บทที่ 159 ปิดบังพวกเขาทั้งสอง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 159 ปิดบังพวกเขาทั้งสอง

บทที่ 159 ปิดบังพวกเขาทั้งสอง

เมื่อได้ตัดสินใจแล้วนางจึงไม่สามารถละทิ้งไปได้ครึ่งทางเพราะเรื่องเหล่านี้ เรื่องของกู้เสี่ยวอี้ถือเป็นอุบัติเหตุ และมันก็เป็นความประมาทของนางเองด้วย แต่ไม่ได้คาดคิดว่าเฉาซินเหลียนที่ไร้ยางอายจะมาถึงจุดนี้ได้

“ท่านป้าจาง ไม่ต้องกังวลไป! ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกพวกเราอีกแน่นอน!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างหนักแน่น

“ถึงอย่างนั้นข้าก็กลัวว่าหลังจากนี้เฉาซินเหลียน…… ทั้งเฉาซินเหลียนและกู้ซินเถา คงไม่ต้องการให้พวกเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น!” ท่านป้าจางยังคงกังวลอย่างมาก ฉือโถวกำลังนอนห่มผ้าอยู่บนพื้นและไม่มีใครเห็นสีหน้าเขา สำหรับสตรีสองคนที่ท่านป้าจางพูดถึง ตั้งแต่วันที่กู้เสี่ยวหวานตกลงไปในแม่น้ำ ฉือโถวก็เกลียดพวกเขา เกลียดพวกเขาไปตลอดชีวิต

“ท่านป้าจาง พวกเขาทำร้ายข้าได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มีคำโบราณว่า สามารถทำได้ครั้งเดียวและจะไม่มีอีกครั้ง และทำร้ายได้อีกครั้งแต่จะไม่มีครั้งที่สาม พวกเขาทำร้ายข้ามาสองครั้ง ดังนั้นพวกเขาไม่อาจทำร้ายข้าเป็นครั้งที่สามได้!”

กู้เสี่ยวหวานกัดฟันด้วยความเกลียดชังและลั่นวาจาเงียบ ๆ อยู่ในใจ “กู้ซินเถา เฉาซินเหลียน การแก้แค้นต่อข้าที่ตกลงไปในน้ำและการแก้แค้นต่อบาดแผลของเสี่ยวอี้ ข้า! กู้เสี่ยวหวาน วันหนึ่งจะเอาคืนเป็นสองเท่า”

เมื่อท่านป้าจางเห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมกู้เสี่ยวหวานได้ นางจึงทำได้เพียงถอนหายใจและยอมแพ้ อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับไปแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือบอกให้ฉือโถวคอยไปดูกู้เสี่ยวหวานที่บ้านว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่ แม้จะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็จะทำให้สบายใจมากขึ้นถ้าเห็นว่าเด็กทั้งสองยังปลอดภัย

ในเช้าตรู่ของวันต่อมา ฉือโถวได้ไปจ้างเกวียนวัว และกู้เสี่ยวหวานก็นำยาและโสมที่เหลือกลับไปที่บ้าน

อาการของกู้เสี่ยวอี้ดีกว่าเมื่อวานมาก ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็วางใจ ตลอดทางที่กลับบ้าน จิตใจของกู้เสี่ยวหวานก็ผ่อนคลายมากขึ้น

เมื่อกลับถึงบ้าน ก็เห็นเหลียงเหยาซื่อมองไปรอบประตูบ้านของกู้เสี่ยวหวานด้วยความกังวลใจจากระยะไกล

เมื่อได้ยินเสียงล้อเกวียนวัว เหลียงเหยาซื่อก็หันศีรษะและมองครู่หนึ่ง และเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวานนั่งบนเกวียนวัวกลับมา

เหลียงเหยาซื่อก็ไม่ได้รอให้เกวียนมาถึง นางวิ่งไปทางกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ

