“เฉินฮวนฮวน ตอนนี้เธออย่างกับหมาจนตรอกเลยนะ? “เฉินซินโหรวปิดปากของเธอและหัวเราะเบา ๆ
เธอมองไปที่เยี่ยจิ่งเฉินและพูดอย่างหนักแน่นว่า: “ในใจของฉันมีแค่อาเฉินและอาเฉินก็ชัดเจนกับฉัน เธอไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ของเราได้หรอก”
“หรือเพราะตอนนี้เธอโสด เลยรู้สึกเจ็บปวด? จริงๆแล้วเธอสามารถใช้เงินของเฉินเฟิงเหยี่ยนหาเลี้ยงผู้ชายโง่ๆก็ได้นะ! ” เฉินซินโหรวหันมองไปที่เฉินฮวนฮวนและกล่าวว่าอย่างเยาะเย้ย
เสี้ยววินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่ทนอีกต่อไป เธอสาดแก้วชานมที่ยังไม่ได้ปิดฝาไปบนใบหน้าของเฉินซินโหรว
“อ๊าย–” เฉินซินโหรวร้องเสียงดัง
เยี่ยจิ่งเฉินที่กำลังโอบเฉินซินโหรวอยู่นั้นก็โดนลูกหลงไปด้วยเช่นกัน ชานมกระเด็นใส่เต็มเสื้อของเขา
เขามองดูท่าทางที่รู้สึกขายหน้าของเฉินซินโหรวและจ้องไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างโกรธเคืองแล้วตะโกนใส่เธอว่า: “เฉินฮวนฮวน คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
“เหอะ! พวกคุณช่วยอยู่ให้ห่างจากฉันได้ไหม ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างพวกคุณ! “เฉินฮวนฮวนขู่ใส่เยี่ยจิ่งเฉิน
เฉินซินโหรวเช็ดใบหน้าของเธอพร้อมกับความอับอาย เยี่ยจิ่งเฉินหยิบกระดาษทิชชู่ที่เคาท์เตอร์ขึ้นมาเช็ดชานมบนเสื้อผ้าของเฉินซินโหรวทันที
“เฉินฮวนฮวน!” เฉินซินโหรวกำมือทั้งสองข้างแน่น ตอนนี้เธอโกรธจนเส้นเลือดขึ้นหน้า เธอกัดฟันกรอดและพูดว่า: “ฉันจะร้องเรียนเธอ! ฉันจะให้เจ้านายไล่เธอออก! ”
“ขออภัยนะ เธอไม่สามารถติดต่อเจ้านายของพวกเราได้ ตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่และไม่ว่างมารับโทรศัพท์หรอก”เฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะและหันไปทำชานมต่อ เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกต่อไป
ร้านชานมที่มหาวิทยาลัย A แห่งนี้เปิดโดยรุ่นพี่ของเธอ และตอนนี้รุ่นพี่ได้ไปเข้าร่วมรายการออดิชั่นวงไอดอลอยู่ เธอกำลังฝึกในค่ายและไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือของเธอได้หนึ่งเดือน
เพราะสถานการณ์นี้เธอเองก็ติดต่อพี่สาวไม่ได้เช่นกัน ขนาดตอนที่คิดจะขอยืมเงินรุ่นพี่สำหรับค่าผ่าตัดของยายยังติดต่อไม่ได้เลย
“เธอ! เธอ! เธอ! “เฉินซินโหรวโกรธมากจนพูดไม่ออก
เยี่ยจิ่งเฉินรีบปลอบเธอ: “ซินโหรว อย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวผมพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมใกล้ๆ แล้วพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าใหม่”
คำพูดที่อ่อนโยนของเยี่ยจิ่งเฉินทำให้ความโกรธของเฉินซินโหรวลดลงไป เธอจับใบหน้าที่เหนียวไปหมดของเธอและมองไปที่เฉินฮวนฮวน ตอนนี้ความโกรธถูกแทนที่ด้วยความพึงพอใจ
เธอจับผมที่เปียกของเธอและพูดอย่างยั่วยวนกับเยี่ยจิ่งเฉินว่า: “อาเฉิน คืนนี้ฉันจะไม่กลับบ้าน โอเคไหม?”
“โอเค!”แน่นอนว่าเยี่ยจิ่งเฉินเห็นด้วยโดยไม่มีความลังเลเลย
เขาเหลือบมองเฉินฮวนฮวนนิดเดียว จากนั้นก็มองไปที่เฉินซินโหรวอย่างอ่อนโยนและพูดว่า: “คืนนี้ผมจะทำให้คุณไม่มีแรงเลย”
“คุณใจร้ายจังเลย ฉันกลัวนะ อ่อนโยนกับฉันหน่อยสิ!” เฉินซินโหรวจงใจพูดให้เฉินฮวนฮวนได้ยิน
เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง เฉินฮวนฮวนก็ยังคงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาและยังตั้งอกตั้งใจคงชงชานมในมือของเธอต่อไป
อีกไม่นานคนส่งอาหารก็จะมารับออเดอร์ของเธอแล้ว เธอไม่อยากเสียเวลากับคนสองคนนี้
เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่มีการตอบสนองเฉินซินโหรวก็รู้สึกเซ็งและจับมือเยี่ยจิ่งเฉินออกจากร้านชานมไปทันที
ก่อนจากไป เธอจงใจพูดอีกครั้งว่า: “เฉินฮวนฮวน ตอนนี้เธอเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิงแล้ว รบกวนอย่ากลับมายุ่งวุ่นวายที่บ้านของเราอีก!”
