บทที่ 183 นายน้อย ท่านที่มัน… 2 (2)

ทันใดนั้นเอง

“ข้าจะทำลายมันภายใน 5 วินาที”

ชายวัยกลางคนกำลังจะสติแตกแต่เขาก็ไม่สามารถบอกขุนนางผู้นี้ได้เช่นกันว่ายังมีทาสจำนวนมากอยู่ข้างใน หากบ้านถูกทำลายลงทาสที่อยู่ในคุกใต้ดินจะต้องตายอย่างแน่นอน

“5”

ขุนนางขี้เมาเริ่มนับถอยหลัง

“4”

พ่อบ้านจากตระกูลเชรย์ซี่หันหน้าหนีทันที

“3”

นั่นคือสัญญาณที่เขาแจ้งต่อชายวัยกลางคนว่าให้ลืมพวกทาสไปซะ!

“2”

อย่างไรก็ตามเขามีคำถาม

ขุนนางหนุ่มผู้นี้จะทำลายบ้านพวกนี้อย่างไร? ให้องครักษ์ของเขาเป็นคนลงมืออย่างนั้นหรือ?

“1”

คำตอบของคำถามนี้ถูกเฉลยในเวลาต่อมา

“0”

การนับถอยหลังของคาร์ลสิ้นสุดลงเมื่อมังกรดำตะโกนเข้ามาให้หัวของเขา

~ข้าวางโล่ป้องกันไว้ในชั้นใต้ดินรวมทั้งทางเดินเข้าสู่ชั้นใต้ดินเรียบร้อยแล้ว!~

“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”

คาร์ลเริ่มหัวเราะ

สิ่งนี้ทำให้พวกค้ามนุษย์เริ่มสับสน

ครืนนนนนนนน!!!!

จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องไปทั่วบริเวณซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ขุนนางยื่นมือออกมาด้านหน้า

ผ่างงงงงง!!

พวกเขาเห็นปีกคู่หนึ่งพร้อมกับโล่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา

“….ห๊ะ?!”

โล่ขนาดใหญ่ที่มีปีกล้อมรอบเข้าปกคลุมตัวบ้านทันที มันทำหน้าที่ราวกับว่าป้องกันไม่ให้คนนอกมองเห็นบ้านหลังนี้

โล่เงิน?

แม้ว่าภาคตะวันตกเฉียงใต้จะอยู่ห่างจากเมืองหลวงของอาณาจักรแต่ชายวัยกลางคนและพ่อบ้านประจำตระกูลบารอนที่ยืนอยู่ในระยะไกลๆต่างคุ้นเคยกับโล่นี้เป็นอย่างดี

“..หรือว่า?”

พ่อบ้านกำลังนึกถึงคนผู้หนึ่ง

เขากำลังคิดถึงขุนนางผู้โด่งดังของอาณาจักรโรมัน

คนผู้นี้ไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและความสามารถใดๆแต่การที่เขาเป็นคนจิตใจดีและมีเมตตาทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอาณาจักร เป็นเพราะอาณาเขตกิลล์อยู่ติดกับจักรวรรดิจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พ่อบ้านเช่นเขาจะรู้สิ่งที่ขุนนางผู้นี้ทำในจักรวรรดิรวมถึงชื่อของเขาอีกด้วย

“…คาร์ล เฮนิตัส?”

พ่อบ้านถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อเอ่ยชื่อของคาร์ลออกมา

ฟึบ!

ทันใดนั้นปลายดาบก็จ่อมาที่แผ่นหลังของเขา

“เจ้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยชื่อนายน้อยของเรา”

รอนที่กำลังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้ากำลังใช้ดาบจี้ไปที่หลังของพ่อบ้าน

‘นี่มันผิดปกติไปแล้ว?’

ในที่สุดพ่อบ้านก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไป ซึ่งความคิดของเขาจะได้รับการพิสูจน์ในไม่ช้านี้

“นายน้อย?..ท..ท่านกำลังจะทำลายบ้านของเราจริงๆหรือ?”

