ตอนที่ 299 พลังวิญญาณในระดับสีส้ม (3)
ล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่มที่มีอายุราวสิบกว่าปี นับตั้งแต่วงแหวนภูติวิญญาณถูกปลุกขึ้นมา ระยะเวลาที่พวกเขาฝึกฝนพลังวิญญาณมากสุดก็แค่สามปีกว่าเท่านั้น เวลาแค่นี้คนส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ในระดับปราณสีแดง พลังในระดับปราณสีส้มเป็นระดับที่พวกเขาแม้แต่คิดก็ยังไม่กล้าคิด!
คนหนุ่มสาวที่มายังสำนักชิงอวิ๋นต่างก็มุ่งศึกษาเรื่องการแพทย์ พวกเขามีความสามารถในด้านที่ต่างกัน หลังจากทุ่มเทจิตใจและกำลังเพื่อศึกษาความรู้เรื่องการแพทย์ พวกเขาจึงไม่มีเวลามากมายนักในการบ่มเพาะพลังวิญญาณ ดังนั้นจึงมีคนอายุต่ำกว่ายี่สิบปีที่ยังมีพลังวิญญาณในระดับปราณสีแดงอยู่มากมาย
แต่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะอายุไม่เกินสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้น แต่เขากลับสามารถทะลวงผ่านพลังในระดับปราณสีแดงสู่พลังระดับขั้นสีส้มได้
วงแหวนภูติวิญญาณจะถูกปลุกข้นตอนอายุสิบสี่ปีเท่านั้น ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีในการตัดผ่านพลังในระดับปราณขั้นสีแดงขึ้นสู่ขั้นสีส้ม
นี่…มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ชายหนุ่มเหล่านั้นต่างตกใจและตกตะลึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้ความสามารถในด้านการบำรุงกล้ามเนื้อและเส้นลมปราณที่ยอดเยี่ยมของจวินอู๋เสียที่เปิดเผยต่อหน้ามู่เฉิน เพราะแม้ว่านางจะเป็นคนที่ตั้งใจฝึกฝนพลังวิญญาณมากเพียงใด นางก็ไม่ควรตัดผ่านระดับได้รวดเร็วเยี่ยงนี้
เจ้าเด็กคนนี้มันโตมากับอะไรกัน!
มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมไม่พอ ระดับพลังวิญญาณของมันก็ยังสูงกว่าพวกเขาเสียอีก!
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
ความแตกต่างของระดับพลังวิญญาณก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มเหล่านี้ที่มีอายุมากกว่าจวินอู๋เสียคุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เสีย แม้ว่าจะแตกต่างกันเพียงแค่ระดับเดียว แต่พลังวิญญาณในระดับขั้นสีแดงเป็นเพียงระดับเริ่มต้นของผู้ใช้พลังวิญญาณเท่านั้น ในขณะที่พลังวิญญาณในระดับขั้นสีส้มถึงจะถือได้ว่าก้าวเข้าสู่ประตูของการฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างแท้จริง ความแตกต่างระหว่างทั้งสองระดับนี้จึงเห็นได้อย่างชัดเจน
นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียใช้พลังวิญญาณในการโจมตี พลังที่น่าอัศจรรย์นี้ได้ปะทุวิ่งพล่านอยู่ในร่างกายของนางและเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนางซึ่งมันรู้สึกดีมาก
นางมองดูชายหนุ่มเหล่านั้นที่ล้มลงกับพื้นด้วยสายตาเย็นชา ทันทีที่ชายหนุ่มเหล่านั้นเห็นจวินอู๋เสียมองมาด้วยสายตาแบบนั้น ก็ตกใจมากจนขาทั้งสองข้างเริ่มสั่น
ในเวลานี้ หัวใจของชายหนุ่มเหล่านี้แทบแตกสลาย เดิมทีพวกเขาคิดว่าคนที่ชื่อเฉียวฉู่จะเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด แต่ไม่คิดว่าคนคนนี้จะน่ากลัวยิ่งกว่า
แต่จะโทษว่าพวกเขามีตาหามีแววไม่ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรจวินอู๋เสียคนนี้ก็ดูไม่เหมือนคนที่มีพลังในระดับปราณที่ทรงพลังเยี่ยงนี้เลย
