ตอนที่ 184

Silver Overlord

184 – ชําระแค้น

หลังจากเงียบไปหนึ่งสัปดาห์เอี้ยนลี่เฉียงก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

เดือนสิบเอ็ดเป็นเดือนที่พิเศษมาก เพื่อให้แม่นยํายิ่งขึ้นคือในวันที่ 18 ของเดือนสิบเอ็ด ชีวิตของเอี้ยนลี่เฉียงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และจบลงอย่างกะทันหัน

เมื่อเดือนนี้มาถึงเอี้ยนลี่เฉียงจะต้องระมัดระวังการกระทําของเขามากขึ้น ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงแห่งความแค้นก็แผดเผาในหัวใจของเขามากขึ้นกว่าเดิม

ก่อนห้าทุ่มในคืนที่อากาศหนาวเย็นของวันที่ 12 ของเดือนสิบเอ็ด เอี้ยนลี่เฉียงหมอบอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ของภูเขาใกล้หมู่บ้านอู่หยาง

เขาเบิกตากว้างในขณะที่เขาอดทนต่อความหนาวเย็น จ้องมองถ้ําบนภูเขาที่อยู่ห่างจากเขา สองร้อยวาในหุบเขาอย่างไม่กะพริบตา เขาหมอบอยู่ที่นั่นนานกว่าสองชั่วยามแล้ว

สถานที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบันคือสุสานคนไร้ญาติของเมืองผิงซี

นี่เป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในเมืองผิงซี แม้ว่าจะมาที่นี่ในเวลากลางวัน แต่บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้ก็ยังดูน่ากลัวและมืดมนอย่างยิ่ง

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นที่รกร้างและแม้แต่คนตัดไม้และคนเลี้ยงสัตว์ก็ยังต้องอ้อม เพื่อหลีกเลี่ยงสถานที่นี้เนินเขาและหุบเขาของภูเขาที่นี่จึงเต็มไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่านที่ปิดบังท้องฟ้า

จากถนนสาธารณะไปทางทิศตะวันตกของเมืองผิงซีเป็นเส้นทางที่แทบจะเดินไม่ได้ ซึ่งเกิดขึ้นจากผู้คนที่ไม่ค่อยใช้เส้นทางนี้ต้นไม้และต้นหญ้าจึงเข้ามาปกคลุมแทบทั้งหมด

ศพทั้งหมดที่ส่งมาที่นี่ถูกห่อด้วยเสื้อฟางแล้วจึงขนส่งมาที่นี่ด้วยรถลาก

นอกจากนี้ยังมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามเมื่อส่งศพไปที่หลุมศพ ผู้คนจะมาที่นี่ในเวลาตอนเที่ยงเท่านั้น เพราะพวกเขาเชื่อว่าพลังของหยางจะอยู่สูงสุดเมื่อเวลานั้น

หลังจากเลยเที่ยงไปแล้วสุสานนี้จะเป็นพื้นที่ต้องห้ามสําหรับบุคคลที่มีชีวิตอยู่ ในช่วงค่ําสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนผีสิงเลยทีเดียว

คืนนี้ แสงจันทร์ยังเบาบางตามปกติ และสุสานก็ยังพอจะมองเห็นอยู่บ้าง หลังเที่ยงคืนหมอกบางๆก็เริ่มก่อตัวขึ้น

เมื่อหมอกก่อตัวขึ้นจุดของแสงฟอสฟอรัสสีเขียวชอุ่มก็เริ่มลอยไปรอบๆหลุมศพ มวลหมอกปกคลุมไปตามกระแสอากาศระหว่างหุบเขา

เอี้ยนลี่เฉียงฟังเสียงหมาหอนที่น่าขนลุกและได้กลิ่นของซากศพที่ลอยอยู่เหนืออากาศในหุบเขา เมื่อเห็นฉากนี้เอี้ยนลี่เฉียงก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา

ในความมืดมิ เขายื่นมือเข้าไปล้วงเอาเข็มวินมาถือไว้ในมือ ในที่สุดหัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงก็สงบลง

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแอบเข้ามาที่นี่ในตอนกลางคืน แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยทุกครั้งที่เห็นหลุมศพที่ปกคลุมไปด้วยความมืด

