ตอนที่ 217 ใบหน้าที่แท้จริง
แต่อย่างไรแล้วนางก็เคยเป็นตำรวจเก่ามาก่อน แน่นอนว่าความสามารถในการปรับสภาพจิตใจค่อนข้างจะยอดเยี่ยมไม่น้อย นางรอจนหยุนเคอจัดการไก่ทั้งสองตัวจนสะอาดจากนั้นจึงเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับใบหน้าที่เป็นปรกติ
แม้ว่ารูปลักษณ์ของหยุนเคอจะไม่ค่อยดูดีนักแต่สำหรับหยุนเถียนเถียนแล้วเขาเป็นบุรุษที่มีน้ำใจยิ่ง ซึ่งในโลกใบเดิมหยุนเสียนเถียนเคยพบผู้ชายที่หล่อเหลามากมายมาก่อนแต่ก็ไม่มีใครทำให้นางใจเต้นแรงได้อย่างหยุนเคอ!
แล้วถ้าหยุนเคอเป็นคนที่ไว้ใจได้จริงๆ หากจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปก็ไม่เป็นไร…อย่างไรก็ตามเถียนเถียนรู้สึกว่านางก็ยังอยู่ได้สบายดี หากวันหนึ่งชายหนุ่มเปลี่ยนใจไปนางก็สามารถอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้
แต่เดี๋ยว…หยุนเคอยังไม่ได้เปิดปากกล่าวความรู้สึกที่แท้จริงเลยนี่!
เมื่อหยุนเถียนเถียนตระหนักถึงความจริงได้นางจึงเดินออกจากห้องนี้ไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง หยุนเคอพลันหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเย็นชาเช่นนี้ดูเหมือนว่าการโอบกอดนางไว้ในฐานะภรรยาช่างยากเย็นไม่น้อย
“เถียนเถียนเจ้าว่าข้าโกนหนวดดีไหม?”
หยุนเถียนเถียนถึงกับตกตะลึงนางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดเช่นนี้มาก่อนแววตาทอประกายวูบไหวอย่างลึกซึ้งก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“แน่นอนว่าต้องยอดเยี่ยมใบหน้าเจ้าไม่ได้เลวร้ายเลยแต่กลับปล่อยให้หนวดเคราดกดำทั่วหน้าไม่มีใครมองเห็นหน้าเจ้าสักคน!เดี๋ยวหลังจากเรากินข้าวเสร็จข้าจะโกนให้”
หยุนเคอพยักหน้ารับ“ขอบคุณ”
ไก่ฟ้าตุ้นเห็ดอร่อยไม่ยอกหยุนเกียนเถียนเก็บถ้วยอาหารบางส่วนใส่ตู้เอาไว้เพราะว่ามีบัณฑิตน้อยยังไม่ได้กลับมากินข้าว
ทั้งสองคนนั่งกินข้าวกันอย่างเงียบๆโดยที่ไม่รู้ว่าบรรยากาศนี้มันคืออะไร
หยุนเคอร่างใหญ่นั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กๆในลานบ้านท่าทางคับแคบทำให้เขาดูประหลาดไม่น้อย
แต่หากไม่ให้เขานั่งบนเก้าอี้เถียนเถียนรู้สึกว่าจะไม่สามารถโกนหนวดให้เขาได้
หนวดเคราผูกปมกันยุ่งเหยิงอยู่บนใบหน้าทำให้หยุนเสียนเถียนถึงกับขมวดคิ้วแน่นแม้ว่านางจะหยิบจับงานเย็บปักถักร้อยอยู่บ้างแต่เมื่อกรรไกรทอประกายแหลมคมออกมาดวงตาของหยุนเคอหรี่ลงพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟันเขากำลังอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อว่าหมู่บ้านเทพธิดา!