“เฉินซินโหรว เธอเอาสินสอดตั้งสิบล้านไป อีกไม่นานก็จะถูกทวงคืน” เฉินฮวนฮวนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ใจของเฉินซินโหรวหล่นดัง “ตุ๊บ” ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่ได้หายไปทันที เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เฉินฮวนฮวน เธอไม่ต้องมาขู่ฉัน เพราะตอนนี้ตระกูลเฟิงได้ลงทุนให้ตระกูลเฉินแล้ว และตอนนี้เฉินซื่อกรุ๊ปก็ทำงานกันหนักมาก ยิ่งกว่านั้นสิบล้านคือสิ่งที่พ่อควรจะรับไว้อยู่แล้ว อุส่าห์เลี้ยงลูกมาตั้ง 20 ปี ได้รับสินสอดไปมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ? “เฉินซินโหรวรีบพูดและรีบพาเยี่ยจิ่งเฉินออกไปทันที
ในร้านน้ำชาที่เงียบสงบมีเพียงเฉินฮวนฮวนเท่านั้นที่กำลังหัวเราะกับตัวเอง
เฉินเจี้ยนหมิน เฉินเหม่ยเจวียน และเฉินซินโหรว
เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สามคนนี้อยู่อย่างมีความสุขแน่!
ฆาตกรที่ฆ่าคุณยาย เธอจะไม่ไม่มีวันให้พวกเขาได้ดี!
……
ตกกลางคืน
เฟิงหานชวนเพิ่งเสร็จจากการประชุมและกำลังจะกลับ แต่ก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิ่วเยว่เอ่อร์เสียก่อน
“คุณชายสาม เยว่เอ่อร์ได้เตรียมอาหารไว้ให้คุณแล้ว คุณจะกลับมากี่โมงเหรอคะ?”หลิ่วเยว่เอ่อร์ตั้งใจดัดเสียง
เสียงของเธอจริงๆนั้นไม่ได้หวานแบบนี้ แม้ว่าเธอจะสวยและมีหุ่นที่ดี แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเสียงของเธอนั้นธรรมดามาก
ดังนั้นเธอจึงจงใจดัดเสียงของเธอและจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน เพื่อพยายามเลียนแบบเสียงของเฉินฮวนฮวน
แต่เสียงที่นุ่มนวลและเหมือนน้ำผึ้งหวานของเฉินฮวนฮวนนั้นมันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นไม่ใช่เลย ดังนั้นเสียงที่เธอจงใจดัด มันทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกประหลาดๆอยู่เล็กน้อย
“ผมเพิ่งประชุมเสร็จ อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง”เฟิงหานชวนเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
วันนี้เขาไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่ รวมถึงตอนที่เข้าประชุมเขาก็หลุดโฟกัสอยู่บ่อยๆ
เพราะใจหัวเอาแต่คิดถึงเฉินฮวนฮวน ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ ริมฝีปากสีชมพูที่นุ่มนิ่มของเธอ และการแสดงออกที่น่าสงสารของเธอ
แม้ว่าเขาจะให้เวลาเธอสามวันในการคิด แต่เฉินฮวนฮวนจะโอเคไหมก็ไม่รู้?
เขามัวแต่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อ๊าย!”หลิ่วเยว่เอ่อร์กรีดร้อง เธอระงับความตื่นเต้นของเธอและพูดต่อว่า: “ถ้าอย่างนั้นเยว่เอ่อร์จะรออยู่ที่บ้านนะคะ รอให้คุณกลับมา”
“อืม”เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชาและวางสายเธอไป
เขาลุกขึ้นเดินไป ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขากลับไปที่โต๊ะและหยิบบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก
นี่คือข้อมูลของหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ซูอวี่ส่งมาให้เมื่อเช้านี้ แต่เขายังไม่ได้อ่านมันเลย
อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจข้อมูลของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทั้งหมดเป็นเพียงเพราะเขารู้สึกผิด กระทั่งตอนที่บอกไปว่าจะรับผิดชอบ แต่ในใจของเขากลับไม่ได้ต้องการที่จะรับผิดชอบจริงๆ
เขาสามารถให้ชีวิตที่ดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้และสามารถชดเชยให้เธอได้มากกว่านี้ แต่เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เลยสักนิด
เมื่อพลิกกลับมาที่หน้าแรก เขาอ่านวนมันอยู่สองสามครั้งและทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หลิ่วเยว่เอ่อร์มีแฟนแฟนอยู่แล้ว เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย A เช่นกัน เขาเป็นรุ่นพี่ของหลิ่วเยว่เอ่อร์และชื่อของเขาคือเกาจวินเซวียน และหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็ชอบเกาจวินเซวียนมาก ทั้งสองคบกันมานานกว่าครึ่งปีแล้วด้วย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกว่าภาระบนไหล่ของเขาหายไปในพริบตา เขาเดินออกไปจากออฟฟิศของบริษัททันที
หลังจากไปเอารถที่ลานจอดรถใต้ดินแล้ว เฟิงหานชวนขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับ แต่ไม่ได้ขับรถออกไปในทันที เขาเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัท์
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเขาก็กดโทรออก
ในขณะเดียวกันตอนนี้เป็นช่วงที่ในร้านกำลังวุ่นวายอยู่พอดี มีคนมากมายภายในร้านชานมจนทำให้เฉินฮวนฮวนยุ่งมาก
จู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ และเมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเข้ามา เธอก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก
แม้ว่าเธออยากจะวางสายแต่นิ้วของเธอกลับกดรับสายเสียอย่างนั้น
“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
“เฉินฮวนฮวน วันนี้วันสุดท้ายแล้ว คุณได้ไปคิดมาบ้างหรือยัง?”