บทที่ 161 ท่านเชื่อข้าหรือไม่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 161 ท่านเชื่อข้าหรือไม่?

บทที่ 161 ท่านเชื่อข้าหรือไม่?

“ถ้าพูดแบบไม่น่าฟัง กู้ซินเถาผู้นี้เติบโตมาในเมือง ซุนซื่อเลี้ยงดูนางอย่างหญิงในเมือง ทุกครั้งที่กลับมาล้วนแต่งกายงดงามพริ้มเพรา สำเนียงวาจาฉะฉาน เหตุใดกู้ซินเถาจึงเป็นคนเช่นนี้น่ะหรือ? เจ้าดูมารดานางก็จะรู้เอง” แม้เหลียงเหยาซื่อจะไม่ชอบพูดจาให้ร้ายคนลับหลัง แต่บ้านใหญ่กับบ้านสามของตระกูลกู้ก็ทำเกินไปจริง ๆ เหลียงเหยาซื่อจึงต้องพูดให้ได้ “เพียงแต่ว่า นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของพวกเขา คนนอกอย่างเราสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้!”

“ตอนคู่สามีภรรยารองตระกูลกู้ยังมีชีวิตอยู่ก็ถูกพวกเฉาซื่อรังแกจนเป็นเช่นนั้น บัดนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว กลับมาทำกับเด็กน้อยวัยเจ็ดแปดขวบอีก คนของบ้านเก่าแก่ตระกูลกู้นั่น แต่ละคนล้วนมากความ ชอบสร้างความวุ่นวายให้ผู้อื่น!” ในใจท่านป้าจางคุกรุ่นด้วยไฟแห่งโทสะ ฟืนในมือหักสะบั้นดังป๊อก ภายในห้องครัวเล็กพลันเงียบสงัดขึ้นมา

เหลียงเหยาซื่อมองฟืนในมือท่านป้าจาง และไม่ได้สติกลับมาครู่ใหญ่

“จริงสิ น้องสาว วันนั้นที่เสี่ยวหวานโดนเฉาซื่อทุบตีจนสภาพเป็นเช่นนั้น เจ้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยใช่หรือไม่?” ท่านป้าจางรีบเอ่ยถาม เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“ใช่แล้ว ข้าหาบน้ำจะไปดูแปลงผัก ต้องเดินผ่านหน้าประตูบ้านเสี่ยวหวานพอดี พอเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงทุบตีด่าทอจากข้างในเลยเดินเข้าไปดูเสียหน่อย เห็นเฉาซื่อกดกู้เสี่ยวหวานไว้ใต้ร่าง ทุบตีนางไม่หยุดเลย” เหลียงเหยาซื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว ในใจก็ยังคงนึกหวาดกลัว เฉาซื่อเป็นผู้ใหญ่ ทว่ากู้เสี่ยวหวานยังเป็นแค่เด็กน้อยวัยแปดขวบ แค่ความสูงของเฉาซื่อก็สูงกว่าเสี่ยวหวานหนึ่งช่วงตัวแล้ว แถมยังหนักกว่าอีกต่างหาก นางกดร่างกู้เสี่ยวหวานประหนึ่งปลดปล่อยความบ้าคลั่ง ลงมือหนักหน่วงยิ่งนัก

“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าทำไมเฉาซื่อถึงทุบตีเสี่ยวหวาน?”

“วันนั้นข้าได้ยินเฉาซื่อร้องโวยวายให้เสี่ยวหวานคืนเงินของนางเสีย เอาเงินคืนให้นาง!”

“เอาเงินคืนให้นาง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” ท่านป้าจางคลางแคลงใจ นึกถึงที่กู้เสี่ยวหวานจ่ายเงินค่ารักษาของกู้เสี่ยวอี้ในโรงหมอไปหกร้อยตำลึงเงิน หรือว่า เฉาซื่อจะมาแย่งชิงเงิน?

