บทที่ 195 เจ้าอย่ากลัว ไม่เป็นไรแล้วนะ
นายท่าน….. ดูเป็นห่วงแม่นางน้อยมากเกินไป
เขาเป็นเจ้าแคว้นมาร เป็นผู้ครองเขตแดนหนึ่งในแดนเมฆาสวรรค์ เช่นนั้นไม่ดีต่อเขาแม้แต่น้อย
ท้องฟ้าสีน้ำเงินที่ไร้เมฆใดพลันมีลมพายุโหมกระหน่ำ เมฆดำหนาดั่งสีหมึกพลันก่อตัว บรรยากาศกดดันบีบคั้นพลันปรากฏ
พรวด!!
เด็กสาวที่ยืนหน้าซีดพลันพ่นเลือดออกมา
“ท่านแม่!”
โร่วโร่วพุ่งออกจากแขนเสื้อชิงอวี่ ไม่สนเรื่องที่ต้องปิดว่าตนสามารถพูดภาษามนุษย์ได้อีกต่อไป เอ่ยถามชิงอวี่ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ท่านแม่เป็นอะไรไป? ท่านเจ็บตรงไหนหรือ?”
ซีจ้านเฉินใช้แขนรั้งร่างเด็กสาวที่เกือบจะล้มลงแล้วขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
เขาไม่เห็นรู้สึกผิดปกติอะไร ทว่าเด็กสาวราวกับถูกพลังซัดเข้าจนบาดเจ็บ ใบหน้าไร้สีเลือด
ชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น ส่งเสียงฮึ่มทีหนึ่งก็พยุงตัวเองลุกขึ้น มองไปยังกลุ่มก้อนหนาแน่นเบื้องหน้าที่หลบซ่อนในความมืดอย่างไม่เชื่อสายตา พวกมันมาปรากฏที่นี่ได้อย่างไรกัน…..
มันคือศัตรูตัวฉกาจต่อสายเลือดบริสุทธิ์ของนาง ปีศาจซากผีที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายทุกอณูขุมขน เป็นตัวตนชั่วร้ายที่สุดของที่สุด
สถานที่ดั่งแดนเซียนอย่างสำนักละอองหมอกกลับมีเจ้าสิ่งชั่วร้ายอยู่ได้
ดูท่าวันนี้นางคงเอาชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว ปีศาจซากผีชอบมนุษย์เป็น ๆ ที่ถือครองสายเลือดบริสุทธิ์เป็นที่สุด
ชิงอวี่หน้าซีดไร้สีเลือด คว้าแขนชายหนุ่มข้าง ๆ ไว้แน่นแล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟัน “ซีจ้านเฉิน ไปเดี๋ยวนี้”
แม้ปีศาจซากผีอาจจะไม่ได้ทำอันตรายเขามาก แต่มันก็เป็นปีศาจ หากเผชิญหน้ากับมันนานนักก็อาจทำร้ายร่างกายทางใดก็ทางหนึ่งได้
แต่มีหรือที่ซีจ้านเฉินจะทิ้งนางไปเช่นนี้ได้? เขากับนางอาจรู้จักกันได้ไม่ถึงวัน แต่อาจเป็นเพราะโชคชะตาอันน่าประหลาด เขากลับรู้สึกชอบเด็กสาวนัก
ทำให้เขาไม่อาจทิ้งนางไปโดยไม่ทำอะไรได้
แม้ศัตรูจะดูรับมือยาก ทว่าเห็นนางพ่นเลือดออกมาเช่นนั้น ซีจ้านเฉินก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่เร่งรุดขึ้นในอก
เจ้านั่นทำนางบาดเจ็บ
ชายหนุ่มเงื้อดาบขึ้นช้า ๆ พริบตาที่ดาบสะท้านมารออกจากฝัก เมฆดำบนฟ้าก็ยิ่งปั่นป่วน กลิ่นอายทรงพลังของดาบหนาแน่นจนแทบจับต้องได้ ซัดคลื่นดาบนับไม่ถ้วนเข้าใส่ม่านหมอกตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
หากเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นก็คงถูกคลื่นดาบจนแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือไปแล้ว ถูกสะบั้นวิญญาณสลาย
แต่นี่คือปีศาจซากผี เป็นตัวตนที่ชั่วร้ายที่สุด การโจมตีธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้
เมื่อถูกคลื่นดาบซัดเข้าใส่ ม่านหมอกนั่นก็ยิ่งขยายตัว ซีจ้านเฉินถอยออกมาสองก้าว กลิ่นอายไม่มั่นคงไปเล็กน้อย
เจ้านั่น กลืนคลื่นดาบเขาเข้าไป!
