บทที่ 158 เสี่ยวอี้ฟื้นขึ้น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 158 เสี่ยวอี้ฟื้นขึ้น

บทที่ 158 เสี่ยวอี้ฟื้นขึ้น

กู้เสี่ยวหวานป้อนยาให้กู้เสี่ยวอี้ทีละช้อน

หลังจากป้อนยาเข้าปากแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็รออย่างใจจดใจจ่อ

“หมอเหลยบอกว่าตราบใดที่ใช้ยานี้ เสี่ยวอี้จะตื่นขึ้นภายในครึ่งชั่วยาม! ” ฉือโถวพูดปลอบกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน เจ้าไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเรียบร้อย!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าขอบคุณ จ้องมองกู้เสี่ยวอี้โดยไม่กะพริบตา

ห้องนี้อบอุ่น และเมื่อสักครู่กู้เสี่ยวหวานก็ได้ป้อนยาแล้ว แก้มของกู้เสี่ยวอี้จึงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

แน่นอนว่าหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม กู้เสี่ยวอี้ก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นพี่สาวที่ไม่ได้เจอหน้านานก็เรียกเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่……”

กู้เสี่ยวหวานตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก ทำได้แค่กอดกู้เสี่ยวอี้พร้อมหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน

ท่านป้าจางก็ปาดน้ำตา ตื่นเต้นมากเช่นกัน “พระโพธิสัตว์คุ้มครอง พระโพธิสัตว์คุ้มครองแล้ว!”

กู้เสี่ยวอี้ได้รับบาดเจ็บและเพิ่งตื่นขึ้น แต่ยังอ่อนแอมาก ดังนั้นนางจึงหลับตาและผล็อยหลับไปอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานรีบเรียกเด็กจ่ายยาด้วยความกลัว และเด็กจ่ายยาก็พูดอย่างรังเกียจ “หลังจากกินยาไปแล้ว สามารถฟื้นได้ก็ถือว่าไม่เลว! ยังคงคาดหวังให้นางมีกำลังประดุจมังกรเหินพยัคฆ์กระโจน*อีกหรือ? อาจารย์ข้าจ่ายยาสามสิบห่อ ก็เพราะว่าเขามีเหตุผล! ในเมื่อคนป่วยตื่นแล้ว ทุกคนก็กลับไปซะ ข้าจะปิดประตูแล้ว!”

*คำอุปมาแปลว่ามีชีวิตชีวาและมีพลัง

“น้องชาย ให้พวกเราพักที่นี่กันสักคืนเถอะ แล้วพรุ่งนี้เราจะกลับแต่เช้า ตกลงหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียใจกับน้องสาวที่เพิ่งฟื้น หากว่าต้องกลับไป นางก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวอี้จะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน

“ไม่ได้ ๆ โรงหมอของเรามียาล้ำค่ามากมาย ใครจะรับผิดชอบถ้าของหาย!” เด็กจ่ายยาเร่งเร้าพวกเขาอย่างไม่อดทน “เก็บของแล้วรีบไปซะ ข้าจะปิดประตู!”

เมื่อไม่มีทางอื่น ฉือโถวจึงอุ้มเสี่ยวอี้และออกไป ทั้งสี่ยืนอยู่บนถนนคิดว่าถ้าจะกลับต้องเดินอีกเป็นชั่วโมง นอกจากนี้ นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว และยังมีคนป่วยอีก อีกทั้งยังไม่มีตะเกียงและรถ

“ท่านป้าจาง เราไปหาโรงเตี๊ยมกันเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานวางใจลงเปลาะหนึ่งแล้ว หาน้องสาวพบแล้ว และนางก็ฟื้นแล้วเช่นกัน ไม่มีอะไรทำให้ตื่นเต้นและโล่งใจไปกว่านี้อีกแล้ว

ทั้งหมดพบโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งและขอจองห้องพัก

เดิมทีกู้เสี่ยวหวานต้องการจองสองห้อง แต่ท่านป้าจางยืนกรานไม่เห็นด้วย โดยบอกว่านางกับฉือโถวจะนอนบนพื้น

กู้เสี่ยวหวานจะเห็นด้วยได้อย่างไร แต่ท่านป้าจางก็ปฏิเสธ ในโรงหมอเมื่อสักครู่ กู้เสี่ยวหวานใช้เงินไปหกร้อยตำลึงเงินในคราวเดียว ช่วงเวลานี้ครอบครัวกู้มีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว แต่ท่านป้าจางก็ไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีเงินมากมายขนาดนี้!

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ที่จ่ายไปหกร้อยตำลึงเงิน ก็ไม่สามารถจ่ายไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

ท่านป้าจางรู้สึกเสียใจกับกู้เสี่ยวหวาน และไม่ยอมให้กู้เสี่ยวหวานใช้เงินอีกต่อไป ด้วยคำปฏิเสธของท่านป้าจาง กู้เสี่ยวหวานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้

อย่างไรก็ตาม นางขอให้เสี่ยวเอ้อเตรียมอาหารและส่งไปที่ห้อง

ภายใต้แสงเทียนสลัวราง กู้เสี่ยวหวาน ท่านป้าจาง และฉือโถว กำลังนั่งกินข้าวมื้อแรกของทั้งวันอยู่ที่โต๊ะ ไม่สิ! สำหรับกู้เสี่ยวหวาน นี่เป็นมื้อแรกในสองวัน และทุกคนก็มีความรู้สึกปนเปกัน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงความรู้สึกที่ลึกที่สุด

