ตอนที่ 19 ลูนามาเรีย
ปัง! เมื่อเสียงประตูปิดลง ร่างที่แข็งทื่อของลูนามาเรียก็เป็นอิสระราวกับถูกปลดปล่อยจากมนตร์สะกด
เธอใช้แขนทั้งสองข้างโอบร่างของเธอเอาไว้เหมือนกำลังกอดตัวเองอยู่
แต่ร่างของเธอก็ยังคงสั่นเช่นเดิม
พออิเรียเห็นสภาพเธอเช่นนั้น อิเรียก็เข้าไปหาแล้วพูดบางอย่างกับเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะสามารถตอบสนองต่อเสียงนั้นได้เลย แม้หูของเธอจะกระดิกจากเสียงนั้นแล้วก็ตาม
และเพราะอิเรียรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงพยายามช่วยเพื่อนของเธอด้วยการใช้ปาฏิหาริย์อย่าง 『ฟื้นฟูพลังใจ』ให้กับเธอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอสงบจิตใจได้เลย
แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของอิเรียเลย เพราะถึงจะใช้ปาฏิหาริย์ที่ร่ายโดยนักบวชระดับสูงของทางวิหารเทพกฎหมาย ก็คงไม่อาจกำจัดความกลัวของลูนามาเรียที่มีในตอนนี้ได้
ภายในจิตใจของเธอตอนนี้เป็นดั่งพายุที่โหมกระหน่ำไปด้วยคำถามเพียงหนึ่งเดียว
ชายหนุ่มที่ออกจากห้องไปเมื่อกี้นี้…เขาเป็นใครกันแน่?
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขามีชื่อว่าโซระ ถึงจะแยกทางกันไปแล้ว แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยเป็นสหายร่วมผจญภัยด้วยกัน เธอยังสามารถจำในสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบได้อยู่เลย
เธอรู้ว่าชื่อของเขาอย่างโซระแท้จริงแล้วเขียนด้วยคำว่า “空” พวกเธอเคยคุยกันเรื่องนี้เมื่อก่อน เนื่องจากว่าผู้คนในอาณาจักรนาคาเรียไม่ค่อยคุ้นเคยกับตัวอักษรของทางจักรวรรดิ แอดแอสเทอร่าที่อยู่ทางตะวันออก ดังนั้นเขาจึงลงทะเบียนกับกิลด์ด้วยชื่อที่เขียนง่ายๆ อย่าง “โซระ”
ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างคนในปาร์ตี้เธอก็ค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับเขา
เนื่องจากทางราส อิเรีย และมิโรมักจะตัวติดกันตลอด เธอก็เลยต้องการเป็นคนที่อยู่กับโซระไปตามระเบียบ
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองยังต้องทำเรื่องหลายๆ อย่างด้วยกันอย่างการเตรียมของก่อนออกไปผจญภัยหรือการทำความสะอาดของหลังเสร็จงาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้จักเขาดีกว่าคนอื่นๆ
แต่ว่า..เธอกลับไม่รู้อีกด้านหนึ่งของเขาเลย เธอไม่เคยรู้มาก่อนถึงพลังที่เขามี
ลูนามาเรียเป็นผู้ใช้สปิริต ดวงตาของเธอมีมองเห็นโซระนั้นมันไม่ใช่ร่างของมนุษย์
มันช่างมืดมน ราวกับพลบค่ำที่มืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด เงาประหลาดที่เหล่าสปิริตไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
มันเป็นสิ่งที่ดุร้าย แข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ร่างของเธอแข็งจนไปถึงเท้าด้วยความรู้สึกกลัวเมื่อเห็นสิ่งนั้น ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว เธอคิดว่าหากโซระรู้ว่าเธอเห็นมัน เขาอาจจะฆ่าทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ก็ได้ เธอเชื่อว่าเขามีพลังพอที่จะทำเช่นนั้น
ด้วยความรู้ที่ลูนามาเรียมีอยู่ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่นั้นขึ้นมาได้
「..มันคือมังกร」
เมื่อเจ็ดวันก่อน เธอยังไม่เห็นเงาดำนั้นมาจากตัวเขาที่ทางเข้าป่าทีทิสเลย
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาในเจ็ดวันที่ผ่านมากัน? ไม่สิ…นั่นน่ะเป็นโซระจริงๆ งั้นเหรอ?