หยุนเถียนเถียนจดจ่ออยู่กับการตัดหนวดเคราบนใบหน้าทีละชั้นจึงไม่เห็นแววตาที่สับเปลี่ยนไปมาของหยุนเคอก่อนหน้านี้
หนวดเคราร่วงหล่นราวกับเกล็ดหิมะอยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้านในที่สุดใบหน้าของหยุนเคอถูกเปิดเผยออกมาได้บ้างโครงหน้าคมชัดถูกเผยต่อสายตาของหญิงสาว
แต่กรรไกรไม่สามารถจัดการกับหนวดเคราทั้งหมดได้ต้องใช้มีด!เช่นนี้หยุนเคอจึงหยิบมีดออกมาและยื่นให้หญิงสาวด้วยท่าทางสบายๆ
เมื่อหยุนเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นดวงตาถึงกับเบิกกว้างอย่างตกตะลึงหยุนเคอคนนี้ร้ายกาจยิ่งเขาซ่อนมีดสั้นไว้ที่น่องแล้วมัดไว้เพื่อปกปิดงั้นหรือ?หรือเป็นเพราะว่าเขาตกอยู่ในอันตรายบ่อยครั้งจึงต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา?
แต่สุดท้ายแล้วหยุนเสียนเถียนก็ฟื้นคืนสตินางเอามีดสั้นชุบน้ำอุ่นก่อนจะเริ่มขยับมันไปมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใดตอนนี้หนวดเคราถูกกำจัดออกจากใบหน้าของหยุนเคอโดยสมบูรณ์แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเสียนเถียนได้เห็นใบหน้าของคู่หมั้นตนอย่างเต็มตา
แม้ว่าหน้าตาจะไม่เหมือนกับชาวบ้านในหุบเขาแต่ก็มิใช่บัณฑิตที่หล่อเหลาในทางตรงกันข้ามกลับแตกต่างใบหน้าคมได้รูปแววตาคมปลาบแฝงไปด้วยความกล้าหาญ…
หยุนเถียนเถียนพบเจอบุรุษรูปงามมาแล้วนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เคยมีใบหน้าใดสามารถสะกดใจนางได้มาก่อนแต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายตรงหน้านางกลับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เมื่อหยุนเคอเห็นหญิงสาวตรงหน้าตกตะลึงเขาอดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะในใจนางคงจะพอใจในรูปลักษณ์ของเขาไม่น้อย!
“หยุนเคอเจ้าเลี้ยงหนวดเครามากมายเอาไว้เพื่อปกปิดตัวตนใช่หรือไม่?แล้วทำไมตอนนี้จึงคิดเปิดเผยเล่า?”
“คงไม่เป็นไรที่นี่ก็อยู่ไกลเมืองหลวงยิ่งเพียงแค่เปิดเผยใบหน้าเท่านี้พวกมันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”
หยุนเกียนเถียนกลอกตาไปมา“แล้วในเมื่อไม่เป็นอะไรทำไมเจ้าจึงไว้หนวดเคราตั้งแต่แรกล่ะ?ถ้าเจ้าโกนมันเร็วกว่านี้สตรีทั้งหมดในหมู่บ้านย่อมพุ่งตรงเข้าหาเจ้าแน่นอน!”
หยุนเคอถึงกับยิ้มออกมา“พูดจาไร้สาระอะไรกัน?ตอนนี้ข้าก็โกนหนวดเคราหมดสิ้นแล้วไม่เห็นว่าเจ้าจะพุ่งเข้าหาข้าบ้างเลย!”
