บทที่ 173 จุดจบที่สมควรได้รับ
สถานการณ์ทางนี้ที่ร้อนใจอยู่นั้นช่างต่างกับอีกฝ่ายเหลือเกิน ด้านส้งหวั่นหวั่น ลี่จีถอง และเจียงหนิงเอ๋อ ทั้งสามคนนั้นกำลังนั่งดื่มกาแฟกันอย่างมีความสุข ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ
ทั้งสามคนล้วนกำลังถือโทรศัพท์อยู่ กำลังเปิดอ่านคอมเม้นวิพากษ์วิจารณ์เจียงหยุนเอ๋อด้วยคำพูดไม่ดีพวกนั้นบนโลกออนไลน์ สีหน้าทุกคนยิ้มออกมาอย่างสดใสเหลือเกิน
“ว้าว พวกเธอเห็นนี่หรือยัง ตอนนี้ในเน็ตด่าทอเจียงหยุนเอ๋อแย่สุด ๆ ไปเลย เหอะ ในที่สุดยัยบ้านั่นก็พบกับจุดจบที่สมควรได้รับ”
ลี่จีถองเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดู สายตานั้นปกปิดความยโสโอหังเอาไว้ไม่ได้
ส้งหวั่นหวั่นมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างระแวดระวัง กลัวจะมีใครมาเห็นเข้า เธอรู้สึกไม่พอใจกับการพูดจาไม่เกรงกลัวใครของลี่จีถอง
ผู้หญิงคนนี้เป็นยังไงกันแน่? ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะแท้ ๆ ยังจะพูดออกมาเสียงดังแบบนั้นอีก ไม่รู้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากน้อยแค่ไหน
สำหรับความรอบคอบเหล่านี้ของส้งหวั่นหวั่น เจียงหนิงเอ๋อและลี่จีถองไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
ถึงขนาดที่เจียงหนิงเอ๋อเห็นลี่จีถองแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามออกมา ยังดีอกดีใจไปกับลี่จีถองด้วย ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองไปตรงหน้าเธอ : “อืมจริง เธอดูท่อนนี้สิ ด่าจนแทบทำให้คนอาละวาดได้เลย!”
ได้ยินดังนั้น ส้งหวั่นหวั่นที่ดูสงบนิ่งมาตลอด ดวงตาก็มีประกายออกมา แล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า : “หืม? พูดอะไรกันบ้างเหรอ?”
เจียงหนิงเอ๋อยื่นโทรศัพท์ไปให้ดูอย่างไม่ลังเล เมื่อเห็นคำพูดพวกนั้นบนหน้าจอ ส้งหวั่นหวั่นก็เกือบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้
ส้งหวั่นหวั่นเม้มปากเบา ๆ แล้วเอ่ยพูด : “ดูท่าทาง ครั้งนี้บริษัทที่เจียงหยุนเอ๋ออยู่นั้น คงไม่มีที่ให้ฟื้นตัวแล้วล่ะ? เหอะ ฉันจะคอยดู ว่าต่อไปมันจะยังอวดดีได้อีกไหม!”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของส้งหวั่นหวั่นก็แวววาวมากขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองก็กำลังพูดเสียงดังออกมา ทำเหมือนกับลี่จีถองที่ตัวเองดูถูกไปเมื่อกี้ไม่มีผิด
ทุกคนสบตากัน สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความสุขและความสะใจ
หลังจากนั้น ทุกคนก็พากันดื่มชายามบ่ายกันต่อไปอยู่ที่นั่นด้วยความอารมณ์ดี
อีกด้านหนึ่ง เจียงหยุนเอ๋อนั้นกำลังยุ่งจนหัวหมุน
สำหรับเจียงหยุนเอ๋อแล้ว เรื่องนี้ถือว่าจัดการได้ยากมาก จำเป็นต้องจัดการให้ดี
ถ้าหากเกิดข้อบกพร่องอะไรขึ้นอีกระหว่างจัดการเรื่องนี้นั้น บริษัทของพวกเขาได้ตายแน่ ๆ
หลังจากที่ตัวเองได้รับตำแหน่งประธานบริษัท เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับบริษัทนั้นมีมากขึ้นทุกวัน จะต้องมีคนจ้องทำร้ายตัวเองอยู่แน่นอน
ลับหลังจะเป็นใครกันบ้างนั้น เธอเองก็พอจะรู้อยู่บ้าง
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปหาคนพวกนั้นเพื่อเจรจา แต่ควรจะรีบจัดการเรื่องที่บริษัทให้เรียบร้อยซะก่อน
สุดท้าย เจียงหยุนเอ๋อก็คิดหาวิธีแก้ปัญหาได้
อันดับแรก เจียงหยุนเอ๋อปฏิเสธข้อเรียกร้องในการคืนสินค้าทั้งหมด
ต่อมา ได้ประกาศแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมา ยืนหยัดว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นเป็นทางพวกเขาคิดค้นและผลิตขึ้นด้วยตัวเอง แต่ทางบริษัทเซียวซื่อได้เป็นฝ่ายขโมยสูตรไป เรื่องนี้ ทางบริษัทพวกเขาไม่มีทางยอมยุติเรื่องราวไปอย่างนี้แน่นอน ทางบริษัทได้ตัดสินใจที่จะฟ้องร้องบริษัทเซียวซื่อ
หลังจากที่บริษัทเซียวซื่อได้รับข่าวสารนี้ ก็รีบเอาคืนทันที
