ตอนที่ 208 ลอบทำร้าย สังหารอย่างเด็ดขาด (1)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 208 ลอบทำร้าย สังหารอย่างเด็ดขาด (1)

หนึ่งในคนที่นั่งด้านล่างพูดด้วยความเคารพอย่างสูง กดเสียงต่ำลงแล้วรายงาน “คุณชายใหญ่อยู่ระหว่างทางกลับมาแล้วขอรับ”

ได้ฟังรายงานของคนคนนั้น ในที่สุดใบหน้านิ่งเฉยของหัวหน้าตระกูลหนิงก็ฉายความตื้นตันเล็กน้อย “ในที่สุดเขาก็คิดถึงบ้านหลังนี้ คิดถึงชายชราเช่นข้าเสียที เขาตัดสินใจที่จะกลับมาแล้วหรือ” แม้ว่าคำพูดของหัวหน้าตระกูลหนิงคล้ายไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจซ่อนความดีใจในใจได้

บุรุษอีกคนหนึ่งยิ้มปลอบโยนแล้วพูดขึ้น “คุณชายใหญ่คิดได้แล้ว ก็ย่อมกลับมาเป็นธรรมดาขอรับ”

แฮ่กๆ… ขณะที่ทางหัวหน้าตระกูลหนิงเสวนากันอยู่นั้น จั่งสุยที่ยืนอยู่ข้างประตูก็จับคอของตนเองแล้วไออยู่ครู่หนึ่ง หลังจากไอเสร็จเขาก็เปลี่ยนเป็นพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “นายท่าน ท่านไอหนักแบบนี้จะทำเช่นไรขอรับ…”

ขณะที่จั่งสุยพูดอยู่นั้นมือข้างหนึ่งก็ถือแก้วน้ำ ทำเสียงดัง แสร้งทำเสียงรินน้ำชาด้วยความรีบร้อน

ทั้งสามคนไม่สนใจฟังเสียงต่างๆ ที่จั่งสุยทำแม้แต่น้อย

“เกรงว่าไม่ใช่คิดได้ แต่ถูกสตรีชั่วช้าด้านนอกประตูคนนั้นบีบให้กลับมากระมัง” หัวหน้าตระกูลหนิงทำเสียงทำเสียงฮึดฮัดจากนั้นเปลี่ยนบทสนทนา “ฐานันดรศักดิ์ของสตรีที่อยู่ข้างกายเซ่าชิงคนนั้น พวกเจ้าส่งคนไปสืบแล้วหรือยัง”

คนที่อยู่ด้านล่างตอบ “ข้าน้อยสั่งคนไปสืบแล้วขอรับ นางคือบุตรีภรรยาเอกของเจิ้นกั๋วกงขอรับ นามว่ามั่วเชียนเสวี่ย”

แฮ่กๆ… จั่งสุยที่ยืนอยู่ข้างประตูจับคอตนเองแล้วไออีกครู่หนึ่ง หลังจากไอเสร็จก็พูดขึ้นอีกครั้ง “นายท่าน นายท่านไอจนเสมหะมีเลือดปน ดูท่าหมอหลวงเมื่อคราวก่อนไม่ได้เรื่อง นายท่านวางใจเถอะขอรับ บ่าวได้เชิญหมอเทวดาอันดับหนึ่งในใต้หล้ามารักษานายท่านแล้วขอรับ…”

จั่งสุยที่อยู่ข้างประตูไอและพูดคนเดียวอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

ทางด้านหัวหน้าตระกูลหนิงยังคงเพิกเฉย

ทว่าคนที่นั่งอยู่ด้านล่างกลับเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ชำเลืองมองไปที่ประตูครู่หนึ่ง ดวงตาคมเฉี่ยวแทบอยากจะทะลุประตูแล้วสังหารเซี่ยซื่อทิ้ง “นายท่าน นายท่านจะทนกับสตรีชั่วช้าเช่นนี้ไปถึงเมื่อใดขอรับ”

แววตาของหัวหน้าตระกูลหนิงฉายเจตนาสังหาร “ทนถึงเมื่อใดเช่นนั้นหรือ หึ…”

แน่นอนว่าทนจนกว่าจะสามารถจับตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้ ทนจนเกิดความโกลาหลขึ้นภายในตระกูลเซี่ย

ล่าอินทรีมาทั้งชีวิต สุดท้ายกลับถูกอินทรีควักลูกตา[1]!

