แม้จะถูกเหยาซูสงสัย แต่แววไม่พอใจกลับไม่มีทีท่าจะแสดงออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย นางเพียงแค่พยักหน้า “วันนี้เป็นข้าเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ บุกมาเยี่ยมถึงบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าว เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่รบกวนครอบครัวของท่านแม่ทัพแล้ว”
ขณะพูด นางก็ตะโกนเรียกอาซู่เตรียมผละจากไป แต่กลับถูกเหยาซูเรียกดักไว้
“แม่นางตู้ช้าก่อน” หญิงสาวยิ้มพลางพูดว่า “เป็นข้าที่ไม่รู้จักพูดเอง แม่นางตู้มีความอดกลั้น คงไม่ถือสา เพิ่งมายังไม่ทันนั่งพักก็จะไปเสียแล้ว คงไม่ใช่เพราะข้ากับอาเหราต้อนรับไม่ดีหรอกนะเจ้าคะ?”
หลินเหราอยากจะต้อนรับไม่ดีด้วยซ้ำ ให้คุณหนูใหญ่ไร้เหตุผลผู้นี้รีบกลับไปเสียที
อาจื้อและอาซืออยากจะไปขี่ม้าใจจะขาดแล้ว ก้นทั้งคู่แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
เหยาซูรู้ว่าประโยคที่พูดออกมาสร้างความกลัดกลุ้มใจให้ตู้เหิงเพียงใด
เมื่อได้ยินคำพูดที่เหยาซูพูดออกมา ตู้เหิงก็พลันขมวดคิ้ว
ในอดีต ยามนางเดินชนกับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เหล่านั้น ก็มักจะพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้เสมอ แสดงท่าทียอมรับผิดก่อน ดักทางผู้อื่นไว้
บัดนี้เมื่อโดนผู้อื่นพูดจาเช่นนี้กลับมาจึงรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
นางรู้สึกรำคาญใจอย่างมาก แต่กลับต้องรักษารอยยิ้มไว้ “ข้าไม่ถือสาหรอก เห็นอาจื้อดวงตาแดงก่ำ เมื่อครู่คงมีการทะเลาะกันกระมัง? หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าไม่รบกวนดีกว่า”
เหยาซูลูบศีรษะของอาจื้อ และพูดว่า “เด็กนี่นะ อาเหราพูดคำสองคำก็น้อยใจแล้ว แม่นางตู้จะไปแล้วจริง ๆ หรือ?”
ตู้เหิงจะไปแล้วจริง ๆ
เป้าหมายที่สำคัญในวันนี้คือการเจอหน้าภรรยาแต่งของหลินเหรา บัดนี้ได้เจอแล้วก็จริง แต่กลับยิ่งทำให้ตนไม่สบายใจมากขึ้น
เหยาซูไม่เพียงแต่จะไม่เหมือนกับหญิงสาวชนบทอย่างที่ตนคาดคิดไว้เท่านั้น ตรงกันข้ามยังเจ้าแผนการอีกด้วย เป็นนางเองที่ประมาทศัตรู ชะล่าใจเกินไป
ใบหน้าของตู้เหิงเย็นชาลง ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “ไม่รบกวนแล้ว”
นางพูดพลางลุกขึ้นยืน เจ้าบ้านจึงพากันลุกขึ้นตาม
เหยาซูทำท่าจะไปส่ง ตู้เหิงกลับพูดอย่างเกรงใจว่า “ท่านโปรดอยู่เถอะ”
เดิมทีนางคิดว่าเหยาซูมีความเกรงใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้หลินเหราออกไปส่งนาง ใครเล่าจะคิดว่าอีกฝ่ายพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นแม่นางตู้ แม่นางอาซู่ เดินทางปลอดภัย”
เด็กทั้งสองคนก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ใบหน้าแสดงความดีอกดีใจออกมา เหมือนกับว่าอยากจะไล่พวกนางกลับอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งเห็นตู้เหิงก็ยิ่งขุ่นเคืองใจ
ในอดีตอย่าว่าแต่การต้อนรับอันยิ่งใหญ่ต่อแขกที่เยี่ยมเยือนถึงบ้านของเจ้าของเลย แค่การส่งแขก ก็ยังเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก
วันข้างหน้าหลินเหราต้องเข้า ๆ ออก ๆ ราชสำนัก สตรีไร้มารยาทเช่นนี้จะเตรียมตัวเข้าสังคมของสตรีชั้นสูงได้อย่างไร จะเป็นภรรยาที่คู่ควรได้อย่างไร?