แต่ความจริงกลับโหดร้ายยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของพลังในระดับปราณขั้นสีส้มที่โดนไปทั้งร่างกายทำให้ศีรษะของพวกเขาทุกคนกลายเป็นหัวหมูเพราะถูกโจมตีจนหน้าบวมไปหมด
“อยากตายหรือ” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงแล้วมองชายหนุ่มเหล่านั้นที่หวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร นางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชายหนุ่มเหล่านั้นต่างร้องคร่ำครวญ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็วราวกับว่ามีวิญญาณชั่วร้ายไล่ตามหลังพวกเขาอยู่
เฉียวฉู่ที่ตั้งใจมาหาที่ห้อง มองชายหนุ่มเหล่านั้นที่วิ่งหน้าซีดออกมาจากห้องของจวินอู๋เสียอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ หยุดชะงักไปนานและยังไม่รู้สึกตัว
“พวกเขากำลังทำอะไร” เฉียวฉู่ยื่นศีรษะของเขาเข้าไปถามจวินอู๋เสียที่อยู่ในห้องและเห็นว่าจวินอู๋เสียแต่งกายเรียบร้อยและสีหน้าก็ดูเป็นปกติดีไม่เหมือนว่าถูกรังแก แต่เจ้าพวกนั้นกลับวิ่งออกไปด้วยใบหน้าที่ขาวซีดอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตาย” จวินอู๋เสียกล่าวออกมาเบาๆ และกระจายพลังวิญญาณสีส้มในฝ่ามือของนาง
เฉียวฉู่สังเกตเห็นพลังวิญญาณสีส้มที่หายไปจากมือของจวินอู๋เสีย เขากะพริบตาและสงสัยว่าเขาตาฝาดไปหรือไม่
น้องเสียอายุสิบสี่ปีกว่ามิใช่หรือ คิดว่าวงแหวนภูติวิญญาณน่าจะถูกปลุกไม่ถึงครึ่งปี เป็นไปไม่ได้ที่พลังวิญญาณของเขาจะผ่านจากระดับพลังวิญญาณขั้นสีแดงมาถึงขั้นสีส้มรวดเร็วปานนี้
ข้ามองผิดอย่างแน่นอน!
ทันทีที่เฉียวฉู่ยกขาจะเดินเข้าห้อง จวินอู๋เสียก็ปิดประตูห้องทันที เฉียวฉู่เกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อจมูกของเขาชนกับประตู
“ข้าต้องการพักผ่อน” ประโยคไล่ของจวินอู๋เสียดังออกมาจากห้อง เฉียวฉู่จึงทำได้เพียงถูจมูกที่แดงของตัวเองแล้วเดินกลับไปที่ห้องของเขาอย่างเงียบๆ
อารมณ์ของน้องเสียนั้นแปลกจริงๆ
ตอนที่ 300 ในสถานการณ์เลวร้ายก็ยังมีเรื่องดีอยู่ (1)
เช้าวันรุ่งขึ้น จวินอู๋เสียออกมาจากห้องแล้วไปที่สวนสมุนไพรของยอดเขาเร้นเมฆา
เคอฉังจวีชอบปรุงยาพิษ จึงมีสวนสมุนไพรอยู่ทั่วยอดเขาเร้นเมฆาและยาสมุนไพรที่ปลูกนั้นก็มีมากมาย
ไม่สามารถใช้ยอดสุราธาราหยกหล่อเลี้ยงบัวหิมะซังอวี้ให้ดูดซับพลังวิญญาณได้ จวินอู๋เสียจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเองด้วยการดูดซับพลังวิญญาณที่เล็กน้อยจากสมุนไพรที่กำลังเจริญเติบโตในสวนสมุนไพรพวกนี้
หลังจากใช้พลังวิญญาณในการโจมตีเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ จวินอู๋เสียก็ตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าพลังพิเศษของโลกนี้นั้นทรงพลังเพียงใด แม้ว่านางจะมีความสามารถทางการแพทย์ แต่ดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
คำสั่งของฮวาเหยาทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายได้ใช้ชีวิตเป็นปกติ ในทุกวันพวกเขาไม่ต้องทนหิวโหยและไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป พวกเขามีหน้าที่ดูแลดอกไม้และต้นไม้ในยอดเขาเร้นเมฆาเท่านั้น