ในเวลานี้ กู้เสี่ยวหวานก็คิดถึงคนสองคนที่อยู่เคียงข้างตนตลอดเวลา

กู้เสี่ยวหวานจับมือท่านป้าจางอย่างขอบคุณและถอนหายใจเงียบ ๆ “ท่านป้าจาง หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคง……”

“เด็กโง่ ไม่เป็นไร!” ท่านป้าจางรู้ว่าปัญหาของกู้เสี่ยวหวานไม่ใช่เรื่องง่าย ในสองวันมานี้ไม่รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด

กู้เสี่ยวอี้ยังคงนอนอยู่บนเตียงและน้องชายอีกสองคนกำลังเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย กู้เสี่ยวหวานต้องใช้ความพากเพียรและความอดทนอย่างมากในการสนับสนุนครอบครัวนี้ด้วยตัวเอง ใช่ว่าท่านป้าจางจะไม่รู้เรื่องนี้

ย้อนกลับไปยามที่ท่านลุงจางสูญเสียขา เขาทำได้แค่นอนบนเตียง และเรื่องต่าง ๆ ก็พึ่งพาได้เพียงท่านป้าจางเท่านั้น

ในเวลานั้นที่ท่านป้าจางรู้ ก็ราวกับท้องฟ้าถล่มลงมา

แต่เพื่อฉือโถวและเพื่อหัวหน้าครอบครัวที่นอนอยู่บนเตียงในห้อง ท่านป้าจางจึงต้องกัดฟันเพื่อผ่านมันไปให้ได้

เช่นเดียวกับสถานการณ์ตอนนี้ในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน ไม่มีผู้ใหญ่ในครอบครัวที่จะสนับสนุน และทุกอย่างมีเพียงกู้เสี่ยวหวานวัยแปดขวบเป็นคนจัดการเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะแบกรับเรื่องทั้งหมดไว้บนไหล่บอบบางเพียงคนเดียว

“ท่านป้าจาง พี่ฉือโถว สองวันมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานขอบคุณทุกคนอย่างจริงใจ

“พ่อแม่ของเจ้าด่วนจากเร็วเกินไป เรื่องต่าง ๆ ในครอบครัวนี้ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า คนที่ลำบากที่สุดก็คือเจ้า เสี่ยวหวาน!” ท่านป้าจางจับมือกู้เสี่ยวหวานและรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

“ไม่ว่าข้าจะลำบากหรือเหนื่อยเพียงใด ข้าก็จะดูแลน้อง ๆ ชายหญิงทั้งสาม! พวกเขาเป็นญาติที่เหลือเพียงกลุ่มเดียวในโลกนี้!” ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานมั่นคง ในดวงตาสะท้อนแสงเทียนสลัว

หลังกินอาหารเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็นอนบนเตียงด้านนอก หลังเหน็ดเหนื่อยมาสองสามวัน กู้เสี่ยวหวานก็ผล็อยหลับไปทันทีที่ศีรษะสัมผัสหมอน

“เสี่ยวหวาน ข้าคิดว่าพรุ่งนี้เราควรไปหาหนิงอันและหนิงผิงที่สำนักศึกษาแต่เช้า!” ท่านป้าจางแนะนำ “มันไม่ปลอดภัยจริง ๆ สำหรับเจ้าและเสี่ยวอี้ที่จะอยู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาสะใภ้สามของเจ้า……”

ทันทีที่ท่านป้าจางพูดถึงเฉาซื่อ นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เหล่ากู้ผู้นี้ทำบาปอะไรในชาติก่อนของเขา เขาถึงแต่งงานกับเฉาซินเหลียนจอมเจ้าเล่ห์

ในตอนกลางคืนมองไม่เห็นสีหน้าของฉือโถวอย่างชัดเจน แต่เมื่อท่านป้าจางกล่าวถึงเฉาซินเหลียนก็คิดถึงบาดแผลบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานที่เกิดจากเฉาซินเหลียน หากไม่ใช่เพราะเฉาซินเหลียนมาหา กู้เสี่ยวอี้ก็คงจะไม่หายตัวไป ดังนั้นผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้คือเฉาซินเหลียน

แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเฉาซินเหลียนได้ เมื่อพวกเขาคิดว่าจะต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ พวกเขาทำได้แค่กัดฟันและกล้ำกลืนมันลงไป

หญิงใจร้ายคนนั้นช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!

“ท่านป้าจาง อย่า!” กู้เสี่ยวหวานขัดขวางความคิดของท่านป้าจางอย่างรวดเร็ว “ถ้าหนิงผิงรู้ เขาคงไม่อยากไปสำนักศึกษา การเรียนนี้คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”

“แต่เจ้ากับเสี่ยวอี้เป็นเพียงเด็กผู้หญิงสองคน และตอนนี้เสี่ยวอี้ก็ได้รับบาดเจ็บอีก…… เฮ้อ บาปกรรมเสียจริง!” ท่านป้าจางถอนหายใจอย่างเจ็บใจต่อความอยุติธรรมที่กู้เสี่ยวหวานได้รับ

“ท่านป้าจาง ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านหมอเหลยบอกแล้วว่าเสี่ยวอี้จะไม่เป็นไรตราบเท่าที่กินยาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ข้าทนได้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเขาต้องศึกษาเล่าเรียน!” กู้เสี่ยวหวานกัดฟันอย่างไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจเดิม

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แง ในที่สุดน้องก็ฟื้น รอวันชำระแค้นกับนังเฉานะคะ บวกนังซุนและนังซินเถาไปด้วย ไม่มีนังพวกนี้ เสี่ยวอี้ก็คงไม่เจออะไรแบบนี้

ไหหม่า(海馬)