ตู้เหิงปรายตาขึ้นและมองไปยังเหยาซูอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พร้อมทั้ง ‘กล่าวลา’ สั้น ๆ และหมุนตัวเดินจากไป
เมื่อนายและบ่าวคู่นั้นออกจากบ้านแล้ว อาจือก็รีบถามทันที “ท่านแม่ เราไปขี่ม้าได้แล้วใช่หรือไม่?”
เหยาซูไล่ตู้เหิงที่น่ารังเกียจผู้นั้นไปแล้ว เมื่อเห็นเด็กชายมีสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง จึงอดยิ้มและหัวเราะไม่ได้ “พวกเจ้า! รีบไปเก็บของสิ!”
เด็กทั้งสองคนตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ และพากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลินเหราที่อยู่ด้านข้างไม่พูดสิ่งใดมาโดยตลอด เขาไม่ค่อยเห็นท่าทางระเบิดอารมณ์ของเหยาซูบ่อยนัก จึงรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีของนาง
เขาจึงถามออกไปโดยตรง “อาซู เจ้าไม่ชอบนางหรือ?”
ถึงอย่างไรตู้เหิงก็มีอายุไม่มากนัก คิดว่าในอดีตชาติคงจะไม่เคยประสบกับความลำบาก จึงไม่สงบหนักแน่นมากพอ
การพบกันในวันนี้ เหยาซูย่อมสังเกตเห็นเจตนาร้ายของตู้เหิง จึงไม่ยอมใช้ท่าทีที่อ่อนโยนกับนาง
เหยาซูไม่ปกปิดความรู้สึกที่มีต่อตู้เหิง ทั้งยังมองเข้าไปนัยน์ตาอันลึกซึ้งของหลินเหราพลางส่ายหน้า “ข้าไม่ชอบนาง เราไม่ใช่คนโลกเดียวกัน อีกอย่างแม่นางตู้ผู้นี้ก็ให้ความสนใจกับท่านมากด้วย”
นางไม่ใช่ผู้ที่ชอบหึงหวงอย่างรุนแรง แต่ก็มีบ้างบางครั้ง นั่นทำให้หลินเหรารู้สึกดีใจอย่างมาก
สายตาของเขาอ่อนโยนลง และมองไปยังดวงตาคู่นั้นของเหยาซูด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากที่มองตู้เหิงเมื่อครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มพลางพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ชอบนาง วันข้างหน้าข้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับนางให้น้อยลง”
เหยาซูกระชากเสื้อส่วนแขนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ลากเขามาข้างกายตัวเอง จ้องมองเข้าไปในตาของหลินเหราอย่างไม่ลดละ จากนั้นก็พูดจริงจังว่า “ท่านพูดแล้วนะ ถ้าวันข้างหน้าข้ารู้ว่าท่านกับนางมีความสัมพันธ์อะไรต่อกันล่ะก็…”
นัยน์ตานางเปล่งประกายอย่างที่หลินเหราไม่เคยเห็นมาก่อน และแฝงไปด้วยอันตรายอย่างมาก ช่างเป็นความงามนี่ทำให้อกสั่นขวัญหายยิ่งนัก
หลินเหรามองไปยังดวงตาคู่งามดุจนิลกาฬของนางอย่างหลงใหล ถือโอกาสนี้ขยับเข้าไปใกล้นาง และพูดเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำว่า “ไม่มีทาง อีกสองวันข่าวคราวที่หัวหน้าผู้ตรวจการส่งไปยังเมืองหลวงจะตอบกลับมา และจะมีคนมารับตัวคุณหนูใหญ่ผู้นี้กลับไป”
เหยาซูจึงคลี่ยิ้มอย่างพอใจ
‘ใครครอบครองก่อนผู้นั้นย่อมได้เปรียบ‘ ยังคงเป็นความคิดที่ทุกคนต่างมี เหยาซูก็ไม่มีข้อยกเว้น
แรกเริ่มนางดึงดันที่จะแยกทาง นอกจากจะไม่อยากเกี่ยวข้องกับหลินเหรามากนัก นางก็รู้ว่าในอนาคตหลินเหราจะใช้ชีวิตร่วมกับตู้เหิง จึงไม่อยากเดิมพันความรู้สึกของตัวเองให้กับคนที่ไม่แน่ใจ
แต่สายตาที่หลินเหรามองตู้เหิง กลับเหมือนมองคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง
ทำให้เหยาซูรู้สึกว่าบางทีอนาคตก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ อุปสรรคระหว่างพวกเขาไม่ได้มากมายอย่างที่นางคิดไว้ตั้งแต่แรก
ดวงตาคู่นั้นของนางเปล่งประกาย พร้อมกับจ้องมองไปยังหลินเหราอย่างไม่วางตา “ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้แล้ว งั้นข้าเชื่อท่านก็ได้ วันข้างหน้าหากมีเรื่องอะไรอีก ห้ามปิดบังข้าโดยเด็ดขาด”
หลินเหรายกมุมปากขึ้น
เขาพยักหน้า จากนั้นก็ขยับเข้าใกล้เหยาซูอย่างช้า ๆ ตามความปรารถนาของตัวเอง สุดท้ายก็ประทับจุมพิตบนแก้มของนาง และพูดเสียงต่ำ “ข้ารับปาก นี่คือคำสัญญาจากข้า”
เหยาซูผลักหลินเหราออกเบา ๆ แต่กลับถูกเขากระชับอยู่ในอ้อมแขน จนรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ท่านไปเรียนเรื่องเหล่านี้มาจากที่ใดกัน!”
