บทที่ 191 นักฆ่าผู้นี้ก็ไม่ได้เย็นชา แถมยังน่ารักอีกต่างหาก
นับแต่มาที่โลกใบนี้ ชิงอวี่เห็นบุรุษหน้าตาโดดเด่นมาหลายประเภท โหลวจวินเหยากับไป๋จือเยี่ยนนับเป็นอันดับต้น ๆ กระทั่งเฟิ่งเทียนเหิงที่ถูกยึดร่างไปก็ยังนับว่าหล่อเหลาเป็นยิ่งนัก เมื่อเวลาผ่านไป สายตานางก็เริ่มคุ้นชินกับบุรุษรูปงามทั้งหลาย มองไปก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
ดังนั้นการที่ได้เห็นบุรุษแล้วนางตะลึงไปเช่นนี้จึงหาได้ยากนัก
ทว่าคนตรงหน้าผู้นี้ เมื่อครั้งที่พบกันครั้งแรก ชิงอวี่ก็ถูกใบหน้านั่นชวนให้หลงใหลไปแล้ว ตอนนั้นเขายังหมดสติ ไม่ได้ลืมตาเช่นนี้ แค่เท่านั้นก็น่าตะลึงเกินพอแล้ว
ผิวเขาเนียนนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูอ่อนแอเปราะบาง ผมสีหมึกใช้ผ้าสีเงินผูกไว้ ภายใต้คิ้วโก่งยาวไปถึงขมับคือนัยน์ตาปลายแฉลบขึ้นคู่งามราวกับหงส์ไฟ สันจมูกโด่งทำให้หน้าตาดูกระด้างไปสักหน่อย ทว่าเมื่อมองริมฝากบางมีสีชมพูแต้มจาง ๆ นั่นกลับทำให้เขาดูน่ารักอย่างคาดไม่ถึง
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือใต้ตาซ้ายของเขามีปานบุปผางามสีดำขนาดเท่าเล็บนิ้วมือประดับอยู่นั่นเอง แม้จะดอกเล็กนัก แต่ก็มีรายละเอียดลึกล้ำ เห็นทุกกลีบดอกได้อย่างชัดเจน
ยามพบกันครั้งแรก บุปผางามยังแย้มบานเพียงน้อย แต่ตอนนี้มันกลับเบ่งบานเต็มที่ ดูงดงามและชั่วร้ายไปพร้อมกัน ที่ใจกลางมีจุดสีแดงสด มองดูราวกับดวงตาที่กำลังจับจ้องมา
ชิงอวี่อดประหลาดใจไม่ได้ นั่นมันดอกอะไรกัน? นางไม่สามารถระบุพันธุ์มันได้จริง ๆ
อาจเพราะนางจ้องหน้าเขานานเกินไป แม้อยากจะมองเมินก็ไม่อาจทำได้ ซีจ้านเฉินตวัดสายตาไร้อารมณ์มองมาทางนาง จนกระทั่งเห็นกระต่ายย่างชุ่มน้ำมันตรงหน้าเด็กสาว เขาถึงได้ดูมีใบหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง
เชาก็นึกว่าพวกคนที่มาขวางเขาเมื่อครู่คงจะซุ่มโจมตีอยู่แถวนี้ แต่ดูอีกที….. เหมือนจะไม่ใช่
แต่หากมานั่งสบายใจเฉิบอยู่ในที่เช่นนี้ได้ นางเองก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน
เพื่อไม่สร้างปัญหาที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ชิงอวี่จึงหลบตาไป ไม่มองเขาอีก
ซีจ้านเฉินก็ไม่อยากเสียเวลา ในเมื่อไม่ใช่ศัตรู เขาก็จะไม่โจมตีนาง มุ่งหน้าเดินต่อไป สายตามองตรงเท่านั้นต่อไป
เมื่อเขาเดินผ่านไปช้า ๆ นั่นเอง ในมือถือของสิ่งหนึ่งไว้ ของเหลวสีแดงก็หยดแหมะลงพื้น เสียงนั้นเกือบไม่ได้ยิน ทว่าชิงอวี่ก็ยังสังเกตเห็น
ในนั้น….. มีสิ่งอะไรอยู่กัน?
ทว่าในพริบตาเดียว เงาร่างจำนวนมากก็พุ่งผ่านอากาศเข้ามา ชิงอวี่รู้สึกว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ดูท่านางจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายเดียวกับเขา จึงถูกคนพวกนั้นล้อมไปด้วย
เงาร่างเหล่านั้นเหินลงพื้น มือสังหารชุดดำหลายคนขวางทางข้างหน้าไว้ คนที่ยืนนำหน้าเอ่ยเสียงเข้มขึ้น “ซีจ้านเฉิน ส่งดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์มาเสียดี ๆ!”
ดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์นั้นมีรูปร่างคล้ายฝ่ามือมนุษย์ กลีบบัวเป็นสีขาว แต่ยางสีเหมือนเลือด ตำนานเล่าว่ามันสามารถฟื้นชีวิตคนตายได้ เป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างวิญญาณขึ้นใหม่ได้ เฉพาะช่วงใกล้ใบไม้ผลิเท่านั้นมันจึงเผยร่างที่แท้จริง ช่วงเวลาอื่น ๆ ก็จะหน้าตาเหมือนบัวธรรมดา ไม่มีประโยชน์อะไรอีก
มีเพียงดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์เพียงหนึ่งดอกเท่านั้นที่จะบานเต็มที่ มันจะดูดแก่นพลังของบัวดอกอื่น ๆ โดยรอบ กลายเป็นบัวที่โดดเด่นที่สุดในหมู่ดอกที่เบ่งบาน
ว่ากันว่ามันเติบโตอยู่ใต้ดินหลายจั้ง มีอสูรคอยปกปักรักษา เก็บมาได้ยากเย็นนัก
ในห่อนั่น….. หรือจะเป็นดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์ในตำนาน?
นัยน์ตาชิงอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย คนพวกนี้เข้ามาในสถานที่ต้องห้ามเพราะเจ้านี้เองหรือ? ที่น่าตกใจคือดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์อยู่ในสำนักละอองหมอก?
คนพวกนี้จะเอาดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์ไปทำอะไรกัน?
พบกับนักฆ่าชุดดำดูโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซีจ้านเฉินทำเพียงยกยิ้มมุมปาก คล้ายจะเป็นยิ้มเยาะ เอ่ยเสียงเบาน่าฟังขึ้นว่า “รู้จักข้าหรือ?”
“ฮ่า! นักฆ่าระดับตำนานที่เป็นที่หนึ่งในแดน ใครจะไม่รู้จัก? ว่ากันว่าไม่มีใครเคยรอดพ้นเงื้อมือซีจ้านเฉินมาก่อน ข้าจึงอยากลองด้วยตนเองว่าเจ้าจะเก่งสมคำร่ำลือหรือไม่”
คำของหัวหน้านักฆ่าเต็มไปด้วยคำถากถาง พลันตวัดสายตามองชิงอวี่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล รอยยิ้มเยาะยิ่งกดลึกขึ้น “นักฆ่ามือฉมังในแดนย่อมแตกต่างจากคนอื่น ๆ สินะ ออกมาทำภารกิจยังต้องพกสาวงามมาด้วย น่าสงสารแม่นางคนงามเสียจริง เพราะนางคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งในวันนี้แล้ว”
ชิงอวี่ “….. ?!”
หมายความว่าอย่างไร?
จะลงมือกับนางก่อนหรือ?
นางอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แล้วนะ! แล้วนี่นางไปเหยียบเท้าใครเข้าอีก?!
เจ้าตัวเล็กยืนซุกอยู่ข้าง ๆ นาง กำลังเคี้ยวเนื้อกระต่ายย่างฉ่ำเสียเต็มปาก มันพูดงึมงำฟังไม่ค่อยได้ความขึ้น “ท่านแม่ พวกเขาดูจะเข้าใจผิด ท่านจะอธิบายให้พวกเขาสักหน่อยไหม?”
เจ้าหนูน้อย เจ้านี่มันไร้เดียงสาจริง ถึงบอกว่าไม่เกี่ยวจะมีใครเชื่อเจ้า?
อีกทั้งคนพวกนี้ยังทำท่าพร้อมฆ่าคนบริสุทธิ์ดีกว่าปล่อยให้ศัตรูหนีรอดไปได้ แม้นางจะไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับซีจ้านเฉิน แต่นักฆ่าพวกนี้ก็คงไม่เมตตาปล่อยพวกนางไปแน่
นางกำลังครุ่นคิดนั่นเอง พลันได้ยินซีจ้านเฉินเอ่ยขึ้น “ข้าไม่รู้จักนาง นางไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าดึงคนนอกเข้ามาเกี่ยว”
ชิงอวี่ชะงักไปไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าราชันแห่งความมืดที่ได้ชื่อว่ายมทูตคร่าวิญญาณผู้ไร้เมตตาในคำร่ำลือ แท้จริงแล้วจะไม่ได้….. เป็นคนเหมือนที่นางจินตนาการไว้
นางคิดว่าแม้เขาจะไม่สังหารนาง แต่ก็คงไม่คิดช่วยอะไรนาง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอ่ยอธิบายออกมาเช่นนั้น
ชิงอวี่ยกยิ้ม เป็นนักฆ่าที่ไม่ธรรมดาเลย
“ไม่รู้จัก? แล้วทำไมเจ้าต้องพูดแทนนางเล่า? อืมมม เช่นนั้นนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งแดน แท้จริงแล้วก็มีเมตตางั้นสินะ ไม่ว่าพวกเจ้าจะรู้จักกันหรือไม่ สตรีนางนี้ก็คงปล่อยให้รอดไปไม่ได้…..”