“เสี่ยวหวาน เสี่ยวอี้เป็นอย่างไร?” เหลียงเหยาซื่อเห็นว่าสีหน้าของกู้เสี่ยวหวานไม่ได้สิ้นหวังเหมือนเมื่อวาน และกำลังอุ้มคนในอ้อมแขน หลังจากมองเข้าไปใกล้ ๆ คนนั้นคือกู้เสี่ยวอี้ที่กำลังหลับ นางจึงวางใจ

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานแสดงรอยยิ้ม เหลียงเหยาซื่อผู้นี้ไม่เคยมองทะลุได้เลย และไม่รู้ว่าทำไมนางจึงปฏิบัติต่อครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างดี และกู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการคิดถึงเรื่องนี้

เมื่อวานนี้เหลียงเหยาซื่อและช่างไม้เหลียงใช้เวลาทั้งวันกับพวกเขาในการตามหาเสี่ยวอี้ แม้กู้เสี่ยวหวานจะไม่เคยคุยกับครอบครัวของเหลียงเหยาซื่อมาก่อน แต่เพื่อเห็นแก่เหลียงเหยาซื่อและคนอื่น ๆ ที่พยายามอย่างหนักเพื่อหาน้องสาวของนางในเมื่อวานนี้ กู้เสี่ยวหวานก็มองเหลียงเหยาซื่อดีขึ้นมาก

“น้องสาว ไม่ต้องกังวลไป เสี่ยวอี้ไปพบแพทย์เมื่อวานนี้ พักผ่อนเยอะ ๆ ก็ไม่เป็นไรแล้ว!” ท่านป้าจางอธิบายอย่างรวดเร็ว

หลังจากลงจากเกวียนแล้ว เหลียงเหยาซื่อก็เห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เข้าไปในบ้าน และไม่มีใครทักทายนาง

เหลียงเหยาซื่ออยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน มองเข้าไปข้างในด้วยท่าทางที่อธิบายไม่ถูก ถอนหายใจในใจ และกำลังจะกลับไป

ในเวลานี้ท่านป้าจางก็ออกมา และเห็นว่าเหลียงเหยาซื่อกำลังจะจากไป นางก็รีบหยุดไว้ “น้องสาว เช้าขนาดนี้เจ้าคงยังไม่ได้กินอาหารใช่หรือไม่?”

เหลียงเหยาซื่อ “เฮ้อ ยังไม่……”

“น้องสาว ดูสิ พวกข้าเพิ่งกลับมาเมื่อครู่นี้เอง และยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่และช่วยเหลือสักหน่อย ข้ากำลังต้องการลูกมือพอดี ยาของเสี่ยวอี้ยังไม่ได้ต้มเลย!”

เหลียงเหยาซื่อไม่คิดว่าท่านป้าจางจะรั้งตนเองไว้ แม้จะขอให้ตนเองอยู่ช่วยเหลือ เหลียงเหยาซื่อก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่คือบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ถ้าไม่ใช่กู้เสี่ยวหวานพูด ท่านป้าจางคงจะไม่มีวันตัดสินใจเองว่าจะรั้งนางไว้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เหลียงเหยาซื่อที่ยืนอยู่ตรงประตูอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย ลูบไม้ลูบมือและตอบรัวเร็ว “โอ้ ตกลง ตกลง!”

ฉือโถวอุ้มกู้เสี่ยวอี้เข้ามาในห้อง กู้เสี่ยวหวานวางกู้เสี่ยวอี้ลงบนเตียงอย่างระมัดระวังและห่มผ้าห่มให้นาง

กู้เสี่ยวอี้ยังไม่ลืมตาตั้งแต่ตื่นเมื่อคืนนี้ แม้กู้เสี่ยวหวานจะกังวลมาก แต่สภาพผิวของกู้เสี่ยวอี้ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากของนางก็แดงเช่นกัน ดูเหมือนว่าอาการน่าจะดีขึ้นอย่างช้า ๆ

