ตอนที่ 178

Silver Overlord

178 – ส่องสว่างทั่วทั้งเมือง

เอี้ยนลี่เฉียงใช้กุญแจที่เขาได้รับมาจากห้องเพื่อเปิดประตูเล็กๆ ด้านข้างของโกดัง มันเป็นประตุที่ผู้ตรวจสอบสินค้าใช้เป็นทางเข้าโดยเฉพาะ

แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นคลังสินค้าในโกดัง แต่การได้เห็นมันอีกครั้งก็ยังทําให้เอี้ยนลี่เฉียงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

ภายในโกดังนี้มีหนังและขนสัตว์ราคาแพงทุกประเภทวางซ้อนกันเป็นภูเขาสูง มีหนังหมี หนังเสือ และหนังเสือดาว ทั้งหมดกองรวมกันเป็นภูเขาขนาดใหญ่

ตรงกลางกองมีหนังสัตว์และขนสัตว์หายากอยู่สองสามตัว ในบรรดาสัตว์ร้ายที่หายากที่สุดไม่มีสิ่งใดล้ําค่ามากกว่าหนังของละมั่งเมฆ

หนังของละมั่งเมฆทั้งนุ่มและเบา มันสามารถขับไล่ความหนาวเย็นจากหิมะได้ เสื้อคลุมที่ทําด้วยขนละมั่งเมฆบางพอที่จะลอดผ่านวงแหวนได้ ว่ากันว่าหนังผืนหนึ่งของมันมีมูลค่าเทียบเท่าเหรียญทอง 100 เหรียญ และภายในโกดังแห่งนี้มีมากกว่า 100 ผืน

นอกจากหนังและขนสัตว์แล้ว ยังมียาทุกประเภทรวมไปถึงสมุนไพรหายากอีกมากมาย

ในขั้นต้นชาวชาตูเพียงร่วมมือประกอบธุรกิจกับชาวฮั่น แต่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชาวชาตูก็ทําตัวโอหังมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเมืองผิงซี พวกเขาห้ามมิให้ผู้อื่นประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่พวกเขาทําอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการค้าไม้และธุรกิจเครื่องหนังและขนสัตว์

ก่อนหน้านี้ในเมืองผิงซีนอกจากชาวชาตูแล้ว ยังมีร้านค้าและพ่อค้าในท้องถิ่นอีกหลายรายที่ประกอบธุรกิจไม้ หนัง และขนสัตว์

แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาถูกบังคับให้หยุดโดยชาวชาตู เพราะคนพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นทําลายร้านค้าของพวกเขา

เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นไม่สามารถดําเนินคดีกับชาวชาตูที่น่ารังเกียจได้เนื่องจากคําสั่งของเจ้าเมีอง ดังนั้นคนพวกนี้ได้ใจและยึดครองแม้กระทั่งธุรกิจค้าไม้

สําหรับธุรกิจยา ชาวชาตูไม่สามารถผูกขาดได้ นี่เป็นเพราะว่าชาวชาตูไม่เข้าใจด้านการแพทย์พวกนี้ยังชํานาญ พวกเขารู้จักสมุนไพรไม่กี่ชนิดเท่านั้น

อีกทั้งผู้ที่กล้าประกอบธุรกิจร้านขายยาในเมืองแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ ชาวชาตูเคยทดลองก่อกวนธุรกิจร้านขายยามาบ้างแต่ในที่สุดพวกเขาก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจ

เอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าสู่ส่วนลึกของโกดังอย่างคุ้นเคย

เขาผลักกองวัตถุที่สุมอยู่ด้านหลังของโกดัง เช่นกระดานไม้และกระสอบปานให้ออกไปด้านข้าง ใต้กองไม้กระดานและของที่คล้ายกัน มีห่วงโลหะปรากฏขึ้น เขาดึงห่วงโลหะขึ้นและเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่อยู่ด้านล่าง

ภายในเมืองผิงซีมีชาวฮั่นไม่มากที่รู้ว่าชาวชาตูได้ขุดโกดังใต้ดินขนาดใหญ่ไว้ใต้คลังสินค้าของพวกเขา

ในโกดังใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยอาวุธ ชุดเกราะ ดาบยาว หอก ทวนบนหลังม้า คันธนูและลูกธนูเรียงเป็นแถว อย่างเป็นระเบียบ สิ่งของเหล่านี้ล้วนเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับกองกําลังมากกว่าหมื่นคน

เอี้ยนลี่เฉียงนุ่มหยิบดาบยาวที่อยู่ด้านข้างออกมาค้นหาสัญลักษณ์พิเศษบางอย่าง

แม้ว่ามันจะถูกกลบเกลื่อนสัญลักษณ์ไปแล้ว แต่หากพยายามมองให้ชัดเจนก็จะเห็นอักษรที่ถูกสลักว่า “กาน” ซึ่งหมายความว่าของชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นในโรงตีเหล็กทหารของแคว้นกาน และเป็นอาวุธที่สร้างขึ้นสําหรับกองทัพหลวง

อาวุธเหล่านี้เดิมจะถูกจัดหาให้กับกองทัพของจักรวรรดิฮั่นที่ประจําการอยู่ในแคว้นกาน อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชาวชาตูกลับสามารถลักลอบขนอาวุธพวกนี้มาเก็บไว้เป็นจํานวนมาก

ครั้งสุดท้ายที่การนําเข้าอาวุธเข้ามาในเมืองของชนเผ่าชาตูถูกเปิดเผย แต่ความผิดของคนพวกนี้กลับหายไปในกลีบเมฆ