เขาหัวเราะเสียงต่ำ ความหึงหวงที่เหยาซูมีต่อหลินเหรา ทำให้ในใจของหลินเหรารู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง
เวลานี้เขาเพิ่งจะมั่นใจโดยแท้จริง ในใจของเหยาซูมีเขาอยู่ ยิ่งทำให้เขาเบิกบานใจ
มือขวาของเขาผสานเข้ากับมือขวาของเหยาซู พลางพูดกับนางด้วยเสียงแผ่วเบา “อาซู บาดแผลบนไหล่ของข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าอยากจะตรวจดูสักหน่อยไหม?”
เหยาซูถูกเขาโอบไว้ในอ้อมแขน เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็พาให้นิ้วมือเริ่มสั่นระริก เริ่มถามอย่างไม่แน่ใจ “ตรวจดู? ทำ…ทำไมต้องตรวจดูด้วยเล่า?”
น้ำเสียงของหลินเหรายังคงปกติ แยกความผิดปกติไม่ออก “มันสมานกันแล้ว พาเด็กทั้งสองคนไปขี่ม้าได้โดยไม่เป็นอุปสรรค ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าแกะผ้าพันแผลให้เจ้าดูก็ได้นะ”
เหยาซูหันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าหลินเหราแค่อยากให้เธอวางใจโดยแท้จริง ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝง…..
นางกระแอมออกมาเบา ๆ และพูดกับเขาว่า “เรื่องตรวจไม่จำเป็นหรอก….บาดแผลของท่าน ตัวท่านรู้ก็พอ”
แก้มของเหยาซูแดงระเรื่อ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คำพูดของแม่นางตู้ในวันนี้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
คำพูดของตู้เหิงในวันนี้ เหยาซูยังคงเก็บมาใส่ใจ
ถึงอย่างไรในนิยายก็ต้องดำเนินเรื่องตามเค้าโครงสำคัญของการกลับชาติมาแก้แค้นอย่างเหี้ยมโหดของตู้เหิง แต่รายละเอียดที่เกี่ยวกับหลินเหราไม่ได้เขียนไว้มากมายเท่าไรนัก
จากรายละเอียดเหล่านี้ ว่ากันว่าหลินเหราได้เข้าราชสำนักตั้งแต่อายุยังน้อย ทุกอย่างดำเนินการอย่างราบรื่น กระทั่งได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ให้มีคนที่อยู่เบื้องหลังคอยคุ้มกันปกป้องเขา?
หลินเหรายังคงโอบกอดนางไม่ยอมปล่อย “นางมีเรื่องอยากให้ข้าช่วย”
เหยาซูเข้าใจทันใด “ท่านหมายความว่า….แม่นางตู้จะมาหาท่านอีกอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากที่อยู่กับชายหนุ่มมาเนิ่นนาน เหยาซูก็ค่อย ๆ เข้าใจแนวทางที่เขาปฏิบัติมากขึ้น
หลินเหราเป็นคนที่ระแวดระวังและอ่อนไหวมาก
หากเขามีความสงสัยบางอย่าง จะต้องลงมือโจมตีในเวลาที่เหมาะสมที่สุดอย่างแน่นอน ระหว่างนั้นก็จะใช้ความอดทนถึงขีดสุด รอคอยโอกาสอยู่เงียบ ๆ
ชายหนุ่มพยักหน้า ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ราวกับกำลังคิดว่าจะอธิบายให้เหยาซูฟังอย่างไร ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่ในตัวของตู้เหิง ข้าสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง….นางดูเหมือนจะมองทะลุปรุโปร่งว่าข้าเป็นคนอย่างไร บางทีสิ่งที่นางพูดในวันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก ข้ามักรู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่นางพูด น่าจะต้องมีมูลความจริงเป็นแน่”
เหยาซูเงยหน้าขึ้น และมองไปยังดวงตาของหลินเหราพลางถามว่า “เช่นนั้นท่านกำลังคิดจะรอการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของแม่นางตู้?”