“เสี่ยวอี้ หิวไหม? ป้าจางไปทำข้าวต้มให้พวกเราแล้ว หลังจากกินข้าวต้มแล้วก็ดื่มยา ตกลงไหม?” กู้เสี่ยวหวานลูบหน้าผากกู้เสี่ยวอี้แล้วพูดเบา ๆ

เมื่อเห็นว่าในบ้านไม่มีอะไรผิดปกติ ฉือโถวจึงวางแผนที่จะออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่กู้เสี่ยวหวานหยุดเขาไว้ราวกับมีอะไรจะพูด

กู้เสี่ยวหวานซับน้ำตาและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ดังนั้นจึงลังเล

เมื่อฉือโถวเห็น เขาจึงรีบถาม “เสี่ยวหวาน มีเรื่องอะไรหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า แต่ก็ยังไม่พูด นางไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ ไม่พูดถึงคงจะดีกว่า รู้สึกว่าตนเองใจร้ายไปหน่อย ถ้าพูดไปก็กลัวจะกระทบกับเด็กทั้งสอง

“เสี่ยวหวาน มีอะไรที่เจ้าไม่สามารถพูดกับข้าได้ ถ้ามีอะไรก็พูดได้ ตราบใดที่ข้าทำได้ ข้าจะทำเพื่อเจ้าอย่างแน่นอน”

“พี่ฉือโถว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่……” กู้เสี่ยวหวานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังบอกเรื่องนี้อย่างครบถ้วน

ปรากฏว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับกู้หนิงอันและกู้หนิงผิง

ในสำนักศึกษามีวันหยุดทุกสองสัปดาห์ ซึ่งกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงกำลังจะกลับมา หากเป็นเมื่อก่อนกู้เสี่ยวหวานคงจะอยากให้พวกเขากลับมาเร็ว ๆ แต่ตอนนี้ เด็กหญิงสองคนในครอบครัวนี้ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ และอาการของทั้งคู่ก็ไม่เล็กน้อยเลย นางจึงไม่อยากกวนใจน้องชายทั้งสอง โดยเฉพาะกู้หนิงผิง

“ข้าไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาเห็นว่าเสี่ยวอี้และข้าเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะเสี่ยวอี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าอุตส่าห์เกลี้ยกล่อมให้พวกเขาไปสำนักศึกษาได้ หากหนิงผิงรู้ เขาย่อมไม่ยินยอมอย่างแน่นอน! เขาจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างที่จะไม่ไปสำนักศึกษา”

“เสี่ยวหวาน ข้ามีเรื่องจะพูด แม้พูดไปเจ้าอาจไม่ชอบฟัง หนิงอันและหนิงผิงเป็นเด็กผู้ชายและพวกเขาควรมีหน้าที่ดูแลปกป้องพวกเจ้า หากมีเรื่องใหญ่โตในครอบครัวเกิดขึ้น ถ้าเจ้าไม่บอกพวกเขา เกรงว่ามันจะโหดร้ายเกินไป!” ฉือโถวเข้าใจสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูด แต่จริง ๆ แล้วเขายังมีเรื่องที่จะพูดอีกครึ่งประโยค เขาทำได้แค่มองดูแก้มที่บวมของกู้เสี่ยวหวานทั้งสองข้างแล้วรำพึงเงียบ ๆ ในใจ ‘กู้เสี่ยวหวาน สำหรับเจ้าแล้วมันโหดร้ายเกินไป’

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่อยากนึกเลยว่าสองหนุ่มจะรู้สึกยังไง ขณะที่ตัวเองเรียนอยู่ก็เกิดเรื่องใหญ่กับพี่สาวน้องสาว ถ้าหนิงผิงรู้นี่คงอยากลาออกจากสำนักศึกษาไปอยู่บ้านเพื่อปกป้องสาว ๆ ในบ้านแน่ ๆ

ไหหม่า(海馬)