ชายวัยกลางคนหันมาถามคาร์ลด้วยใบหน้าซีดเผือดก่อนจะเม้มปากตนแน่นเมื่อเห็นแววตาของคาร์ลได้ถนัด

นั่นไม่ใช่แววตาของคนเมา

เขามัวแต่มุ่งความสนใจไปที่ใบหน้าแดงก่ำจนไม่ได้สนใจมองแววตาของคาร์ลเมื่อก่อนหน้านี้ ชายวัยกลางคนถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของคาร์ลรวมถึงฝูงชนจากทั้งสลัมและย่านการค้าฝั่งตรงข้ามที่ออกมามุงดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ในที่สุดคาร์ลก็ให้คำตอบแก่ชายวัยกลางคน

“มันเลย 5 วินาทีแล้ว”

เวลา 5 วินาทีที่คาร์ลบอกเอาไว้ได้ผ่านไปแล้ว

โล่ขนาดใหญ่เริ่มมุ่งหน้าลงต่ำ

~ข้าจะใช้พลังเวทย์เสริมกำลังของมันเช่นกัน!~

โล่เงินที่เสริมด้วยพลังเวทย์ของราอนพุ่งตัวลงสู่ตัวบ้านที่กำลังล้อมรอบด้วยปีกสีเงินทันที

เปรี๊ยะ!

มันเริ่มต้นจากหลังคาที่กำลังพังอย่างช้าๆ จากนั้นเสียงก็เริ่มดังขึ้นและดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม

บู้ม!

พื้นสั่นสะเทือนเมื่อบ้านหลังแรกถล่มลงมา

“อึ่ก!”

ชายวัยกลางคนเสียการทรงตัวจนล้มลงไปกองกับพื้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและปล่อยให้ลมหอบฝุ่นพัดผ่านหน้าเขาไปโดยไม่คิดจะปัดป้องแต่อย่างใด เขาสามารถมองเห็นบ้านที่พังราบเป็นหน้ากลองผ่านปีกและโล่ที่มีลักษณะกึ่งโปร่งใส

‘ทาสหน้าโง่พวกนั้น!’

ทาสที่เขาต้องการจะขายถูกทับจนเละใต้ซากบ้านหลังนี้

เขามั่นใจว่าพวกทาสเสียชีวิตทั้งหมดเพราะชั้นใต้ดินถูกสร้างเพียงลวกๆเท่านั้นไม่ได้มีความแข็งแรงแต่อย่างใด

เสียงบ้านที่ถล่มลงมาดังมากจนแทบไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกเขา

‘ข้าต้องทำอย่างไรดี? เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’

ทันใดนั้นผู้ค้ามนุษย์ก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นโฉมหน้าผู้มาใหม่

“นายน้อยคาร์ล!”

อันโตนิโอ กิลล์และอัศวินกลุ่มหนึ่งกำลังบังคับม้ามายังทิศที่พวกเขาอยู่

คาร์ลควบคุมโล่นิรันดร์กาลให้หยุดทำงานครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองอันโตนิโอ

อันโตนิโอรีบลงจากหลังม้าและปรี่มาหาด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ท่านกำลังทำอะไรอยู่?!”

อันโตนิโอกำลังจัดการธุระข้างนอกเมื่อลูกน้องรายงานให้เขาทราบว่าคาร์ลเมาและกำลังจะทำลายบ้านในสลัม เขาจึงรีบวางมือจากงานและรีบมาที่นี่ทันที เขาคิดว่าอย่างน้อยคาร์ลก็ยังเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะแต่ข่าวลือที่ว่าเขาเป็นขยะไร้ค่าก็ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงเช่นกัน

คาร์ลยังคงนิ่งแม้จะพังบ้านไปหลังหนึ่งแล้วก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“ท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้”

‘ข้ามาเร็วไปงั้นหรือ?’