ในช่วงเช้าตรู่ ชายหนุ่มหลายสิบคนก็ยกถังน้ำแล้ววิ่งไปที่สวนสมุนไพรต่างๆ แล้วรดน้ำสมุนไพร
แปลกมากชายที่หนุ่มกลุ่มเมื่อวานที่ไม่พอใจจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ เช้าวันนี้ทันทีที่พวกเขาเห็นจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่พวกเขาก็เดินอ้อมไปอีกทางทันที แต่ละคนดูตกใจกลัวมากทำให้สวนสมุนไพรบริเวณที่จวินอู๋เสียอยู่ ไม่มีใครดูแล มีเพียงเฉียวฉู่ที่ยกถังน้ำแล้วรดน้ำยาสมุนไพรรอบๆ ด้วยสีหน้าท้อแท้
“น้องเสีย เพราะเหตุใดเราต้องมาปลูกดอกไม้ต้นไม้พวกนี้ด้วย เหตุใดไม่ไปหาพี่ฮวาเล่า” เฉียวฉู่รู้สึกเบื่อมากหลังจากรดน้ำทั้งถังหมดแล้ว เขานั่งพิงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างแล้วคาบหญ้าไว้ในปาก มือประสานกันบริเวณท้ายทอยแล้วมองจวินอู๋เสียที่กำลังจดจ่ออยู่กับการดูแลสมุนไพร
จอมวายร้ายตัวน้อยที่มีศาสตร์ด้านการหลอมโอสถ ปรุงยาพิษได้ แถมยังมีเล่ห์เหลี่ยมกำลังนั่งอยู่ในสวนสมุนไพรด้วยความสนใจ ภาพนี้มองอย่างไรก็เข้าใจได้ยาก
จวินอู๋เสียไม่สนใจเสียงถอนหายใจของเฉียวฉู่ ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่สวนสมุนไพรตรงหน้านาง สมุนไพรที่ปลูกที่นี่เป็นสมุนไพรที่มีค่าอย่างยิ่ง จวินอู๋เสียเคยเห็นมันในหนังสือมาก่อน ตอนที่อยู่จวนหลินอ๋อง นางมีโอสถพิเศษหลายอย่างที่ไม่สามารถหลอมได้ มิใช่เพราะเหตุใดแต่เพราะยาสมุนไพรไม่เพียงพอ
ปริมาณสมุนไพรในรัฐชีมีจำนวนจำกัด สมุนไพรที่ล้ำค่าบางตัวแม้แต่มั่วเฉี่ยนยวนก็หามาไม่ได้ จวินอู๋เสียได้นำสมุนไพรที่มีค่าทั้งหมดในคลังออกมาแล้วแต่ก็ยังขาดอีกมากมาย
ไม่คิดว่าจะมีสมุนไพรมากมายที่นางต้องการมานานในยอดเขาเร้นเมฆา เมื่อมีสิ่งเหล่านี้จวินอู๋เสียก็สามารถหลอมโอสถที่แต่ก่อนนางไม่สามารถหลอมได้
และนางยังค้นพบอีกว่ายิ่งเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่า ในช่วงเวลาที่มันเติบโตพลังวิญญาณที่มันปลดปล่อยออกมาให้นางซึมซับนั้นก็จะยิ่งมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ดีเท่าบัวหิมะซังอวี้แต่ก็ดีกว่ายาสมุนไพรทั่วไปมากโข
การค้นพบนี้ทำให้จวินอู๋เสียเต็มไปด้วยพละกำลัง เพราะไม่ว่าอย่างไรการฝึกฝนพลังของนางก็ไม่ต่างจากชาวสวน ปลูกอะไรก็เหมือนกัน
จวินอู๋เสียอยู่ในสวนสมุนไพรทั้งวัน แต่เฉียวฉู่รู้สึกเบื่อมากจึงวิ่งไปขอความรักจากพี่ฮวา
ตกกลางคืน จวินอู๋เสียก็ยังไม่ยอมออกจากไปสวนสมุนไพรนี้ รอบข้างสวนสมุนไพรของยอดเขาเร้นเมฆาจะจุดไฟทุกคืนเพื่อให้ผู้คนสามารถดูแลยาสมุนไพรอันล้ำค่าเหล่านี้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
ภายใต้แสงจันทร์ จวินอู๋เสียนั่งมองต้นน้ำแข็งหนึ่งต้นอยู่ข้างๆ สวนสมุนไพร ทันใดนั้นความอบอุ่นจางๆ ก็แผ่ออกมาจากแขนเสื้อของนาง นางจึงหยิบมันออกมา ไข่มุกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เย่าได้โยนไข่มุกเสริมพลังให้กับเจ้าดอกบัวขาวเพื่อเป็นการชดเชย ตอนที่เจ้าดอกบัวขาวเปลี่ยนร่างเป็นบัวหิมะซังอวี้เพื่อฝึกฝนพลัง ไข่มุกนี้ก็จะถูกเจ้าดอกบัวขาวสวมไว้ แต่หลังจากเขากลับเข้าไปในร่างกายของจวินอู๋เสีย เขาไม่สามารถนำมันเข้าไปได้จึงมอบให้จวินอู๋เสียดูแลแทน