ตอนที่ 158 คู่ควร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 158 คู่ควร
“ข้าทราบเจ้าค่ะ! ข้าทราบดี!” ไป๋ชิงเหยียนกอดมารดาแน่นทั้งน้ำตา กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น

“ท่านแม่มิต้องกังวลนะเจ้าคะ ข้าจะกลับมาหาท่านแม่อย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ ท่านแม่เชื่อข้านะเจ้าคะ!”

ต่งซื่อยื่นป้ายหยกสีขาวสำหรับเรียกใช้ทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งให้ไป๋ชิงเหยียน

“นี่คือป้ายยืนยันตัวตนสำหรับเรียกใช้ทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่ง”

ไป๋ชิงเหยียนรับมาพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ข้าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ มิเช่นนั้นข้าจะเดินทางไปขอบคุณท่านยายและท่านน้าชายด้วยตัวเองแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ท่านยายและท่านน้าชายของเจ้ามิได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอก! เจ้าเตรียมตัวเก็บของอยู่ที่เรือนนี่แหละ เตรียมไปให้ครบด้วย ท่านอาสะใภ้รองของเจ้าเพิ่งให้คนนำเสื้อเกราะที่นางสั่งทำไว้เมื่อปีที่แล้วมาให้แม่ ฝากให้แม่นำมาให้เจ้าพกติดตัวไปยังหนานเจียง แม่ดูแล้วว่าวัสดุที่นำมาใช้เป็นวัสดุชั้นเลิศ เป็นเสื้อเกราะที่ดี เจ้านำไปด้วยนะ!” ต่งซื่อจับเส้นผมที่เกลี่ยอยู่ที่หน้าผากของบุตรสาวทัดใบหู

“เจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วยิ้มออกมาบางๆ

“มีท่านแม่ ท่านยาย ท่านน้าชาย และบรรดาท่านอาสะใภ้คอยเป็นห่วง ข้าจะรีบกลับมาก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับเมืองซั่วหยางเจ้าค่ะ”

“ดีมาก!” ต่งซื่อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในใจเต็มไปด้วยความกังวลมากมาย

เมื่อต่งซื่อจากไป ไป๋ชิงเหยียนเริ่มจัดการเรื่องต่างๆ ภายในเรือนชิงฮุย

ถงหมัวมัว ชุนเถาและอิ๋นซวงถูกเรียกให้เข้ามาพบอย่างลับๆ ทั้งสามคนยืนมองไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่หน้าเตาผิงไฟอย่างเคารพ

“หลังข้าจากไป พวกเจ้าจงเชื่อฟังคำสั่งของถงหมัวมัวให้ดี โดยเฉพาะอิ๋นซวง!”

อิ๋นซวงพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง

“บ่าวอยากขอความเมตตาจากคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” ถงหมัวมัวมองไปทางอิ๋นซวงที่ยืนใสซื่ออยู่แวบหนึ่งพลางเอ่ยขึ้น

“บ่าวไม่มีลูกสาว บ่าวอยากรับอิ๋นซวงมาเป็นลูกบุญธรรมเจ้าค่ะ แม้ฐานะของบ่าวจะต้อยต่ำ แต่อย่างน้อยบ่าวก็เป็นหมัวมัวผู้ดูแลข้างกายคุณหนูใหญ่ หากอิ๋นซวงกลายเป็นลูกบุญธรรมของบ่าว บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ต้องไม่กล้าข่มเหงรังแกอิ๋นซวงแน่นอนเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้บอกถงหมัวมัวเรื่องที่จะส่งอิ๋นซวงไปอยู่กับไป๋จิ่นซิ่ว

“หมัวมัว ข้าว่าจะให้ท่านสอนกฎระเบียบให้อิ๋นซวงสักระยะหนึ่ง เมื่อเรื่องในจวนจงหย่งโหวเสร็จสิ้นลงแล้วข้าจะส่งนางไปอยู่กับจิ่นซิ่ว”

ถงหมัวมัวคาดไม่ถึง นางตะลึงอึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นรีบกล่าวออกมา

“ไม่เป็นปัญหาอันใดเจ้าค่ะ บ่าวแค่กลัวว่าจะมีคนรังแกอิ๋นซวงเท่านั้น”

“ได้ หากอิ๋นซวงเต็มใจ หมัวมัวคุยกับอิ๋นซวงเองก็แล้วกัน!”