อันโตนิโอหนังตากระตุกทันที

“เอ๊ะ! นายน้อยคาร์ลท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าทำอะไรลงไป?!”

“แน่นอน..ข้าเพิ่งทำลายบ้านไป”

“…ท่านรู้ดีว่าข้าไม่ได้หมายความ—!”

“ข้าเพิ่งทำลายบ้านของคนค้ามนุษย์ลง”

อันโตนิโอหุบปากฉับทันที ฝูงชนที่ยืนอออยู่เต็มสะพาน อัศวินที่ยืนอยู่ใกล้ๆและแม้แต่ผู้ค้ามนุษย์ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่คิดที่จะสนใจความเงียบที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

ผ่าง!!

โล่เงินของเขาลอยขึ้นอีกครั้งและย้ายไปที่บ้านหลังถัดไปทันที

ทันทีที่โล่เงินขยับคาร์ลก็มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังแรกที่ถูกทำลายทันที

~มนุษย์! ตรงนี้! มันอยู่ตรงนี้!~

คาร์ลหยุดยืนตรงจุดที่มีฝุ่นลอยคลุ้งจากนั้นก็เริ่มเคลียร์พื้นที่ทันที

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮิลส์แมนดินเข้ามาใกล้คาร์ล

“ฮิลส์แมน..ขยับเสาต้นนี้ออกไปที”

“ขอรับ!”

ฮิลส์แมนสามารถเคลื่อนย้ายเสาที่ล้มลงบนพื้นได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดคาร์ลก็มองเห็นประตูที่วางราบอยู่บนพื้น สภาพของประตูยังดูเป็นปกติโดยไม่มีร่องรอยเสียหายให้เห็นแม้แต่น้อย

คาร์ลนั่งลงและยกประตูขึ้น

เอี๊ยดดดด!!!

คาร์ลมองเห็นกลุ่มคนจำนวนมากที่ขดตัวเบียดกันอยู่ มันเป็นพื้นที่ที่คับแคบจนแทบไม่มีช่องว่างให้ขยับตัวแม้แต่น้อย ใบหน้าผอมแห้งและอ่อนแรงของพวกเขามองมาที่คาร์ลด้วยความงุนงง

คาร์ลสำรวจพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้น

“พวกเจ้าปลอดภัยแล้ว”

เขาลุกขึ้นยืนและหันไปมองอันโตนิโอ

ตอนนั้นเองที่อันโตนิโอเห็นแววตาของคาร์ลได้ถนัด แววตาของคาร์ลดูเป็นปกติไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด

“นายน้อยอันโตนิโอ”

โล่เงินกระพือปีกของมันอยู่เหนือบ้านหลังถัดไป

“อ๊ากกกก!!”

เหล่าผู้ค้ามนุษย์ที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ต่างพากันวิ่งหนีออกจากตัวบ้านทันที คาร์ลชี้ให้อันโตนิโอเห็นพวกเขาและเอ่ยต่อทันที

“ให้ข้ายืมตัวอัศวินของท่านได้หรือไม่?”

“อ่า…”

อันโตนิโอเบิกตากว้างก่อนจะส่งอัศวินไปตามจับคนที่กำลังวิ่งหนี นอกจากนี้เขายังส่งอัศวินนายหนึ่งกลับไปยังคฤหาสน์เพื่อเรียกกำลังเสริมอีกด้วย

ในเวลาเดียวกันคาร์ลก็ส่งสัญญาณไปให้คนของตน ฟรีเซียเริ่มเคลื่อนไหวไปยังบ้านหลังอื่นพร้อมกับลูกน้องของตนทันที

“เมี้ยว!!”