หลินเหราพูดยอมรับ “ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น ดีกว่าเราสืบโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ สู้ให้นางบอกเองดีกว่า”
เหยาซูไม่เขาใจเลยแม้แต่น้อย “แล้วเหตุใดวันนี้ถึงไม่ถามเล่า? เห็น ๆ อยู่ว่านางบอกเป็นนัยอย่างชัดเจนเพียงนั้น…”
ชายหนุ่มกลับมองไปทางเหยาซูอย่างประหลาดใจ และพูดอย่างจนปัญญา “ก็วันนี้บอกว่าจะไปขี่ม้าไม่ใช่หรือ? อีกอย่างไม่ว่านางจะพูดความจริงหรือโกหก หากเกี่ยวพันกับปัญหาที่ยุ่งยากกว่าเดิมแล้ววันนี้เราจะออกจากบ้านได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเหตุผลนี้ เหยาซูก็ตื่นตะลึงทันใด
นางคิดว่าตัวเองเข้าใจความคิดของหลินเหราแล้ว กลับยังพ่ายแพ้ให้กับสมองกลับทาง [1] ที่คอยคิดแหวกแนวของเขาเสมอ
เหยาซูหมดคำจะพูด “ขี่ม้าไปตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ? สุดท้ายแล้วเรื่องใดสำคัญกว่ากันเล่า?”
หลินเหราไม่พูดสิ่งใดอีก แค่มองไปยังเหยาซู ดวงตาภายใต้แพขนตายาวคู่นั้นเปล่งประกายสุกสกาวมากขึ้น
เหยาซูเข้าใจการไม่เอ่ยสิ่งใดของเขาในทันที สำหรับเขาแล้วเรื่องการออกไปข้างนอกกับภรรยาและลูกสำคัญยิ่งกว่า
ดวงตาคู่นั้นของเขาเรียวแคบดั่งดวงตาหงส์ตามฉบับ สีหน้าที่ไร้ความรู้สึกตลอดเวลาทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกจนยากจะหลุดพ้นได้
แต่เมื่อแววตาของหลินเหราอ่อนโยนลง ดวงตาคู่นั้นระยิบระยับเต็มไปด้วยแสงดาวที่ชวนหลงใหล นำพาให้คนจมลงในแอ่งน้ำของบึงอันไกลลิบแห่งนี้
เมื่อสังเกตเห็นดวงตาคู่นี้เหยาซูจึงโพล่งออกไปว่า “ที่ท่านพูดก็ถูก”
จู่ ๆ นางก็ไม่อยากสนใจเรื่องสับสนวุ่นวายเหล่านั้นอีกแล้ว
จะเกิดใหม่ก็ดี แก้แค้นก็ดี ความคิดของตู้เหิงไม่เกี่ยวกับนางเลยแม้แต่น้อย
เหยาซูในตอนนี้แค่อยากใช้ชีวิตยามเช้าอย่างสงบสุขอยู่กับหลินเหราและเด็ก ๆ
หญิงสาวยิ้มตาหยีเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หากวันนี้ไม่ได้ไป ต้าเป่าจะไม่ร้องไห้สูญเปล่าหรือ?”
เด็กทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ารวดเร็ว กระทั่งมาเร่งเร้าให้ออกเดินทาง พลางพูดเจี้อยแจ้วกันไม่หยุด
[1] สมองกลับทาง เป็นศัพท์แสลงในโลกออนไลน์จีน แปลว่าคนที่มีพฤติกรรมแตกต่างจากปกติทั่วไป
สารจากผู้แปล
ทั้งสองคนน่าจะโชว์ความหวานระดับหวานตัดขาแบบนี้ต่อหน้ายัยคุณหนูนั่นนะคะ ให้นางอกแตกตายใบหน้าซื่อตาใสแหลกสลายไม่มีชิ้นดีอยู่ตรงนั้นไปเลย
พี่เหราเวลาอ่อนโยนนี่ก็น่ารักเหมือนกันน้า
ไหหม่า(海馬)