ชุนเถาน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย คุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน คลานเข้าไปด้านหน้าสองก้าวพลางก้มศีรษะแนบพื้น สองมือจับไปที่หัวเข่าของไป๋ชิงเหยียนแล้วเอ่ยขึ้น

“คุณหนูใหญ่! ให้บ่าวไปกับคุณหนูใหญ่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวสัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้คุณหนูใหญ่เด็ดขาดเจ้าค่ะ! อย่างน้อย…ก็ให้บ่าวติดตามไปรับใช้เรื่องอาหารการกินของคุณหนูเถิดนะเจ้าคะ”

หญิงสาวรู้ดีในความจงรักภักดีของชุนเถา ทว่า ชาตินี้นางจะไม่ยอมให้ชุนเถาติดตามนางไปในสนามรบที่มีแต่ความวุ่นวายอีกแล้ว ชาติที่แล้วชุนเถาเสียชีวิตเพราะนาง ชาตินี้นางต้องปกป้องคุ้มครองชุนเถาให้ปลอดภัยให้ได้

“เจ้าไปแล้วผู้ใดจะคอยดูแลเรือนชิงฮุยแทนข้ากัน” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มพลางประคองชุนเถาให้ลุกขึ้น นางบีบมือชุนเถาแน่น

“คนที่ข้าเชื่อใจได้ในเรือนชิงฮุยมีแค่พวกเจ้า เมื่ออิ๋นซวงจากไปแล้ว ถงหมัวมัวอายุมากแล้วหากเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วผู้อื่นอาศัยโอกาสนั้นก่อความวุ่นวายจะทำเช่นไร”

ชุนเถากัดริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลพรากไม่หยุด

“ไม่ต้องกลัว ข้ายังต้องกลับมาส่งเจ้าออกเรือนนะ!” หญิงสาวเอ่ยแซวชุนเถา

นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ชาติที่แล้วนางติดค้างการแต่งงานของชุนเถา ชาตินี้นางจะให้ชุนเถาแต่งงานออกเรือนไปอย่างสมเกียรติ

“คุณหนู ยังมีเวลามากล่าวเล่นเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ!” ชุนเถาสะอึกสะอื้น

“ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่เคยไปออกรบเสียหน่อย ครั้งนี้ข้าติดตามองค์รัชทายาทไปในฐานะที่ปรึกษาเท่านั้น มีอันใดน่าหวาดกลัวกัน”

รู้ว่าคุณหนูใหญ่ของตนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ชุนเถาจึงได้แต่ช่วยไป๋ชิงเหยียนจัดเตรียมสัมภาระทั้งน้ำตา ในใจทุกข์ทรมานเป็นที่สุด

จวนเจิ้นกั๋วกงแบกหีบบัญชีเข้าออกทางประตูหลังของจวนติดต่อกันอยู่หลายวัน ในที่สุดวันนี้ก็ตรวจสอบบัญชีทุกอย่างเสร็จ และมอบให้เซียวหรงเหยี่ยนเรียบร้อยแล้ว

ผู้อื่นมองดูอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ในหีบเหล่านั้นคือสิ่งใด ทว่า มีเพียงบ่าวรับใช้คนสนิทของต่งซื่อและบ่าวรับใช้คนสนิทของเซียวหรงเหยี่ยนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

เซียวหรงเหยี่ยนยื่นมือเข้าช่วยเหลือในวันที่ตระกูลบรรพบุรุษบีบบังคับตระกูลไป๋ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด หลังเรื่องทุกอย่างจบสิ้นก็ควรเลี้ยงอาหารแสดงความขอบคุณเซียวหรงเหยี่ยนสักมื้อ

ทว่า ตระกูลไป๋ไร้ซึ่งบุรุษ พ่อบ้าน ผู้ดูแลก็ฐานะต้อยต่ำเกินไป แม้จะเพียงพอต่อฐานะพ่อค้าของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า หากในฐานะผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋มันยังไม่เพียงพอ

วันนี้ตรวจสอบบัญชีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่งชิงเยว่และต่งฉางหยวนเป็นตัวแทนของต่งซื่อเลี้ยงอาหารขอบคุณเซียวหรงเยี่ยนที่จวนเจิ้นกั๋วกง เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่าต่งซื่อตั้งใจจะให้ไป๋ชิงเหยียนแต่งงานกับต่งฉางหยวน ต่งฉางหยวนได้รับตำแหน่งเจี่ยหยวนกงตั้งแต่ยังหนุ่ม หน้าตาดี มีความรู้ ถือเป็นบุรุษที่หาตัวจับได้ยากผู้หนึ่ง

ทว่า ในสายตาของเซียวหรงเหยี่ยน ต่งฉางหยวนยังอ่อนเกินไปสำหรับไป๋ชิงเหยียน

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นเพียงสตรี ทว่า หญิงสาวมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา มีทั้งความสามารถในการวางแผน และการออกรบ สตรีเช่นนี้…หากไม่ใช่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็คงไม่คู่ควรกับนาง

ต่งฉางหยวนติดตามบิดามาเลี้ยงขอบคุณเซียวหรงเหยี่ยน แม้จะดูถูกฐานะพ่อค้าของเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า ชายหนุ่มเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ เขาจึงยอมมา

ผู้ใดจะคิดว่าสนทนากันไปได้ไม่นาน ต่งฉางหยวนกลับรู้สึกชื่นชมในความรู้ และทัศนะคติของเซียวหรงเหยี่ยนเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าบุรุษคนนี้เป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยน

ต่งชิงเยว่ชูแก้วเหล้าขอบคุณเซียวหรงเหยี่ยนแทนต่งซื่อ

“คาราวะเหล้าในวันนี้เพื่อขอบคุณเซียวเซียนเซิงสี่เรื่อง เรื่องแรกขอบคุณที่เซียวเซียนเซิงช่วยขัดขวางซิ่นอ๋องตอนอยู่ที่ประตูเมืองทิศใต้ขอรับ! คำขอบคุณที่สอง ขอบคุณที่เซียนเซิงช่วยชีวิตฮูหยินสี่ของตระกูลไป๋ขอรับ! คำขอบคุณที่สาม ขอบคุณที่เซียนเซิงยื่นมือเข้าช่วยเหลือตอนที่สตรีของตระกูลไป๋ถูกบีบบังคับ! คำขอบคุณที่สี่ ขอบคุณที่เซียนเซิงช่วยชี้แนะเรื่องฝังเข็มให้ท่านหมอหง ชิงเหยียนจึงฟื้นขึ้นมา ข้าขอขอบคุณเซียวเซียนเซิงแทนครอบครัวของพี่สาวด้วยขอรับ!”

“ใต้เท้าต่งยกย่องข้าเกินไปแล้วขอรับ ข้าจะกล้ารับคำขอบคุณพวกนี้ได้อย่างไร ทุกอย่างล้วนเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นขอรับ” เซียวหรงเยี่ยนชูแก้วเหล้าขึ้นในระดับที่ต่ำกว่าต่งชิงเยว่เล็กน้อย กิริยานอบน้อมเป็นอย่างมาก

“ตระกูลไป๋มีบุญคุณต่อเหยี่ยนมาก หวังว่าสักวันจะได้ตอบแทน หากมีเรื่องเดือดร้อน…เหยี่ยนพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ขอรับ!”

ต่งชิงเยว่ดื่มเหล้าจนหมดแก้วด้วยรอยยิ้ม “ได้รับคำสัญญาจากเซียวเซียนเซิงในวันนี้ถือเป็นเกียรติมากขอรับ”

ต่งชิงเยว่มองดูบุรุษหนุ่มรูปงาม ดูสูงศักดิ์ผู้นี้ยกเหล้าดื่มจนหมดแก้ว รู้สึกว่าคนรุ่นหลังช่างน่ากลัวเสียจริง

เขาพบเจอผู้คนมามาก คนผู้นี้มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ ได้คำสัญญาจากคนผู้นี้เป็นผลดีต่อตระกูลไป๋มากกว่าผลร้าย

“ได้ยินว่าเซียวเซิงเซิงจะไปจากเมืองหลวงแล้วหรือขอรับ” ต่งฉางหยวนเอ่ยถาม

“ฝ่าบาทมีราชโองการลงมาแล้ว ว่าจะไม่จัดงานโคมไฟในวันที่สิบห้าเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่จวนเจิ้นกั๋วกง ข้าจึงไม่อยู่เมืองหลวงต่อแล้วขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว

คุณชายผู้สง่างามและอ่อนโยนอย่างต่งฉางหยวนชูแก้วเหล้าขึ้นยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ขอให้เซียวเซียนเซิงเดินทางปลอดภัยนะขอรับ”

วันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง

คนตระกูลไป๋เดินทางไปส่งองค์หญิงใหญ่บำเพ็ญเพียรที่วัดของราชวงศ์ ขบวนรถม้าออกเดินทางจากประตูหลักของจวนไปยังภูเขา เมื่อแสงแดดแรกของวันเริ่มปรากฏ ขบวนหยุดลงหน้าล่างบันไดสูง

ต่งซื่อประคององค์หญิงใหญ่เดินขึ้นไปบนบันไดสูงด้วยตัวเอง ฮูหยินสามหลี่ซื่อไม่รู้ว่าไป๋จิ่นถงจะไปจากเมืองหลวง นางกำชับให้บุตรสาวดูแลองค์หญิงใหญ่ให้ดี ดูแลร่างกายขององค์หญิงใหญ่ทั้งเช้า และเย็นห้ามปล่อยปละละเลยเด็ดขาด

ไป๋จิ่นถงได้แต่รับคำ

“พวกเจ้ากลับไปเถิด ไม่ต้องไปส่งแล้ว ให้อาเป่าเข้าไปส่งข้าคนเดียวก็พอ!” องค์หญิงใหญ่ลูบมือของต่งซื่ออย่างแผ่วเบา

“ต่อไปหากไม่มีเรื่องอันใดก็ไม่ต้องมาเยี่ยมข้าหรอก ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุขก็พอ!”

ลูกสะใภ้คนอื่นๆ ยืนอยู่หน้าประตูวัด ทำความเคารพอย่างนอบน้อม มองส่งองค์หญิงใหญ่เดินเข้าไปด้านใน จากนั้นพากันเดินไปจุดธูปกราบไหว้ที่โถงด้านหน้า