ออนและฮงก็เริ่มเคลื่อนไหวเหลังจากส่งเสียงร้องขึ้นมา พวกมันจะรับหน้าที่ปิดกั้นเส้นทางในการหลบหนีของเหล่าคนชั่วด้วยหมอกพิษ ในขณะที่รอนซึ่งยังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าก็โบกมือน้อยๆให้กับคาร์ล ส่วนมืออีกข้างยังคงล็อคคอพ่อบ้านตระกูลเชรย์ซี่ไว้แน่น

‘ตาเฒ่าคนนี้ช่างโหดจริงๆ’

คาร์ลส่ายหัวเล็กน้อยให้กับการกระทำของรอนก่อนจะได้ยินเสียงของราอนดังเข้ามาในหัว

~น่าผิดหวังชะมัด! ข้าไม่คิดว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้! เราเพิ่งทำลายบ้านได้แค่หลังเดียวเอง!~

‘ถูกต้อง’

คาร์ลเองก็หวังให้อันโตนิโอโผล่มาที่นี่หลังจากที่เขาทำลายบ้านทั้งสิบหลังแล้ว

คาร์ลเริ่มพูดอีกครั้ง

“อีกสักหลังแล้วกัน”

~จริงเหรอ?! ตกลง! ข้าวางโล่ป้องกันไว้เหนือชั้นใต้ดินแล้ว! คนที่ถูกลักพาตัวมาจะต้องปลอดภัย!โล่ป้องกันของข้ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว!~

บู้มมมม!!

บ้านอีกหลังถล่มลงมาทันที

ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำลายบ้านหลังอื่นอีก เมื่ออันโตนิโอปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้วแต่คาร์ลก็ยังเลือกที่จะทำลายมัน

เป็นเพราะเขาโกรธ

การมองเห็นใบหน้าอันซีดเซียวไร้ซึ่งชีวิตชีวาของคนที่ถูกขังในห้องใต้ดินนั้นทำให้เขาต้องการระบายอารมณ์โดยการทำลายอะไรสักอย่าง

ฟรึ่บ!!

แสงสีเงินโผล่ขึ้นจากมือคาร์ลและหายไปอย่างรวดเร็ว โล่เงินก็หายไปเช่นกัน

ฟริ้วววววว~~~~~

แรงลมเริ่มหอบเอาฝุ่นที่ตลบไปทั่วบ้านออกมาจนคลุ้งไปทั่วบริเวณ

“แค่กๆ”

คาร์ลไอออกมาเบาๆก่อนจะเช็ดเลือดออกจากมุมปากของตน

‘ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด’

ร่างกายของเขาไม่ได้รับศึกหนักอะไรมากนักเพราะโล่นิรันดร์กาลทำงานร่วมกับพลังเวทย์ของราอนได้เป็นอย่างดี ร่างของเขาไม่ได้เซหรือกระอักออกมาเป็นเลือดอย่างหนัก อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้โล่มีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมจึงส่งผลข้างเคียงด้วยการทำให้เขาไอออกมาเป็นเลือดแต่มันก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คาร์ลพอใจที่ตัวเองไอออกมาเป็นเลือดเพียงเล็กน้อยและพละกำลังแห่งดวงใจก็เริ่มทำงานเพื่อรักษาเขาอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าร่างของราอนจะมองไม่เห็นเพราะยังคงใช้เวทย์ล่องหนอยู่แต่คาร์ลก็ยังคงหันไปมองมันเมื่อได้ยินเสียงมันกระพือปีกอย่างแรงดูท่าแล้วมันคงทำหน้าสะใจไม่น้อยที่เห็นบ้านอีกหลังพังราบเป็นหน้ากลอง

“…นายน้อยอันโตนิโอ”

คาร์ลสบตาเข้ากับอันโตนิโอที่สะดุ้งโหยงทันทีที่เขาเอ่ยเรียกก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อทันที

“เราควรจะคุยอะไรกันดีนะ?”

แน่นอนว่าหัวข้อในการพูดคุยครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนแต่ขึ้นอยู่กับคาร์ลทั้งสิ้น