“ก็เพราะข้ายังมีสติ!แต่เรื่องพวกนี้ก็ยากจะอธิบายหญิงสาวในหมู่บ้านส่วนมากชื่นชอบบัณฑิตที่ฉลาดแต่อ่อนแอคนกล้าหาญเช่นเจ้าคงไม่ใช่ที่นิยมชมชอบนักหรอก”
หยุนเคอหัวเราะเย้ย“ตอนแรกข้าอยู่ในเมืองปักกิ่งพวกนักปราญช์อ่อนแอมีเสน่ห์ยิ่งกว่าข้าจริงๆพวกเขาหล่อเหลาและหญิงสาวในเมืองล้วนตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบแต่ข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขานักหรอกยังไงซะมันก็ไม่จำเป็นอะไรเพราะข้าไม่คิดจะแต่งงานกับพวกผู้หญิงเช่นนั้นอยู่แล้ว”
เมื่อหยุนเคอกล่าวออกมาเช่นนี้หยุนเสียนเกียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหูซึ่งนางก็ไม่รู้เลยว่าเหตุใดจึงต้องรู้สึกเช่นนี้ด้วย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสุขยิ่งในเมืองหลวงมันก็ดีหากเจ้าสามารถใช้ใบหน้าหล่อเหลายั่วยวนทุกคนได้แต่หากไม่คิดแต่งงานก็ไม่ควรกระทำเช่นนั้น!เมื่อใดก็ตามที่เจ้าได้พบกับความรักที่ใฝ่หาเรื่องของเราสองคนจะสิ้นสุดลงทันที”
หยุนเถียนเถียนวางมีดสั้นในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงก่อนจะหันหลังกลับและเดินเข้าบ้านไปหยุนเคอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กด้วยใบหน้าสับสนเขาไม่เข้าใจสักนิดว่าสาวน้อยตรงหน้าเกิดหงุดหงิดอะไรขึ้นมาอีก
“ไม่แปลกที่เขาจะพร่ำบ่น…จิตใจสตรีเข้าใจยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร!”
หยุนเคอส่ายศีรษะเบาๆก่อนจะเริ่มจัดสวนอย่างเงียบเชียบตลอดทั้งบ่ายไม่มีใครมาเคาะประตูบ้านของเขาแม้สักคนมีเพียงหยุนเคอที่ยืนอยู่ในลานบ้านคนเดียวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เมฆสีแดงกำลอยอยู่บนฟ้าบอกว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำหยุนเถียนเถียนเดินออกมาจากห้องและมุ่งตรงเข้าครัวใบหน้าทิ้งตึงนั้นยิ่งทำให้หยุนเคอทำตัวไม่ถูก
แต่ขณะนั้นเองประตูบ้านด้านหน้าถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน
เป็นเฉินเฉินนั่นเอง…เด็กชายเดินเข้ามาและเขาเห็นว่ามีคนแปลกหน้ายืนอยู่หน้าห้องครัว
“เจ้าเป็นใคร?”
เฉินเฉินตะโกนดังลั่นด้วยเสียงเล็กๆของเขา
สิ้นเสียงหยุนเถียนเถียนออกมาจากครัวพร้อมกล่าวทักทายเด็กชายทันที“เฉินเฮ่อกลับมาแล้วหรือ?งั้นไปล้างมือให้สะอาดเตรียมตัวกินข้าว”
ใบหน้าของหยุนเคอพลันเคร่งขรึมก่อนกล่าวเสียงทุ่ม“ไอ้หนู!หากข้าไร้ซึ่งหนวดเคราเจ้าก็ไม่รู้จักข้าแล้วงั้นหรือ?”
เฉินเฉินเอียงคอไปมาก่อนจะถามต่อ“ท่านคือพี่ใหญ่หยุนงั้นหรือ?พี่ใหญ่หยุนหน้าตาเช่นนี้!”
หยุนเคอเลิกคิ้วสูงเด็กคนนี้คิดว่าเขาหน้าตายังไงกัน?หรือเด็กน้อยนี่กำลังมองว่าเขาน่าเกลียดหรือไร?
เฉินเฉินจับจ้องใบหน้าของหยุนเคออย่างพิจารณาในที่สุดดวงตาของเขาก็พลันทอประกายเจิดจ้าออกแต่ไม่มีใครรู้ว่าเด็กชายกำลังนึกคิดสิ่งใดอยู่!