ในอดีต เขาส่งคนไปสืบฐานันดรศักดิ์ของนางโดยเฉพาะ ถึงขั้นเจอตัวบิดามารดาที่ทอดทิ้งนางไป เพราะกลัวว่านางกับตระกูลเซี่ยจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน

ทว่าคิดไม่ถึง สิ่งที่ทำให้เขาเห็นล้วนเป็นเพียงการแสดง เป็นแผนซ้อนแผนที่ล่อลวงตนให้ติดกับ

โชคดีที่ตลอดหลายปีมานี้ ตนไม่เคยละทิ้งความเคลือบแคลงสงสัยที่อยู่ในใจ อำนาจใหญ่ในการดูแลเรือนอยู่ในกำมือของท่านแม่มาโดยตลอด ไม่เคยปล่อยให้ผู้อื่น อีกทั้งภายใต้การดูแลปกป้องของตนและท่านแม่ ชิงเอ๋อร์จึงเติบโตอย่างปลอดภัย

แต่สิบกว่าปีนี้ แม้จะระมัดระวังมากเพียงใด ก็ย่อมค่อยๆ ประมาทเลินเล่อไปบ้าง ไม่ระวังเพียงครู่หนึ่งก็ตกหลุมพรางเสียแล้ว

วันที่ชิงเอ๋อร์ถูกวางยาพิษและโดนลอบทำร้าย เขาก็ได้ตรวจดูร่างกายของตนเอง พบว่าตนก็ถูกวางยาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้าเช่นกัน

พิษชนิดนั้นไร้สีไร้กลิ่น เริ่มแรกเพียงแค่ไอเท่านั้น ไม่มีอะไรแตกต่างจากโรคซังหาน เมื่อปริมาณพิษที่รับประทานเข้าไปเพิ่มขึ้นทุกวัน ก็เพียงแค่ไอหนักขึ้นเท่านั้น ไม่แตกต่างกับวัณโรคเท่าใดนัก

ยาพิษร้ายแรงเช่นนี้ นางที่เป็นเพียงสตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนนานปีทีหนจะออกจากเรือนแล้วจะมียาเช่นนี้ได้อย่างไร เขาหยุดรับประทานอาหารที่มียาพิษผสมอยู่ พร้อมกับแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าตนถูกวางยาพิษ แกล้งล้มป่วยนอนอยู่บนเตียง

กล้าวางยาพิษในอาหารของหัวหน้าตระกูล หากไม่มีพวกพ้อง ไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด ลำพังนางเพียงคนเดียว ย่อมไม่กล้าแน่นอน และไม่มีความสามารถในการทำอย่างแน่นอน

คิดอยากจะสังหารสตรีชั่วช้าคนนี้ เขาสามารถสังหารนางให้ตายด้วยมือเดียว

ทว่า จะเค้นตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้อย่างไร กลับเป็นปัญหาใหญ่

แผนเมื่อสิบกว่าปีก่อน หากไม่มีคนในคอยร่วมมือ จะทำแผนซ้อนแผนนั่นสำเร็จ จนตนไว้วางใจได้อย่างไร อีกทั้งจะรู้ได้อย่างไรว่าตนจะส่งคนของหอลับไปสืบ

คนคนนี้ไม่เพียงมีไหวพริบ ทั้งยังต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งสำคัญในตระกูลหนิงอย่างแน่นอน

ศัตรูภายนอกไม่ว่าจะอยู่ในที่แจ้งหรือที่ลับ ล้วนไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือภายในมีจารชน มีผู้ทรยศ ทำให้ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ เบื้องหน้าแสร้งทำเป็นเชื่อฟังแต่เบื้องหลังกับทรยศหักหลัง เขาจะฉวยโอกาสนี้ หาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา กำจัดเนื้อร้ายให้ตระกูล ส่งมอบตระกูลหนิงที่สะอาดให้แก่ซิงเอ๋อร์

เซี่ยซื่อยืนอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง นางฟังเสียงไอด้านในแล้วหัวเราะเยือกเย็น “เชี่ยเซินน้อมทำความเคารพนายท่านเจ้าค่ะ!”