วิธีเดียวที่จะทําให้ใครบางคนเอาชนะความกลัวของพวกเขาได้คือการเผชิญหน้ากับความกลัวที่มากขึ้นหรือทําให้ตัวเองเกลียดชังความกลัวพวกนั้น

และเหตุผลหลังคือเหตุผลที่เอี้ยนลี่เฉียงยังคงอยู่ที่นี่ได้ด้วยการกัดฟันแน่น ตั้งแต่วันที่เขาตั้งรกรากในหมู่บ้านอู่หยาง เขาก็เฝ้ารอในคืนนี้

ในขณะนั้นเอี้ยนลี่เฉียงซ่อนตัวเองอย่างเงียบๆ เขาแต่งกายด้วยชุดสีดําโดยปิดหน้ากากของงูจงอางอีกครั้ง ซึ่งเขาได้เพิ่มผ้าคลุมหน้าไว้อีกชั้น

การตรวจสอบอย่างเข้มงวดที่ประตูเมืองผิงซีส่งผลให้มีการร้องเรียนของประชาชนตามท้องถนน ความขัดแย้งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

เนื่องจากมีสินค้าเสียหายหลายกรณีในระหว่างกระบวนการตรวจสอบ สํานักงานผู้ว่าการไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิกการตรวจสอบสินค้าที่ออกจากเมือง

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเอี้ยนลี่เฉียงถึงสามารถลอบเอาปืนใหญ่มังกรอัคคี(ไปได้มาตอนไหนก็ไม่รู้)ออกมาจากเมืองโดยซ่อนมันไว้บนเกวียนวัว

เอี้ยนลี่เฉียงจะพยายามอย่างเต็มที่ในการเผชิญหน้าในคืนนี้ แม้จะไม่มีปืนใหญ่มังกรอัคคีก็ตาม อย่างไรก็ตาม การมีปืนใหญ่มังกรอัคคีภัยอยู่ในมือทําให้เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกกล้าหาญมากขึ้น และยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความตั้งใจที่จะฆ่าศัตรูของเขา

เอี้ยนลี่เฉียงรออย่างอดทน เกือบห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนและผู้คนที่เขารอคอยก็ยังไม่ปรากฏตัว

อย่างไรก็ตาม เขาได้ยินเสียงกรอบแกรบเบาๆจากพุ่มไม้ข้างๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว หนูตัวใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งยาวประมาณหนึ่งจ้างออกมาจากพุ่มไม้และกําลังเข้ามาหาเขา

หนูที่หลุมศพนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากหนูธรรมดา หนูส่วนใหญ่ที่นี่โตมาจากการกินเนื้อมนุษย์

ดวงตาของหนูยักษ์ตัวนั้นเป็นสีเขียว ราวกับแสงผีในความมืด มีฟันแหลมคมสองแถวอยู่ใต้จมูกยาวของมัน และมีสีน้ําตาลแดงแปลกๆแต่งแต้มทั้งหัว

หนูตระหนักว่าเอี้ยนลี่เฉียงกําลังเฝ้าดูอยู่ อย่างไรก็ตามมันกล้าหาญมาก เนื่องจากเอี้ยนลี่เฉียงไม่ขยับ มันจึงคลานเข้าหาเขาต่อไป

มีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ปาในระยะไกล หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงกระโดดและส่งเข็มบินออกมาจากหว่างนิ้วของเขาทันที มันจมลงในร่างของหนูตัวนั้นอย่างเงียบๆ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไม่เกินสามวา

ทันทีที่เข็มบินแทงเข้าไปในร่างกาย หนูตัวนั้นก็แข็งค้าง จากนั้นสัญญาณชีวิตทั้งหมดก็หายไปในพริบตา

ทันทีที่ร่างของหนูตัวแข็งที่อ ใครบางคนก็เหยียบย่ําบนต้นไม้ใหญ่ของหลุมศพ

การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับนกไนติงเกล เมื่อพลังหยินที่หลุมศพเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด เขาก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้าและลงสู่หุบเขาภูเขาเบื้องล่าง