คนที่เอ่ยขึ้นคือชายอีกคน ยืนอยู่ด้านซ้ายของตัวหัวหน้า บนใบหน้ามีรอยยิ้มวางท่า ทว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมหน้านั่นกลับชะงักค้างไปในพลัน บนลำคอมีรอยเลือดจาง ๆ เปรอะลงมาถึงคอเสื้อ หยดเลอะลงพื้นจนแดงฉานไปหมด
คนที่อยู่ใกล้ยังไม่ทันตอบสนอง เพียงแต่สงสัยว่าทำไมเขาจึงหยุดชะงักไปเช่นนั้น เมื่อสังเกตว่าผิดปกติลองยื่นมือไปแตะร่างดู ชายคนนั้นก็ล้มตึงลงไปแล้ว
จากนั้นเลือดก็เจิ่งนองออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เรื่องเกิดขึ้นฉับพลันเช่นนี้ทำให้สีหน้าของนักฆ่าทั้งหลายเปลี่ยนไปทันที เกิดอะไรขึ้น?
ใครเป็นคนลงมือ?
ต้องเป็นเขาแน่!
นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งแดนไม่ใช่เพียงชื่อเล่นของยมทูตผู้นี้ ว่ากันว่าดาบเขารวดเร็วราวกับไม่ได้มาจากแดนนี้ ไม่มีใครเคยเห็นดาบเขามาก่อน ชื่อเสียงเรื่องความรวดเร็วของการลงดาบจึงโด่งดังมาจนถึงตอนนี้ เพราะไม่มีใครเทียบเขาได้เลย ยังไม่ทันได้เห็นเขาตวัดดาบคนก็ตายเสียแล้ว
ไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมือซีจ้านเฉินไปได้ คำคำนี้ไม่ใช่แค่ลือกันจริง ๆ
ที่คนอื่น ๆ ยังยืนหายใจอยู่ได้เป็นเพราะเขาขี้เกียจจะลงมือต่างหาก
“ซีจ้านเฉิน เจ้าอย่าทำให้เรื่องมันเลยเถิด พวกข้ามีกันมาก ต้องโค่นเจ้าได้เป็นแน่!”
เมื่อนักฆ่าคนหนึ่งตะโกนกร้าวขึ้น คนอื่น ๆ ก็เริ่มพุ่งเข้าใส่ทันที ทว่าในสายตาซีจ้านเฉินพวกเขาก็แค่หนอนแมลง ชั่วอึดใจเดียวก็จัดการได้แล้ว
แต่ไม่รอให้เขาลงมืออีก ร่างของนักฆ่าทั้งหลายก็พลันกระตุก ยกมือขึ้นบีบคอจบชีวิตตนเองไปเสียอย่างนั้น
??
ซีจ้านเฉินเห็นแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ยืนงงไป
พริบตาต่อมาจึงเข้าใจ เขาหันไปมองเด็กสาวที่ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ว นางปัดฝุ่นที่มือ เห็นว่าเขามองนางอยู่จึงเผยรอยยิ้มซุกซนให้ “พวกตัวร้ายมักตายเพราะพูดมาก”
ซีจ้านเฉินเอ่ยกับนาง เกือบจะเห็นรอยยิ้มบนหน้า “ที่นี่ไม่ปลอดภัย เจ้ารีบไปเถอะ!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ชิงอวี่เห็นดังนั้นจึงเดินตามเขาไป เจ้าก้อนถ่านน้อยที่สวาปามกระต่ายย่างด้วยความเร็วที่ไม่อาจอธิบายได้ และกระโดดขึ้นไหล่นางตามมาด้วย
ซีจ้านเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา ทว่าไม่หันมามอง เพียงแต่เอ่ยเสียงเรียบขึ้น “เจ้าอย่าตามมาจะดีกว่า อาจจะเชิญปัญหาเข้าหาตนได้”
“แค่ไปทางเดียวกัน ข้าไม่ได้เดินตามท่านหรอก” ชิงอวี่ตอบ
เขาจึงไม่พูดอะไรอีก
ชิงอวี่เร่งฝีเท้าจนทันเขาแล้วเอ่ยถามขึ้น “ท่านคือซีจ้านเฉิน ยมทูตที่คร่าชีวิตคนมานับไม่ถ้วนงั้นหรือ?”