“ดาบสะท้านมารเป็นดาบปีศาจ พลังของมันยิ่งจะทำให้เจ้านั่นแกร่งขึ้น อย่าเสียแรงเปล่าอีกเลย” ชิงอวี่อธิบายเสียงอ่อน
ซีจ้านเฉินสีหน้าทะมึน “ไม่มีทางสู้เลยหรือ?”
ชิงอวี่ส่ายหน้ายิ้มขื่น “ปีศาจซากผีไม่มีจิตนึกคิดเอง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอะไร เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ ไม่มีทางต่อกรกับมันได้ ทั้งยังหยุดมันไม่ได้อีกด้วย”
นางไม่คิดเลยว่าชีวิตยี่สิบกว่าปีในชาติก่อนนางไม่เคยพานพบมัน แต่มาเกิดใหม่ครั้งนี้จะมาปรากฏตรงหน้านางได้
แต่จะให้นางยอมแพ้ไปง่าย ๆ ก็คงไม่ใช่นาง หากนางจะต้องตาย นางก็จะลากมันไปด้วย!
ชิงอวี่เช็ดเลือดมุมปาก ก่อนจะวาดผนึกที่ดูสลับซับซ้อนและร่ายคาถา จิกเล็บยาวลงบนฝ่ามือตน ใช้เลือดสีแดงสดเติมเต็มผนึกที่ร่างเอาไว้อยู่เบื้องหน้า หยาดเลือดไหลเวียนอยู่ในวงผนึก ชวนให้หลงใหลนัก
“ชิงอวี่ เจ้าทำอะไร?” ซีจ้านเฉินเห็นว่านางกำลังทำพิธีบางอย่าง อีกทั้งกลิ่นอายนางยังจางลงไม่น้อย
“ปีศาจซากผีปรากฏตัวขึ้นเพราะสายเลือดบริสุทธิ์ของข้า มีแต่กลืนกินข้าเข้าไปมันจึงจะหยุดมือ ไม่เช่นนั้นมันจะหันไปกลืนกินทุกสิ่งอย่างที่นี่ ข้าไม่ชอบทั้งสองทางจึงไร้ทางเลือก ต้องสู้สุดตัว”
ชิงอวี่เหมือนจะฝืนยิ้มออกมา ได้แต่ภาวนาว่าโหลวจวินเหยาจะมีวิธีรับมือกับมัน
ซีจ้านเฉินเดินเข้ามาถาม “ข้าช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่?”
ชิงอวี่ส่ายหน้าอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องที่ท่านช่วยอะไรไม่ได้ ข้าบอกให้ท่านไปแล้วแต่ท่านปฏิเสธ เริ่มเสียใจขึ้นมาหรือยังเล่า?”
ซีจ้านเฉินรู้ว่านางเอ่ยไปเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่ใบหน้าเคร่งเครียดก็ยังไม่คลายลงแม้แต่น้อย
เมื่อเวลาผ่านไป หมอกหนาที่ปกคลุมร่างก็เริ่มเผยให้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน
มันคือตัวประหลาดที่สูงราวหนึ่งจั้ง รูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีหัวเป็นอสูรดูชั่วร้ายโหดเหี้ยม
นั่นคือร่างที่แท้จริงของปีศาจซากผี แท้จริงแล้วมันคือกลิ่นอายชั่วร้ายที่รวมตัวกันจนมีรูปร่างขึ้นมา ยามเวลาผ่านไปหลายปีก็เปลี่ยนแปลงพัฒนารูปกายจนกลายเป็นเช่นนี้ กลายเป็นปีศาจซากผีอันทรงพลัง
มันพูดไม่ได้ แต่มีสัญชาตญาณ นัยน์ตาสีแดงเถือกของมันจ้องลงมายังมนุษย์ที่มีเลือดหวานฉ่ำที่สุด อยากจะกลืนนางลงคอไปเสียเดี๋ยวนั้น
ชิงอวี่ยกยิ้มเย้ยหยันน้อย ๆ นางยื่นมือออกไปรวมผนึกไว้ที่เหนือศีรษะ ก่อนที่ปีศาจซากผีที่ดูเงอะงะไปสักหน่อยจะทันตั้งตัว นางก็กระแทกผนึกนั่นเข้าใส่อกมนุษย์ของมันแล้ว พริบตาต่อมา เสียงระเบิดดังลั่นก็ดังตามมา เกิดเป็นรูขนาดย่อม ๆ บนอกของมัน
ของเหลวข้นสีดำพุ่งออกมาจากรูนั้น
เลือดสีแดงสดที่ใช้สร้างผนึกส่งผลให้ปีศาจซากผีร่างเน่าเปื่อยลงอย่างรวดเร็ว เลือดสดโดนตรงไหนก็เน่าเปื่อยในพริบตา
ปีศาจซากผีคำรามลั่น ไม่คิดว่านางจะทำกับมันเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่มันพบอาหารที่โอหังถึงเพียงนี้ กล้าสู้มันกลับเช่นนาง
มันย่อมไม่ปล่อยให้นางรอดชีวิตไปได้แน่!