จั่งสุยที่อยู่ภายในห้องจับคอของตนเอง “แฮ่กๆ…เจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่…กลับไปเถอะ…”

“สุขภาพร่างกายของนายท่านไม่สะดวก เช่นนั้นเชี่ยเซินขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ หากนายท่านมีสิ่งใดให้รับใช้ นายท่านให้หนิงไคมาบอกเซี่ยเซินได้เลยนะเจ้าคะ” ไอจนแทบจะพูดไม่ได้แล้ว ดูท่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน

คนคนนั้นพูดถูก อย่างมากก็ร้อยวัน อย่างน้อยสิบกว่าวันเท่านั้น ตอนนี้หัวหน้าตระกูลหนิงหายใจด้วยความยากลำบาก เซี่ยซื่อครุ่นคิดถึงหลายปีที่ผ่านมานี้ คิดถึงงานเลี้ยงเหล่านั้นที่นางเคยไป คิดถึงฮูหยินเหล่านั้นที่เบื้องหน้าแสร้งทำเป็นเคารพนาง แต่แววตากลับฉายความเย้ยหยัน นางโมโหจนเส้นเลือดนูนโป่ง

ฮูหยินตระกูลขุนนางที่ไม่มีอำนาจในตระกูล ฮูหยินตระกูลขุนนางที่ไม่ได้รับความรักใคร่ ฮูหยินตระกูลขุนนางที่บุตรชายของตนไม่อาจเป็นหัวหน้าตระกูล ฮูหยินตระกูลขุนนางที่เป็นเพียงสตรีแต่งพ่อหม้ายเมียตาย ฮูหยินตระกูลขุนนางที่ฐานันดรศักดิ์ต้อยต่ำ…

ไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญกับนางอย่างแท้จริง

คนคนนั้นบอกแล้วว่า รอให้หัวหน้าตระกูลหนิงสิ้นใจ เขาจะช่วยอวี่เอ๋อร์ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล เมื่อถึงเวลานั้น นางจะเป็นฮูหยินตระกูลขุนนางใหญ่ที่แท้จริง ไม่มีผู้ใดกล้าชักสีหน้าให้นางอีก

ดวงหน้าของเซี่ยซื่อเหี้ยมโหด เดินจากไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น ผอจื่อที่อยู่ด้านหลังยัดถุงเงินให้หนิงไคแล้วรีบเดินตามไป

คนที่อยู่ด้านหลังได้ยินเสียงเซี่ยซื่อเดินจากไปไกล ระงับความขุ่นเคืองในใจเอาไว้ กลับมาพูดถึงประเด็นสำคัญ “จะส่งคนไปช่วยคุณชายใหญ่หรือไม่ขอรับ”

หัวหน้าตระกูลหนิงพูดด้วยความหนักแน่น “ไม่ต้อง!” หากเซ่าชิงไม่อาจรับมือได้แม้กระทั่งสองแม่ลูกชั่วช้าคู่นี้ แล้วจะรับมือกับการนองเลือดบนตำแหน่งหัวหน้าตระกูลนี้ได้อย่างไร

กระบี่ล้ำค่าลับคมด้วยตัวมันเอง กลิ่นหอมของดอกเหมยก็เกิดจากความหนาวเย็นอันขมขื่น

ชิงเอ๋อร์มีข้อเสียหนึ่งตั้งแต่เล็ก ซึ่งก็คือดีกับคนอื่นมากเกินไป เขามักจะใจอ่อนอยู่เสมอ!