พอพูดถึงเรื่องเงินทอง ท่านป้าจางก็รู้สึกอ่อนไหวมากทีเดียว เมื่อนึกภาพเฉาซื่อมาแย่งชิงเงินก่อนทุบตีกู้เสี่ยวหวานไปหนึ่งยก จากนั้นกู้เสี่ยวอี้ก็ได้รับบาดเจ็บ ต้องไปหาหมอในเมือง และควักเงินจ่ายถึงหกร้อยตำลึงเงิน นี่จะไม่ให้คนสงสัยได้อย่างไร เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ ดูเหมือนจะมีจุดเชื่อมโยงบางอย่าง ทว่าท่านป้าจางกลับบอกไม่ถูกว่าคืออะไร ทำได้เพียงสงสัยในใจเท่านั้น

“ไม่รู้ว่าเฉาซื่อไปได้ยินเสียงนกเสียงกาจากที่ไหน บอกว่าในบ้านกู้เสี่ยวหวานมีทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าทิ้งไว้ให้ก่อนตาย ยกให้บ้านกู้เสี่ยวหวานทั้งหมด ไม่ได้ให้พวกบ้านสาม เฉาซื่อไม่ยินยอมเลยรีบเร่งมาหา หมายจะแย่งเงินมาจากกู้เสี่ยวหวานน่ะสิ” เหลียงเหยาซื่อเล่าเหตุการณ์วันนั้นอย่างคร่าว ๆ นึกถึงตอนกู้เสี่ยวหวานถูกเฉาซื่อทุบตีจนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ในใจก็นึกหวาดกลัว ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันด้วยความคับแค้นใจ

“หลังจากนั้นเล่า? เฉาซื่อได้เงินไปหรือไม่?” ท่านป้าจางถามต่อ

“หา? ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ!”

“ไม่ใช่อะไร ข้ากับเฉาซื่ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมาสิบกว่าปี นางเป็นคนเช่นไรข้ารู้แจ้งแก่ใจดี นางจะยอมจากไปทั้งที่ไม่ได้เงินด้วยหรือ?” ท่านป้าจางไม่เชื่อว่าเฉาซื่อจะยอมแพ้ไปง่าย ๆ จึงถามกลับว่า “เช่นนั้นเฉาซื่อยอมจากไปได้อย่างไร?”

“หา? ข้า…” เมื่อเหลียงเหยาซื่อได้ยินคำถามของท่านป้าจาง ก็เกิดความประหม่าเล็กน้อย กล่าวอึก ๆ อัก ๆ “อาจเพราะนางทุบตีจนเหนื่อยแล้วกระมัง พอไม่ได้เงินก็เลยไป”

“ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้! เฉาซื่อเป็นคนเช่นไร คนในหมู่บ้านไม่มีใครไม่รู้ นางรักเงินทองดั่งชีวิต กลับไปอย่างสิ้นหวังทั้งที่ไม่ได้เงิน ช่างไม่สมกับเป็นเฉาซื่อเอาเสียเลย! วันนั้นเจ้าพูดอะไรกับเฉาซื่อใช่หรือไม่ นางถึงได้ยอมกลับไปแต่โดยดี!” ท่านป้าจางคิดการละเอียดรอบคอบ คิดเชื่อมโยงกับในคืนนั้นที่ไปหาเฉาซื่อที่บ้านเก่าแก่ตระกูลกู้เพื่อถามเบาะแสของกู้เสี่ยวอี้ กู้เฉาซื่อเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมออกมา ถ้านางไม่ได้รับเงินก็ควรมาหากู้เสี่ยวหวานโดยไม่ปลีกตัวจากไปสิถึงจะถูก จะถอดใจไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

“ปะ…เปล่าเสียหน่อย” มือที่กอบกุมฟืนไม้ของเหลียงเหยาซื่อสั่นระริก แต่พยายามอดกลั้นไว้สุดกำลัง ไม่ให้ท่านป้าจางระแคะระคาย นางหัวเราะกลบเกลื่อนพลางเอ่ยว่า “บางที เฉาซื่ออาจจะเชื่อว่าในบ้านของกู้เสี่ยวหวานไม่มีเงินจริง ๆ ในภายหลังก็เป็นได้กระมัง!”

ท่านป้าจางไม่ได้พูดอะไรต่อ มองดูอากัปกิริยาของเหลียงเหยาซื่อที่ต่างจากยามปกติ

ยังดีที่เมื่อครู่ท่านป้าจางมีสติปัญญาเฉียบไว ไม่ได้เล่าเรื่องที่จ่ายเงินค่ารักษากู้เสี่ยวอี้ไปหกร้อยตำลึงเงิน

เหลียงเหยาซื่อต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างปิดบังพวกเขาอยู่แน่ แต่นางไม่พูด พวกเขาก็ไม่รู้จะถามอย่างไร

เหลียงเหยาซื่อน่าจะมีความลับอยู่ภายในใจ ท่านป้าจางคาดเดา พินิจพิเคราะห์เหลียงเหยาซื่อแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจว่าต่อไปคงเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปคบค้าสมาคมกับเหลียงเหยาซื่อ เวลาพวกเขาให้ความช่วยเหลือ แค่ส่งของมาแสดงความขอบคุณเป็นพอ!