คนที่ร่วมมือกับชาวชาตูและปกป้องพวกเขาไม่ได้จํากัดอยู่แค่เย่เทียนเฉิงเท่านั้น แต่เรื่องพวก นี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพของแคว้นกานและบุคลากรสําคัญอื่นๆ

เอี้ยนลี่เฉียงเดินสํารวจชั้นวางอาวุธไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงชั้นวางของคันธนูและลูกศร

ภายในคันธนูยาวเหล่านั้น มีความแข็งแกร่งเริ่มไปตั้งแต่หนึ่งต้านจนถึงสี่ด้าน

คันธนูที่แข็งแรงที่สุดถูกจํากัดไว้ที่สี่ด้าน สําหรับกองทหารที่สามารถใช้ธนูยาวได้ ถ้าพวกเขาสามารถดึงธนูสี่ต้านได้ พวกเขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

เอี้ยนลี่เฉียงหยิบธนูยาวและลูกศรทั้งหมดเหวี่ยงลงที่พื้น

ที่ด้านหลังสุดของโกดังนั้นมีหม้อขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทหลายร้อยใบ เมื่อเห็นหม้อเหล่านี้ เอี้ยนลี่เฉียงก็ยื่นมือไปคว้ามันแล้ววิ่งขึ้นสู่โกดังชั้นบนทันที

เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปที่หน้าโกดังและเปิดผนึกบนหม้อออก กลิ่นสนที่แปลกและร้อนแรงก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที

ที่แท้หม้อพวกนี้ก็คือหม้อน้ํามันสน!

นี่เป็นวัตถุทางทหารที่ควบคุมอย่างเข้มงวดที่สุดในจักรวรรดิฮั่น นอกเหนือจากกองทัพแล้ว ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้น้ํามันสน

นี่เป็นเพราะว่าน้ํามันสนใช้เพื่อสร้างไฟเท่านั้น มันสามารถจุดได้ง่ายและยากที่จะดับลง ไม่มีใครยกเว้นทหารที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้

นอกจากนี้น้ํามันสนมีราคาสูงเกินไป มันทํายากและโรงกลั่นน้ํามันสนทั้งหมดถูกทหารควบคุมไม่ให้ขายในตลาด

เมื่อดูจากน้ํามันสนทั้งหมดนี้แล้ว ถ้าจะบอกว่าชาวชาตูต้องการใช้น้ํามันสนทําบาร์บีคิวและทําให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาว ใครจะเชื่อลง

เอี้ยนลี่เฉียงไม่เชื่อ

หลังจากเปิดน้ํามันสนแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็ทําตัวราวกับว่าเขาอยู่ในเทศกาลรดน้ําต้นไม้ เขาเทน้ํามันสนสองหม้อนั้นทุกที่ในโกดัง เพื่อให้มันกระจายอย่างทั่วถึง

หลังจากน้ํามันสนทั้งสองหม้อหมดไปเขาก็เดินลงไปชั้นล่าง เพื่อหยิบน้ํามันสนหม้ออื่นขึ้นมาราดอีก

สรุปแล้วเอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลายี่สิบนาทีเต็มเพื่อนําน้ํามันสนสามสิบหม้อมาเคลือบโกดัง เหนือพื้นดิน ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็เดินหน้าไปทุบหม้อน้ํามันสนในโกดังใต้ดินจนหมด

นั่นให้น้ํามันสนรั่วไหลออกมา เอี้ยนลี่เฉียถอยออกจากโกดังใต้ดินและราดน้ํามันสนให้เป็นเส้นทางจะชั้นใต้ดินขึ้นไปบนชั้นสองอีกด้วย

เอี้ยนลี่เฉียงถอยกลับไปที่ประตูด้านข้างของโกดังอีกครั้ง เขาทุบหม้อน้ํามันสนในมือของเขา แล้วดึงตัวจุดไฟที่เขาพกมาด้วยออกจากอกเสื้อ

เมื่อจุดไฟแล้วเขาก็โยนมันลงบนพื้นโกดัง ทันใดนั้นเปลวไฟก็วูบวาบและลุกไหม้ที่พื้น ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที แสงวูบวาบนั้นได้เคลื่อนที่ไปหลายสิบเมตรราวกับโดมิโนที่เรียงกันเป็นแถว

เมื่อมองดูพื้นโกดังที่กําลังลุกไหม้ เอี้ยนลี่เฉียงก็หันกลับมาและรีบไปที่ผนังกําแพงด้านข้างของสนาม ในชั่วพริบตาเขาก็พลิกตัวข้ามกําแพงและหายตัวไปในความมืด

เอี้ยนลี่เฉียงรีบวิ่งไปตามตรอกซอกซอย และภายในเวลาเพียงสองนาที เขาก็อยู่ห่างจากโกดังนั่นไปไกลแล้ว ห่างออกไปสองลี้ เขาหันศีรษะไปทางโกดังและเห็นแสงสีแดงสะท้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า แผนการของเขาสําเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ข้างหน้าเขาเป็นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และมีต้นส้มที่มีใบหนาทึบอยู่ริมถนนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น เอี้ยนลี่เฉียงปืนขึ้นไปบนกิ่งไม้ส้มต้นหนึ่งแล้วซ่อนตัวไว้

เพียงครู่ต่อมา แสงสว่างของไฟที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมืองผิงซี ชุมชนชาตูทั้งหมดก็เริ่มเกิดความวุ่นวาย เสียงฆ้องที่เข้มข้นดังขึ้นในความเงียบยามราตรี