ร่างยักษ์ของมันค่อย ๆ ก้มลงมา กะโหลกอสูรของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หมายจะฉีกร่างเด็กสาวออกเป็นชิ้น ๆ
มันอ้าปากเหม็นเน่ากว้าง พ่นก้อนหมอกดำออกมา ชิงอวี่หรี่ตาลงก่อนรีบกระโดดหลบ พุ่มไม้หนาตรงจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ถูกหมอกนั่นจนไหม้เกรียม
เห็นว่านางหลบได้เช่นนั้น ปีศาจซากผีก็ยิ่งแค้น ยืดแขนทั้งสองหมายจะคว้าร่างนางไว้ แต่เพราะมันตัวใหญ่นักจึงเงอะงะงุ่มง่าม ไม่คล่องแคล่วปราดเปรียวเท่าเด็กสาว ไม่ว่าทำอย่างไรจึงจับตัวนางไว้ไม่ได้เลย
ปีศาจซากผียิ่งโกรธจัด ปากขนาดยักษ์ที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคลุมยิ่งพ่นหมอกดำออกมาจนทั่วทิศ ล้อมไว้ทุกทาง ชิงอวี่กระโดดหลบไปเรื่อย ๆ
ซีจ้านเฉินมองภาพนั้นด้วยความกังวล เอ่ยกับดาบในมือเสียงขรึม “ดาบสะท้านมาร เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ เจ้าทรงพลังแข็งแกร่งนักไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้จึงหดอยู่แต่ในกระดองไปได้!?”
สิ่งที่เขากำลังสื่อสารด้วยคือวิญญาณดาบของดาบสะท้านมารนั่นเอง
น่าแปลกที่ประโยคกล่าวเสียดของเขา กลับไม่อาจทำให้ดาบสะท้านมารโมโหจนเผยตัวตนได้ กลับได้ยินเพียงเสียงเยียบเย็นเอ่ยขึ้น “นายท่าน ข้าแนะนำว่าอย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นจะดีกว่า ปีศาจซากผีเป็นตัวตนชั่วร้ายที่แม้แต่ข้าก็ไม่อาจรับมือไหว ท่านอย่าประเมินตนสูงไปแล้วเอาไข่ไปกระทบหินเลย วันนี้เด็กสาวนั่นคงไม่รอดแล้ว เพราะปีศาจซากผีเล็งใครไว้ก็ไม่มีใครเคยรอดพ้น นายท่าน ข้าว่าท่านรีบหนีเถอะ!”
ซีจ้านเฉินนัยน์ตาเย็นชา “เจ้าอยากให้ข้าเป็นคนกลับคำพูดหรือ?”
“นายท่าน ท่านทำเช่นนั้นนับว่ามีเหตุผลดีแล้ว แล้วใครจะโทษที่ท่านกลับคำได้? นางก็บอกให้ท่านไปแล้วไม่ใช่หรือ? อยู่ไปท่านก็ช่วยอะไรนางไม่ได้ ทำไมไม่…..”
“หุบปาก!”