คนที่มาที่หลุมศพนี้ในตอนกลางคืนมีผมสีขาวทั้งศีรษะ เขาแต่งกายด้วยชุดสีดําเต็มไปด้วยรัศมีแห่งความชั่วร้าย เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่ฆ่าทั้งเอี้ยนลี่เฉียงและเบี้ยนเตือชาง โม่เล้ง

โม่เล้งทํางานเป็นอาจารย์สอนวิชากระบีให้กับตระกูลเย์ในเวลาเดียวกัน เขายังเป็นอาจารย์ของเย่เซียวและมือขวาของเย่เทียนเฉิงผู้ว่าการแคว้นผิงซี

เมื่อเห็นว่าโม่เล้งมาถึงในที่สุด เอี้ยนลี่เฉียงก็กลั้นหายใจทันทีและยังคงนิ่งอยู่

เขาไม่ได้จ้องไปที่ใบหน้าของโม่เล้งด้วยกลัวว่าชายคนนั้นจะสัมผัสได้ถึงเขา เขาเพียงหรี่ตา และซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางวัชพืชในขณะที่เขาจ้องมองใต้คอของโม่เล้งโดยเน้นไปที่ลําตัวของเขา

โม่เล้งเป็นปรมาจารย์นักรบระดับหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญที่ชั่วร้ายและไร้ความปราณี

สําหรับเอี้ยนลี่เฉียงในปัจจุบัน ระดับปรมาจารย์นักรบยังคงเป็นอาณาจักรที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังและรอบคอบในทุกสิ่งที่เขาทํา

ดวงตาที่เปล่งประกายของโม่เล้งค้นหาทั่วหลุมฝังศพจํานวนมาก หลังจากตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาก็เดินไปที่ถ้ําบนภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงและเข้าไปในถ้ํา

หลังจากรอสิบนาทีเต็มในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็ลุกขึ้นจากจุดซ่อนตัวในพุ่มไม้และเดินไปที่ทางเข้าถ้ํา เขาเดินตามโม่เล้งเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว

ข้างนอกนั้นหนาวมากแล้วและมีแสงสลัวลอยอยู่รอบๆทว่าภายในถ้ําบนภูเขาแห่งนี้กลับหนาวยิ่งกว่าเดิมที่ซึ่งมีแสงฟอสฟอรัสกระจายไปทั่ว ทําให้สว่างด้วยแสงสีเขียวที่ดูน่าสังเวช

กระดูกของคนตายกระจัดกระจายแทบทุกที่บนพื้นถ้ํา การก้าวเดินอย่างไม่ระมัดระวังอาจส่งผลให้เขาเหยียบกระดูกบางส่วนไว้ใต้ฝ่าเท้า

มีหลุมตามธรรมชาติในส่วนลึกของถ้ํามันเต็มไปด้วยโครงกระดูกของคนตาย นี่เป็นสถานที่ดั้งเดิมที่เมืองผิงซีใช้ฝังศพพี่ไม่รู้จักตัวตนและไร้ญาติมิตร

โมเล้งนั่งไขว่ห้างที่ขอบหลุมโดยหลับตาด้วยท่าทางแปลกๆ เขาหันฝ่ามือทั้งสองไปทางหลุมที่เต็มไปด้วยโครงกระดูก

ลูกกลมแสงสีเขียวจางๆลอยออกมาจากหลุมขณะที่พวกมันรวมตัวกันไปทางโม่เล้งซึ่งเขาก็ดูดแสงสีเขียวนั้นเข้าปากของตัวเอง

เหตุผลที่โม่เล้งมาที่นี่ทุกปีในช่วงเดือนสิบเอ็ดคือการดูดซับพลังงานหยินจากผู้ตายที่สะสมอยู่ในหลุมศพนี้ ทั้งหมดเพื่อฝึกฝนวิชาชั่วร้าย..

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฆ่าโม่เล้ง!

ทันทีที่เขาเห็นว่าโม่เล้งจมอยู่ในการบ่มเพาะของตัวเองอย่างเต็มที่ เอี้ยนลี่เฉียงก็ซัดเข็มพิษขนาดใหญ่ออกมาทันทีโดยไม่ลังเล พวกมันบินไปทางโม่เล้งเหมือนสายฝน