ชิงเอ๋อร์ดูเหมือนหยิ่งผยอง ทระนงตน แต่ว่าส่วนลึกในใจของเขา กลับโดดเดี่ยว โหยหาความอบอุ่น

ชิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่า การนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ ครองตำแหน่งให้มั่นคง ไม่ใช่แค่ว่าต้องมีความเฉลียวฉลาด แต่ยังต้องตัดขาดความรักความสัมพันธ์ ในเมื่อชิงเอ๋อร์ทำไม่ได้ เช่นนั้นตนที่เป็นบิดาจะช่วยเขาเอง

หนิงเซ่าชิง ห้ามมีจุดอ่อนเด็ดขาด!

สตรีชั่วช้านั่นก็ใช้ประโยชน์ข้อนี้จึงทำให้แผนการสำเร็จ

บทเรียนในครั้งนี้ทำให้เขารู้ธาตุแท้ของสองแม่ลูกคู่นั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการทำจิตใจให้แข็งแกร่งเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หากเขาไม่อาจเป็นอินทรีที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นก็จะตายเพราะอินทรี

เหตุที่ตระกูลหนิงมีทุกวันนี้ได้ เป็นเพราะความขยันหมั่นเพียร ความไม่เห็นแก่ตัวและความฉลาดหลักแหลมของหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนๆ

เขาทำเพื่อความรุ่งโรจน์ ทำเพื่อชีวิตของคนทั้งตระกูลหนิง ไม่ใช่แค่เพื่อความรุ่งเรือง ร่ำรวยและผลประโยชน์ของคนไม่กี่คนในครอบครัวของตน

หากชิงเอ๋อร์สามารถรับผิดชอบหน้าที่สำคัญได้ นั่นย่อมเป็นสิ่งที่เขาปรารถนา แต่หากเซ่าชิงไร้ความสามารถ วงศ์ตระกูลย่อมเลือกคนอื่นที่มีความสามารถ มารับหน้าที่สำคัญนี้

ชิงเอ๋อร์ พ่อขอโทษ! อย่าโกรธที่พ่อใจร้าย ในฐานะที่พ่อเป็นหัวหน้าตระกูลหนิง พ่อต้องคิดถึงความปลอดภัยของตระกูลหนิงเป็นอันดับแรก

พ่อรักลูก รักลูกมากกว่ารักตนเองเสียอีก หากสามารถเอาชีวิตของพ่อแลกให้เจ้า พ่อย่อมไม่ลังเลแน่นอน

แต่ว่า ชีวิตของพ่อ ไม่ใช่ของตนเอง ชีวิตของพ่อเป็นของตระกูลหนิง เป็นของบรรพบุรุษ

หลังจากเซี่ยซื่อออกไปไม่นาน บุรุษสองคนที่เข้ามารายงานภายในห้องหัวหน้าตระกูลหนิงต่างก็แยกย้ายกันออกไปตามคำสั่ง

ทั้งสองเพิ่งออกไปไม่นาน หัวหน้าตระกูลหนิงอดไม่ได้ที่จะไอสองสามครั้ง จั่งสุยที่คอยรับใช้อยู่ข้างประตูรีบเดินมารินน้ำชาแล้ววางไว้ข้างๆ จั่งสุยลูบหลังหัวหน้าตระกูลหนิงเพื่อปรับการไหลเวียนของลมปราณ แม้ว่าหัวหน้าตระกูลหนิงจะหยุดกินยาพิษแล้ว แต่ว่าเขากินยาพิษมาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็กระทบเส้นลมปราณหัวใจ ทำให้ฝังรากของโรคเอาไว้

[1] ล่าอินทรีมาทั้งชีวิต สุดท้ายกลับถูกอินทรีควักลูกตา หมายถึง คนเรามักจะผิดพลาดกันได้ มักจะใช้เปรียบเปรยถึงคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำให้ประมาทแล้วทำผิดพลาดในเรื่องที่ไม่ควรผิดพลาด