บทที่ 163 ผ่านการคัดเลือก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 163 ผ่านการคัดเลือก
บทที่ 163 ผ่านการคัดเลือก

สิทธิ์ในการรับสมัครคนงานและความต้องการเป็นของโรงงานขนมไข่อย่างชัดเจน

ถ้าหลี่ฉางชิ่งพูดด้วยตนเอง คนอื่นจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?

ยุวชนทั้งสองที่ก่อนหน้านี้ตกลงกับฉางจิ่วว่าช่วยให้คะแนนกลับสีหน้าไม่ดีนัก

เพื่อให้ได้ตำแหน่งมา คนในชุมชนไม่ได้ใช้ความพยายามเท่าไร

หลังจากที่รู้ว่าหัวหน้าซูตกลงกับยุวชนสองคนนั้น ทุกคนก็มุ่งความสนใจมาที่พวกเขา

มียุวชนสองคนที่ไม่เห็นด้วยกับการทำเรื่องไม่ดี แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ทนต่อสิ่งล่อใจอย่างข้าวฟ่างสองจินไม่ได้

เพื่อข้าวฟ่างแล้วก็ตอบตกลงกับทั้งสองครอบครัวว่าจะให้ความร่วมมือ

ถูกต้อง ข้าวฟ่างสองจินเลยนะ พวกเขาทรยศต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และตกลงว่าจะให้ความร่วมมือตอนให้คะแนนด้วย

พวกเขาต่างเป็นยุวชนที่มาจากในเมือง ทำงานในไร่ไม่ดีเท่าคนที่เติบโตจากชนบท มีงานน้อย และทุก ๆ ปี ไม่ได้คะแนนทำงานมากนัก อาหารที่ได้ก็น้อยลงด้วย

อาหารพวกนั้นที่ได้แจกจ่ายไม่พอจนต้องคิดหาวิธีอื่น

ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่หายาก แค่ร่วมมือเล็กน้อยก็คงไม่เป็นไร

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว

เพราะหลี่ฉางชิ่งมาแล้ว ทั้งยังคอยมองเพื่อจะตัดสินใจกระดาษคำตอบให้อย่างชัดเจน ไม่ต้องให้พวกเขาตรวจเลย

งั้นแปลว่าของที่จะได้มาก็ต้องเอาคืนไปใช่ไหม?

ของในมือกลัวก็แต่จะรักษาไว้ไม่ได้เท่านั้น

คงจะดีถ้าไม่ได้ก็แล้วไป กลายเป็นว่าพวกเขาอดไม่ได้ที่จะเอามาทำข้าวฟ่างต้ม

ใบหน้าทั้งสองดูไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจากนี้จะสร้างความวุ่นวายหรือเปล่า

คนในพื้นที่วุ่นวายกันเตรียมสอบรอบที่สอง และไม่มีใครสังเหตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองคนนี้

การสอบรอบที่สองยังอยู่ในโรงเรียนประถม แต่ย้ายจากข้างนอกเข้ามาข้างใน

ในห้องเรียนขนาดใหญ่ได้ตั้งแผงลอยหลายตัว

ด้านหน้าแผงลอยมีน้ำ กะละมัง แป้ง เขียง และของอื่น ๆ ถึงจะใส่ในภาชนะต่างกัน แต่วัตถุดิบเหมือนกันหมด

กลุ่มคนที่ทำข้อสอบอึ้งไปชั่วขณะเมื่อเห็นฉากนี้

เห็นบอกสอบทำอาหาร ก็ไม่คิดว่าจะทำอาหารแบบนี้ มันจะไปทำได้อย่างไรกัน?

“หัวหน้า นี่หมายความว่าอย่างไรน่ะ?” มีคนอดถามไม่ได้

หลังจากซูฉางจิ่วกระแอมไอก็เอ่ยปาก “อย่างที่ทุกคนทราบกันดี โรงงานขนมไข่กำลังรับสมัครคนงาน หลังจากคุยกับทางผู้อำนวยการแล้ว เราตัดสินใจว่าการสอบรอบสองเป็นการนวดแป้ง และจะเริ่มตอนนี้เลย”

สองประโยคนี้กล่าวไว้ชัดเจน และไม่มีใครคัดค้านได้

สิบเก้าคนที่ผ่านรอบแรก มีสิบเอ็ดคนเป็นผู้ชาย พวกเขาจึงรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที

ส่วนแววตาและหว่างคิ้วของพวกผู้หญิงอีกแปดคนมีชีวิตชีวาเล็กน้อย

พวกเธอนวดแป้งได้ ได้เปรียบกันเห็น ๆ

ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ทุกคนก็เตรียมตัวลงมือแล้ว

เหลียงซิ่วและฉีเหลียงอิงมองหน้ากัน ทั้งคู่ดูมีความสุขเล็กน้อย

ผู้หญิงบ้านซูทำอาหารเก่งมาก โดยเฉพาะนวดแป้ง

“หัวหน้า ทำไมต้องนวดแป้งด้วยล่ะ? ผมเป็นชายชาตรีนะ จะไปนวดได้อย่างไร?” เป็นชายอายุยี่สิบต้น ๆ ที่พูดขึ้น