เหลียงเหยาซื่อไม่ทราบว่าจะพูดอะไรต่อจึงจบบทสนทนาเพียงเท่านี้ ในขณะที่ท่านป้าจางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่คบหาสมาคมกับครอบครัวของนางอีกแล้ว

นับจากวันนี้เป็นต้นไป เวลาเหลียงเหยาซื่ออยากมาบ้านกู้เสี่ยวหวาน จึงทำได้แค่ยืนอยู่นอกรั้วบ้าน พูดคุยไม่กี่ประโยค โดยที่ท่านป้าจางไม่ได้เรียกนางเข้ามาข้างในอีก

ท่านป้าจางอาศัยอยู่ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานนับตั้งแต่วันนั้น

แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าอยู่ลงหลักปักฐานเสียทีเดียว ตอนกลางวันจะเป็นฉือโถวสอดส่องดูแลในบ้านกู้เสี่ยวหวาน เคี่ยวยาให้กู้เสี่ยวอี้ เก็บพวกฟืนไฟมาไว้ในบ้าน ส่วนท่านป้าจางก็จัดการงานที่บ้านของตัวเอง รอจนกระทั่งใกล้ค่ำ เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จจึงค่อยไปบ้านกู้เสี่ยวหวาน

จากนั้นจะเปลี่ยนกะกับฉือโถว เมื่อฉือโถวกลับไป ท่านป้าจางก็จะมานอนค้างคืนที่บ้านกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าท่านป้าจางกับฉือโถวทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ทว่านางกลับรู้สึกไม่ใคร่สบายใจนัก ฉือโถวกับท่านป้าจางวิ่งไปกลับแบบนี้ทุกวัน แม้ระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่น้ำใจส่วนนี้กลับทำให้กู้เสี่ยวหวานจดจารึกไว้ในใจ

“ท่านป้าจาง พี่ฉือโถว พวกท่านกลับไปเถอะเจ้าค่ะ ในบ้านพวกท่านเองก็มีงานการต้องทำ ท่านลุงจางเดินเหินไม่สะดวก พวกท่านกลับไปดูแลท่านลุงจางจะดีกว่า ที่นี่มีข้าอยู่ก็พอแล้วเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานเอ่ย

“ไม่เป็นไร ท่านลุงจางของเจ้าอายุมากแล้ว เขาดูแลตัวเองได้!” ท่านป้าจางกล่าวต่อ “ข้ากับฉือโถวผลัดเปลี่ยนเวรยาม ตรวจตราความปลอดภัยของพวกเจ้า พวกข้าถึงจะวางใจ หากพวกข้าไปกันหมด พวกเจ้าสองคนบาดเจ็บเช่นนี้ คงหนีไม่พ้นเฉาซื่อจะมาก่อเรื่องวุ่นวายอีก!” ท่านป้าจางพูดด้วยความคับแค้น

“ท่านป้าจาง ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”

“เสี่ยวหวาน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าบอกข้าซิ เฉาซื่อมาก่อกวนหมายจะเอาเงินจากที่บ้าน เรื่องมันเป็นมาเช่นไร? เงินนี้มาจากไหน?” ท่านป้าจางเก็บงำเรื่องนี้อยู่ในใจมาหลายวัน หากไม่ถามตอนนี้ คงได้อึดอัดคับใจตาย!

“เรื่องราวเป็นมาเช่นไรกันแน่ หืม?”

“ท่านป้าจาง ท่านเชื่อข้าหรือไม่เจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานถามกลับ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เหลียงเหยาซื่อ เธอดูมีพิรุธนะ ไอ้พวกนิ่ง ๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่จริง ๆ แล้วรู้ความเป็นไปทุกอย่างหมดเนี่ยน่ากลัวกว่าพวกหาเรื่องต่อหน้าอีก

ไหหม่า(海馬)