​ผู้อื่น​ต่าง​พูด​กัน​ว่ายา​มเห​็น​ใต้เท้า​เฉิน​คนเล​็​กอย​่า​เอาแต่​สนใจ​ใบหน้า​หล่อเหลา​ของ​เขา​เพียง​อย่าง​เดียว​ ​ซึ่ง​เขา​ก็​มี​ความสามารถ​จริงๆ​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​คำกล่าว​ดังกล่าว​ไม่​เกิน​จริง​เลย​แม้แต่​ครึ่ง​เดียว​ ​แทนที่​พวกเรา​จะ​กระโดด​ออก​ไป​กล่าวโจมตี​ตระกูล​ซือ​ในเวลานี้​ ​ไม่​สู้​รอ​ให้​ถึง​ตอนที่​ตระกูลปั​๋ว​สู้​กลับ​แล้ว​พวกเรา​ค่อย​กระโดด​ออก​ไป​ก็​ยัง​ไม่​สาย​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

องค์​ชาย​ใหญ่​พยักหน้า​ ​ทอดถอนใจ​กล่าวว่า​ ​“​บางคน​ไม่​อาจ​เป็น​สหาย​สนิท​กันได​้​จริงๆ​ ​ฝีปาก​ของ​เฉินลั​่ว​คม​เกินไป​”​

ผู้ช่วย​กลุ้มใจ​ ​ไม่รู้​จะ​โน้มน้าว​องค์​ชาย​ใหญ่​อย่างไร​ดี

ขณะนี้​มิใช่​แค่​องค์​ชาย​ใหญ่​เท่านั้น​ ​ทั่วทั้ง​จิง​เฉิง​ต่าง​ก็​จับตาดู​องค์​ชาย​รอง​กับ​จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหว​เช่นกัน

องค์​ชาย​รอง​ประทับ​อยู่​ใน​วัง​ ​จึง​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​เขา​เป็น​อย่างไรบ้าง

ส่วน​จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหว​มิได้​เต็มไปด้วย​ความ​เดือดดาล​อย่างที่​พวกเขา​คิด​กัน​ ​แล้วก็​ไม่ได้​พยายาม​ปิดข่าว​นี้​ด้วย​ ​ตรงกันข้าม​พวกเขา​เขียน​ฎีกา​ขอพระราชทาน​อภัยโทษ​ด้วย​ความ​ลิงโลด​ ​บอกว่า​พวกเขา​ไม่มี​เจตนา​ลอบ​ปลงพระชนม์​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​แต่​เป็น​เพราะ​เชื่อ​ข่าวลือ​ ​เข้าใจ​ว่า​องค์​ชาย​ใหญ่​ถูก​กบฏ​ล้อม​สังหาร​ ​นึกถึง​คำกล่าว​ที่ว่า​ ​‘​ใน​สนามรบ​แม่ทัพ​ไม่ต้อง​รอ​รับคำ​สั่ง​จักรพรรดิ​’​ ​ด้วย​ความร้อน​ใจ​จึง​พาท​หาร​กองพล​ขนนก​เร่ง​ตาม​ไป​ ​ส่วน​แผนก​่​อกบฏ​อะไร​อย่างที่​ตระกูล​ซือ​กล่าวหา​นั้น​ล้วน​ไม่​เป็นความ​จริง

ส่วน​เรื่อง​ที่ว่า​ได้ยิน​ข่าวลือ​จาก​ที่​ทหาร​พูด​กัน​โดยบังเอิญ​อะไร​นั้น​ ​ล้วน​เป็นการ​กุเรื่อง​ขึ้น​มาทั​้ง​สิ้น

ถ้า​มิใช่​เพราะ​กองพล​ขนนก​เร่ง​ตาม​ไป​ ​องค์​ชาย​ใหญ่​กับ​เฉินลั​่ว​คง​จากไป​นาน​แล้ว​ ​หาก​ฮ่องเต้​ไม่เชื่อ​ก็​ทรง​เรียกตัว​ทั้งสอง​คน​เข้า​วัง​ไป​สอบถาม​ได้

เรื่อง​อื่น​ที่​นอกเหนือ​ไป​จากนี้​ล้วน​ไม่​กล่าว​อะไร​เลย​แม้แต่​ประโยค​เดียว

จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​โหวตำ​แหน่ง​สูงส่ง​อำนาจ​มาก​ล้น​ ​แต่​ทำ​เพียง​ต่อว่า​ไม่​กี่​ประโยค​โดย​ไม่​คิด​โจมตี​กลับ​อย่างนั้น​หรือ

…………………………………………………………………..