ชายคนนี้ชื่อซูจื่อหลง เป็นคนที่เรียนสูงคนหนึ่งในหงซิน

การสอบรอบแรกจึงถือว่ามีเหตุผลอยู่พอสมควร

“จากนี้ไปต้องไปโรงงานขนมไข่นะ ตอนนวดแป้งยังต้องนวดอีกเยอะ ถ้าไปแล้วทำไม่เป็นจะทำอย่างไรล่ะ?” ซูฉางจิ่วตอบโกรธ ๆ

ชายคนนั้นเอามือลูบจมูก ก็ใช่น่ะสิ โรงงานขนมไข่ต้องนวดแป้งอยู่แล้ว

แต่เขาไม่ได้พูดออกมา

เขามองไปที่น้ำ แป้ง และสิ่งของอื่น ๆ ตรงหน้า ก่อนขบคิดว่าภรรยาที่บ้านทำอย่างไร แล้วทำตามทันที

และคนอื่น ๆ ไม่ว่าชายหรือหญิงก็เริ่มทำจากความทรงจำที่จำได้

หลี่ฉางชิ่งเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของทุกคนอย่างระมัดระวัง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนเหล่านั้นยื่นมือที่สกปรกออกมาและเริ่มนวดแป้ง

ตอนที่เขาเห็นบางคนเมื่อถ่มน้ำลายไปทั่วทุกที่ เขาขมวดคิ้วหนักขึ้น

ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองคิดผิด

เขาเป็นผู้อำนวยการโรงงานขนมไข่ และโรงงานขนมไข่มีข้อกำหนดด้านสุขอนามัยสูง ดังนั้นเขาไม่กล้ารับคนประมาทแบบนี้หรอก

แต่คนบ้านนอกไม่ค่อยสนใจ

ซูฉางจิ่วให้ความสำคัญกับหลี่ฉางชิ่งเป็นส่วนใหญ่

เขารู้สึกแปลกใจว่า ทำไมหลี่ฉางชิ่งถึงขอให้คนเพวกนี้นวดแป้ง

ถึงโรงงานขนมไข่จะใช้แป้ง แต่แน่นอนว่าไม่นวดแป้งหรอก!

พอเห็นหลี่ฉางชิ่งขมวดคิ้ว หัวใจก็ดิ่งลง

เขาคิดว่าเพราะคนพวกนี้นวดแแป้งไม่ได้ ผู้อำนวยการเลยไม่พอใจ

เพราะมีผู้หญิงน้อยมากที่อ่านออกเขียนได้ และคนที่สอบผ่านส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย

เป็นเรื่องยากมากที่ชายชาตรีจะนวดแป้งได้

ซูฉางจิ่วหมายจะอ้าปาก แต่เห็นผู้อำนวยการจับจ้องไปที่จุดหนึ่ง แล้วคิ้วที่ขมวดก็คลายลงมาก

เขามองตามทันที ก่อนจะเห็นเหลียงซิ่วและฉีเหลียงอิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ซูฉางจิ่วรู้ว่าผู้หญิงทุกคนในบ้านซูทำงานบ้านเก่ง บางทีวันนี้โอกาสของสะใภ้ทั้งสองอาจจะมากที่สุดเลยก็ได้

เขาเฝ้าดูขณะที่ทั้งสองคนรวบผมให้เรียบอย่างใจเย็น จากนั้นก็หากะละมังเปล่า เทน้ำลงไปเล็กน้อยก่อนจะล้างมืออย่างระมัดระวัง

นี่หมายความว่าอย่างไร?

คนอื่นเริ่มนวดแป้งแล้ว ทำไมสองคนนี้ยังเอื่อยเฉื่อยอยู่?

ซูฉางจิ่วพบว่าผู้ชายอีกสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคนก็กำลังล้างมือ ถึงจะไม่ได้ล้างอย่างระมัดระวังแต่ก็ล้างจริง ๆ

เขาจำได้ว่าดูเหมือนแม่ตนเองจะล้างมือก่อนทำอาหาร และทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

ในเวลาเดียวกันก็เข้าใจว่าทำไมสีหน้าหลี่ฉางชิ่งถึงดูน่าเกลียดมากตอนเห็นคนพวกนี้นวดแป้ง

เขาอดไม่ได้ที่จะละสายตาไปจากมือของคนอื่น ไม่มองก็แล้วไป แต่พอมองแล้วอึดอัดมาก

มือของซูจื่อหลงดำสนิท ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ล้างมันให้สะอาด