“อะไรกัน ข้าดูไม่เหมือนเขาหรือ?” เหมือนเขาจะมองว่านางน่าสนใจ ซีจ้านเฉินจึงไม่หวงคำพูด ตอบนางไป
“อืม นักฆ่าที่มีเมตตาเช่นท่าน คงจะลำบากมากเลยสินะ?” ชิงอวี่เอ่ยสิ่งที่สงสัยออกมา
“เมตตา?” ซีจ้านเฉินเลิกคิ้ว เป็นคำอธิบายตัวตนเขาที่แปลกใหม่เสียจริง
“ว่ากันว่าท่านไม่ทำร้ายคนชราและเด็ก ๆ ปฏิเสธภารกิจที่มีความเหลื่อมล้ำพลังกันมากเกินไป เพราะนั่นจะทำให้เหมือนรังแกคนอ่อนแอ ท่านไม่ชอบการที่ฝ่ายหนึ่งมีแรงสู้อยู่ฝ่ายเดียวกระมัง?”
ซีจ้านเฉินได้ยินแล้วก็หัวเราะเบา ๆ เอ่ยขึ้นช้า ๆ ว่า “ข้าเติบโตขึ้นมาในชุมชนที่ยากจนที่สุด เป็นขั้นลำดับที่ต่ำต้อยที่สุดในสังคมของแดนนี้ เมื่อครั้งข้ายังเล็ก มีกองโจรมาบุกปล้น ข้าเป็นคนที่เด็กที่สุดที่นั่น เป็นคนที่นั่นที่สังคมมองว่าต่ำต้อยดั่งหญ้าที่ย่ำเหยียบที่พลีชีพเพื่อให้ข้าได้รอดออกไป นับแต่นั้นมาข้าก็ตั้งคำมั่นไว้กับตนเอง”
ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็มีเรื่องที่ใจอ่อนทั้งนั้น สำหรับซีจ้านเฉินแล้วก็คงเป็นความทรงจำวัยเยาว์ เมื่อครั้งที่ชีวิตยังไม่มีห่วงใด แม้จะไม่ร่ำรวยหรือมีเกียรติยศ หรือมีชุดมีอาหารดี ๆ ให้กิน แต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีสุขที่สุดไม่ต้องสนอะไร เป็นชีวิตที่มีความสุข
ตอนนี้เขามีเงินทองมากมายเกินนับ มีอำนาจมีฐานะสูงส่ง แต่เขากลับไม่อาจรู้สึกเหมือนวัยเยาว์ได้อีกแล้ว
ชิงอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าที่นางทำท่าทีไร้พิษภัยเข้ามาถาม แต่ในใจคิดเรื่องดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์ กลับทำให้เขาเอ่ยออกมาตามตรงได้เช่นนั้น
ซีจ้านเฉินหรี่ตามองนาง “หึ ไม่รู้ทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ให้แม่นางน้อยที่ไม่เคยพบกันมาก่อน เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?”
ชิงอวี่ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ต้องเคยพบอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นท่านไม่ได้สติ ก็คงจำคนที่พบตอนนั้นไม่ได้นั่นล่ะ…..
เดินมานานแล้ว เห็นว่าซีจ้านเฉินไม่คิดไล่นางไป ดูท่าจะยอมปล่อยให้ชิงอวี่เดินตามเขาไปเช่นนี้
ทว่าในหัวชิงอวี่กลับบอกนางว่าที่หมอนี่ไม่แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อนางอาจเพราะในกายมีสายเลือดเผ่าอสรพิษอยู่ ส่วนร่างเดิมของจิตวิญญาณอาวุธในร่างนางก็คือราชันของเหล่างู งูหลามแรดยักษ์ทองคำด้วยแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสนิทสนมกับนางอย่างไรเล่า!
อืม ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ หาไม่แล้ว หากเขารู้ว่านางคิดชิงดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์ไปจากมือเขาละก็ มีหวังได้ปลิดชีพนางในดาบเดียวแหง
ส่วนเสี่ยวเป่ย เจ้าเด็กนั่นฉลาดมีไหวพริบ น่าจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง ดังนั้นนางต้องคิดหาทางชิงดอกบัวหัตถ์พระโพธิสัตว์ตรงหน้าเสียก่อน…..