ซีจ้านเฉินตัดบทเสียงเย็น กลิ่นอายน่าขวัญผวาที่แผ่จากร่างทำให้ดาบสะท้านมารหุบปากฉับทันที
ช่างเถอะ ไม่กล่อมแล้วก็ได้ นายท่านตัดสินใจอะไรแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจอีก อย่างมากมันก็แค่ถูกสังหารไปพร้อมกับนายท่านก็เท่านั้น
ที่อีกด้านหนึ่ง ปีศาจซากผีจับเด็กสาวไม่ได้เสียที เหมือนจะเริ่มรู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ได้ผล มันจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ อ้าปากกว้างแล้วใช้พลังดูดร่างชิงอวี่เข้าไปแทน
ชิงอวี่ไม่ทันตั้งตัวจึงสะดุดล้มไป ถูกมันดูดเข้าไปอย่างคุมอะไรไม่ได้ ซีจ้านเฉินคว้าแขนนางไว้ก่อนเอ่ยเสียงเครียด “เจ้าอดทนไว้ก่อน อย่าปล่อยมือข้า”
ในตอนนั้นเอง ดาบสะท้านมารก็สะบัดหลุดจากฝัก ปักลงกับพื้นแน่น รั้งร่างทั้งสองเอาไว้
“ซีจ้านเฉิน! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” ชิงอวี่ไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องอันตรายเช่นนี้ นัยน์ตางามจดจ้องเขาพร้อมกล่าวเสียงกระชาก “มันรั้งไว้ได้ไม่นานหรอก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“ข้าไม่ปล่อย ข้าส่งสัญญาณไปแล้ว เรารั้งไว้จนกว่าคนของข้าจะมาถึง เรายังมีโอกาสรอดอยู่” ซีจ้านเฉินว่าแล้วก็บีบแขนนางแน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับกรงเล็บเหล็ก
ทว่าพลังของปีศาจซากผีไม่ใช่สิ่งที่คนทั้งสองจะต้านทานไหว นางรู้ดีว่าหากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่างมากก็รั้งได้เพียงหนึ่งเค่อ เสียแรงเปล่าประโยชน์ เขาเองก็อาจตายได้
บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของแดนผู้นี้ นางรู้จักเขาผ่านคำร่ำลือเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่จิตใจดีและรักษาคำพูดตนเองเช่นนี้ ทั้งที่เขากับนางรู้จักกันไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นมืดสนิท เมื่อไรที่ยามราตรีมาถึงอย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นปีศาจซากผีจะมีพลังสูงสุด หมดหวังจะเอาชนะมันได้อีก
ร่างนางถูกมันดูดเข้าไปอย่างทำอะไรไม่ได้ ทว่าแขนนางกลับถูกเขารั้งไว้แน่นหนา
ชิงอวี่หรี่ตาลง เงื้อมมือขึ้นข้างหนึ่ง แต่เขารู้ทันนาง รีบเอ่ยขึ้นว่า “หากเจ้าทำเช่นนั้น ข้าจะปล่อยมือจากดาบเสียเดี๋ยวนี้!”
ชิงอวี่อยากร่ำไห้นัก ทำไมเขาถึงรั้นนัก? อยากตายไปพร้อมกันมากขนาดนั้นเลยหรือ?
“ซีจ้านเฉิน ท่านลืมไปแล้วหรือว่ายังมีตำหนักนักฆ่าให้อยู่ดูแล? ท่านเป็นหัวเรือหลักของหุบเขาไร้กังวลไม่ใช่หรือ? ท่านตายไปเช่นนี้ก็จะทอดทิ้งพวกเขาไว้งั้นหรือ? ท่านไม่ใส่ใจพวกเขาแล้วหรือ?” ชิงอวี่ถามเสียงจนใจ
คนภายนอกรู้เพียงว่าซีจ้านเฉินเป็นนักฆ่าแห่งแดน แต่ตัวตนที่แท้จริงนั้นเป็นความลับ รู้กันเฉพาะคนในหุบเขาเท่านั้น แล้วนาง….. รู้ได้อย่างไรกัน?
“แท้จริงแล้วข้าเป็นสายลับจากละอองหมอกที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาไร้กังวล ท่านไม่ต้องสละชีวิตเพื่อข้าก็ได้ ไม่คุ้มหรอก” นางแสดงได้สมจริงนัก ทว่าซีจ้านเฉินก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
เขาจ้องตานางนิ่ง เอ่ยเน้นย้ำทุกคำ “เจ้าจะพูดอะไรก็เถอะ ข้าไม่ปล่อยมือเจ้าแน่”
บุปผาบานใต้ตาซ้ายของเขาเหมือนจะส่องประกายจาง ๆ ปีศาจซากผีคำรามบ้าคลั่งออกมา ก่อนจะพ่นหมอกดำพุ่งเข้าใส่ร่างซีจ้านเฉิน
เมื่อหมอกดำแตะโดนอะไรก็ตาม โชคดีสุดก็จะกลายเป็นซากผี หรือหากโชคร้ายก็จะร่างสลายในพริบตา
เขาบ้าไปแล้วหรือ!? เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?!
ชิงอวี่กัดฟันแน่น เค้นสมองคิดหนัก คนธรรมดาถูกมันคงไม่รอด แต่หากเป็นนาง หากโชคดีก็ยังมีโอกาสรอดได้
คิดได้ดังนั้น ชิงอวี่ก็พลิกตัว ใช้แผ่นหลังกันพลังหมอกดำที่ถูกซัดมาทันที
“อึก…..”
มันเจ็บมาก ราวกับหนังทั่วแผ่นหลังถูกถลกหนังออก นับเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเจ็บปวดเกินทนขนาดนี้
“ชิงอวี่!”
ในขณะที่สติสัมปชัญญะของนางกำลังรางเลือนลงทุกที นางเหมือนจะเห็นเงาร่างคุ้นตาช้อนร่างนางขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าหลงใหลเอ่ยปลอบประโลม “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว”
แล้วนางก็ปิดเปลือกตาลง