เรื่องนี้กลายเป็นซับซ้อนมากขึ้นทุกที คนนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรจำนวนมากทำได้เพียงเฝ้าดูกันไป คอยติดตามว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ผู้คนจำนวนมากค่อนข้างที่จะเชื่อฝ่ายบริษัทเซียวซื่ออย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงได้มาพบหน้ากัน เขารู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อกังวลใจกับเรื่องนี้มาก ด้วยความที่อยากจะทำอะไรเพื่อเจียงหยุนเอ๋อบ้าง ลี่จุนถิงจึงได้ดึงดันที่จะพบกับเจียงหยุนเอ๋อให้ได้
ตอนที่พบหน้ากัน สภาพเจียงหยุนเอ๋อดูกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากไม่ใช่เพราะลี่จุนถิงดึงดัน เธอก็ไม่อยากออกมาเลยสักนิด คิดเพียงแค่อยากอยู่ในบริษัทหารือเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ว่าจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
“เรื่องที่บริษัท ฉันได้ข่าวแล้ว ครั้งนี้ที่เรียกเธอออกมา ก็เพื่ออยากหารือกับเธอเรื่องมาตรการรับมือ”
ลี่จุนถิงแทบจะมองออกหมดว่าเจียงหยุนเอ๋อคิดอะไรอยู่ จึงได้เอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา และอยากให้เจียงหยุนเอ๋อสบายใจขึ้นมาสักหน่อย
ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์ของเจียงหยุนเอ๋อจะดูค่อนข้างแย่ แต่ว่า……ตัวเองยังคงอยู่เคียงข้างเธอ คอยช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถ
เมื่อได้ยินที่ลี่จุนถิงพูด สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อก็ดูอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม : “นายคิดว่าควรทำยังไงดี?”
การจัดการเรื่องแบบนี้ ลี่จุนถิงถือว่ามีประสบการณ์มากกว่าตัวเองแน่นอน ฉะนั้น เจียงหยุนเอ๋อจึงคิดได้ว่าควรจะฟังความเห็นเขาสักหน่อย
“วิธีที่ดีที่สุด ก็คือค้นหาที่มาของสูตรนี้” ลี่จุนถิงเอ่ยขึ้น
เจียงหยุนเอ๋องงงวยเล็กน้อย สักครู่ก็เข้าใจขึ้นมาว่าที่ลี่จุนถิงพูดนั้นหมายความว่ายังไง
สูตรครั้งนี้เป็นความลับอย่างมาก แม้แต่คนในบริษัทเอง ก็มีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้
ดังนั้น ควรจะสืบหาจากคนพวกนั้นทีละคน
เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที รีบเอ่ยพูดขึ้นมาว่า : “ขอบคุณนายนะ จุนถิง!”
ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูด : “หืม? กับฉันจำเป็นต้องเอ่ยขอบคุณด้วยเหรอ?”
เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยพูดอย่างเคอะเขิน : “ก็คิดขึ้นมาได้……ก็เลยพูดไปอย่างนั้น ฉัน……ตอนนี้ฉันต้องรีบกลับบริษัทแล้ว รอจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฉันค่อยไปหานายนะ!”
พูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็หยิบกระเป๋าตัวเอง แล้วรีบจากไป
มองแผ่นหลังของเจียงหยุนเอ๋อที่จากไป ลี่จุนถิงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
ที่จริง เรื่องพวกนี้ เขาสามารถช่วยเจียงหยุนเอ๋อจัดการได้อย่างดี แต่ว่า ในเมื่อเจียงหยุนเอ๋ออยากจัดการด้วยตัวเอง เขาก็ไม่อยากไปขัด
เจียงหยุนเอ๋อเข้าใจดีแล้ว รู้ว่าคนที่รู้สูตรพวกนั้นก็คือคนในแผนกวิจัยและยังมีคนในตำแหน่งระดับสูงของแผนกอื่น ๆ ในบริษัทอีก ฉะนั้นเธอจึงเรียกคนพวกนั้นมาที่ห้องทำงานของตัวเอง
เจียงหยุนเอ๋อตั้งใจถามพวกเขาทีละคน ขณะที่ถามถึงคนที่รับผิดชอบในแผนกวิจัย คนนั้นก็มีท่าทีที่แข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านประธาน ผลิตภัณฑ์พวกนี้พวกเราลำบากตรากตรำคิดค้นขึ้นมา คุณต้องให้คำอธิบายกับพวกเราให้ได้!”
ผู้รับผิดชอบนั้นแสดงท่าทีโกรธเคืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ท่าทีอย่างนี้ของเขา เจียงหยุนเอ๋อก็พอเข้าใจได้ จึงรีบเอ่ยปลอบใจ : “วางใจเถอะ ฉันกำลังตรวจสอบอยู่”
“อ้อ จริงสิ ช่วงนี้คุณใกล้ชิดกับใครบ้าง?” เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วเอ่ยถาม กังวลว่าผู้รับผิดชอบจะเผลอไปบอกให้คนอื่นรู้โดยไม่ได้ระวัง
เมื่อได้ยินที่เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยถาม ผู้รับผิดชอบก็บอกออกมาจนหมด แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในบริษัททั้งนั้นที่เขาใกล้ชิดด้วย ข้อมูลพวกนี้แทบจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเท่าไหร่นัก