แล้วแป้งที่อยู่ในมือ สีตรงกันข้ามกับแป้งสีขาวนวลเลย

บางคนถึงกับมีโคลนติดมือ ตอนที่จุ่มลงไปในแป้งตรง ๆ โคลนก็ตกลงไปในนั้นด้วย

ซูฉางจิ่ว “…”

“ผู้อำนวยการหลี่…” ซูฉางจิ่วพูดอย่างประหม่า

ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการหลี่คิดอะไรอยู่ในใจ แต่จะคิดหรือไม่ พวกเราในหงซินทุกคนก็คงไม่ใส่ใจจริง ๆ

ถ้าคิดแบบนั้นจริง ๆ คงละอายใจที่จะเผชิญหน้ามากเลย

หลี่ฉางชิ่งโบกมือส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องกังวล

ถึงซูฉางจิ่วจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากพูด แต่ก็ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้

ตอนนั้นเองที่เห็นชายคนนั้นเกาเท้าต่อหน้าต่อตาตอนนวดแป้ง จากนั้นก็เอามือไปจุ่มในกะละมังเพื่อนวดต่อ

เขาทนดูไม่ได้จริง ๆ จึงได้แต่หลับตาลง

จบแล้ว คนพวกนี้ขว้างหน้าตาของหงซินลงพื้นแล้วเหยียบย่ำไปหมดแล้ว

แต่หลี่ฉางชิ่งก็ยังคงเฝ้าดูคนเหล่านี้อย่างระมัดระวังทีละคน

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนส่วนใหญ่นวดแป้งเสร็จแล้ว

แป้งเหมือนกัน น้ำเหมือนกัน แต่แป้งที่ออกมาต่างกันมาก และไม่ใช่แค่รูปร่างเท่านั้น แต่สีก็เช่นกัน

แป้งบางก้อนเป็นสีขาวกระจ่าง บางก้อนเปลี่ยนสีเล็กน้อย ทั้งยังมีสีเทาแซม ๆ อีกสองก้อนเป็นสีดำคล้ำ

ในที่สุด หลี่ฉางชิ่งก็หยุดนิ่ง แล้วชี้ไปยังคนทั้งห้า “คุณทั้งห้าคนผ่านการทดสอบแล้ว ไปรายงานตัวที่โรงงานขนมไข่ในอำเภอพรุ่งนี้ ระยะเวลาฝึกงานคือสามเดือน ถ้าทำได้ดีจะได้เป็นพนักงานประจำ!”

เขาไม่รู้จักชื่อของคนทั้งห้านี้ ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดแทน

ตอนนั้นที่ใบหน้าของคนจำนวนมากพลันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมการสอบ

หลังจากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นในอาณาบริเวณนี้

“ผู้อำนวยการหลี่ คุณหมายความว่าอย่างไร? เห็นกันจะ ๆ ว่าผมนวดแป้งได้ดีกว่าแล้วทำไมคุณถึงเลือกเขา”

“ใช่ ๆ แป้งที่ซูเซี่ยงเฉียนนวดไม่มีใครเห็นเลย แป้งแบบนี้ใช้ไม่ได้นะ”

“ไม่ได้มีเรื่องลับลมคมในใช่ไหม? ไม่ได้ตัดสินมาก่อนแล้วใช่ไหม?”

พอมีคนพูดเช่นนี้ ความคิดของทุกคนดูเหมือนจะยุ่งเหยิง

ซูฉางจิ่วมองไปยังซูเสี่ยวฉิน

เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ได้รับเลือก

เวลาแบบนี้ ถ้าคนแพ้จะต้องพูดแบบนี้แน่ จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

ซูเสี่ยวเถียนมองจากข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

ซูเสี่ยวฉินคนนี้คิดว่าไปอยู่อำเภอมานานแล้วจะดีขึ้นสักหน่อย ใครจะรู้เล่าว่าประโชยน์สักนิดยังไม่มีเลย

“ใช่ ๆ เสี่ยวฉินพูดเหตุผล”

“ต้องมีเรื่องลับลมคมในแน่ ไม่เห็นหรือว่าสะใภ้บ้านซูสองคนนี้ได้รับเลือกด้วยนะ?”

แป้งที่สองคนนี้นวดมันดีมากจริง ๆ เนียนนุ่มและเหนียว เป็นเส้นกลม ๆ อยู่ในกะละมัง ทำให้คนมองรู้สึกเพลินตา

พอเทียบกับอันไม่น่าดูของบ้านอื่นแล้ว ของสองสะใภ้บ้านซูดูดีกว่ามาก ๆ!

แต่แล้วอย่างไรล่ะ?

โรงงานขนมไข่ให้มาตั้งห้าตำแหน่ง แต่บ้านซูมันดันแย่งไปแล้วสองตำแหน่งเนี่ยนะ?

ไม่ใช่เพราะมีผู้นำอำเภอเป็นญาติหรอกหรือ? ถ้าไม่มีความสัมพันธ์แบบนั้น ทำไมคนในโรงงานขนมไข่ถึงเลือกพวกเธอล่ะ?