บางทีมันอาจจะเป็นปีศาจร้ายที่ใช้ร่างของโซระเข้ามาในเมืองนี้ก็ได้ เธอยังไม่สามารถตัดข้อสงสัยนั้นออกไปได้
ขณะที่ลูนามาเรียคิดได้เช่นนั้น ราสก็ส่งเสียงโกรธออกมา
「มาสเตอร์ หมอนั่นมันปฏิเสธความพยายามของคุณในการประณีประนอมนะครับ ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอ? 」
「เพราะเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ไงล่ะ ราสคุง เรื่องมันก็เท่านั้นแหละ」
「…หือ? 」
「อย่าคิดสิว่าครั้งนี้พวกนายจะเป็นฝ่ายถูก เดิมทีสิ่งที่พวกนายทำมันก็ไม่น่าให้อภัยอยู่แล้วนะ ใช้เวทโจมตีผู้อื่น แล้วไปโทษมอนสเตอร์อะไรแบบนั้นแล้วฉันก็ไปโทษโซระที่เรียกพวกนายว่าฆาตกรไม่ได้ด้วย」
「ต-แต่ว่า มาสเตอร์ที่คุณพูดก่อนหน้านี้มัน…」
「ที่ฉันช่วยพวกนายก็เพียงเพราะเรื่องนี้มันส่งผลกระทบต่อกิลด์มากจริงๆ …ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะปล่อยผ่านเรื่องที่พวกนายทำ อย่าได้เข้าใจผิดไป」
นักผจญภัยระดับหนึ่งเตือนราสด้วยสายตาที่คมกริบ
ราสที่เจอแบบนั้นก็ถึงกับผงะถอยไปครึ่งก้าว ก่อนจะพยักหน้าให้เขา
「เข้าใจก็ดี ทีนี้ก็ลิดเดลคุง」
「ค่ะ มาสเตอร์」
「โซระได้พูดถึงเรื่องตอนที่เขาถูกราชาแมลงวันจับตัวไปหรือเปล่า ฉันอ่านรายงานของฟาร์เฟลคุงที่เข้าไปสอบถามโซระมาแล้วนะ แต่ที่ได้มาก็มีแค่ ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้ 」
「ไม่นะคะ เขาไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากเรื่องนี้เลย」
「งั้นเหรอ ถ้าแบบนี้ก็แปลกละสิเพราะไม่ว่าฉันจะคิดยังไง…อดีตนักผจญภัยระดับสิบที่มีเลเวลแค่หนึ่งถึงสามารถรอดกลับมาจากรังของราชาแมลงวันที่อยู่ในส่วนลึกของป่าทีทิสได้ ไม่เพียงแค่การเอาชนะพิษที่ทำให้เป็นอัมพาตของมัน แต่ยังหลบหนีออกมาได้อีก นั่นมันงานช้างเลยนะ แถมถ้าออกมาจากที่นั่นโดยมีบาดแผลอีกก็จะเป็นการดึงดูดพวกสัตว์ร้ายให้เข้ามาโจมตีจากกลิ่นของเลือดได้ด้วย ใจจริงก็อยากจะรู้ให้มากกว่านี้หรอก…แต่ก็นะ ฉันก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปถามได้ด้วย เพราะพวกเราไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูดก่อนนี่เน้อ」
เอลการ์ดยิ้มออกมาอย่างขมขื่น บางทีเขาคงจะนึกถึงเรื่องที่โซระพูดกับเขาก่อนหน้านี้
เห็นได้ชัดเลยว่ากิลด์มาสเตอร์ไม่ได้โกรธอะไรโซระเลย
แต่ลูนามาเรียก็รู้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามของเอลการ์ดอยู่แล้ว
ไม่ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรชิ้นไหน หรือมอนสเตอร์อะไร พวกมันในตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรโซระได้หรอก แล้วจะไปนับประสาอะไรกับอิแค่พิษที่ทำให้เป็นอัมพาต
เพราะโซระเป็นถึงมังกร สิ่งมีชีวิตในตำนานนั้นเลยนะ
…ลูนามาเรียรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปในความคิดของเธอ
แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดมันออกมา
ทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดาของเธอเองทั้งหมด ดังนั้นก็มีแค่เพียงเธอ ที่จะสามารถยืนยันได้ว่า โซระเป็นมังกรจริงหรือเปล่า
แถมเธอก็ไม่เคยได้ยินเรื่องอย่างพวกมนุษย์ที่สามารถเก็บงำพลังของเผ่าพันธุ์ในตำนานเอาไว้ในตัวได้เลย นั่นคือสิ่งที่เธอเรียนรู้มาจากสถาบันปราชญ์ มันไม่เคยมีการกล่าวถึงเรื่องนี้ในหนังสือเล่มใดที่เคยอ่านเลย
และพอเธอกลับมาคิดอีกครั้ง เธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกกลัวเขา จะราสหรือคนอื่นๆ ก็ไม่ได้รู้สึกตัวถึงเรื่องนี้เลย เช่นเดียวกับกิลด์มาสเตอร์หรือพนักงานต้อนรับ
ดังนั้นถึงเธอจะบอกเรื่องนี้ออกไป พวกเขาก็คงจะบอกให้เธอกลับไปพักเสีย
พอเธอมองลงไปที่พื้นระหว่างคิดอะไรอยู่ภายในใจ เธอก็สังเกตเห็นว่ามีเหรียญทองตกอยู่ที่พื้น…
◆◆◆
「….คุณโซระ..คะ」
เธอควรจะทำเช่นไรต่อดีหลังจากตามเขามาแบบนี้ เธอจะพูดอะไรกับเขาดี
เธอไม่รู้เลยว่าต้องทำเช่นไร แต่เพียงแค่ต้องการยืนยันความจริงบางอย่าง
เธออยากจะรู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นในห้องนั้นเป็นเพียงภาพหลอนหรือเปล่า
「เอ่อออ สิ่งนี้….ฉันเอามาคืนให้คุณค่ะ」
เธอยื่นกระเป๋าเงินใบเล็กออกมาให้กับเขา
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของโซระก็เบิกกว้างและกะพริบรัวราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
「อะไรกัน นี่เธอถ่อมาถึงที่นี่เพื่อเอาสิ่งนี้มาให้ฉันเหรอ? 」
「ค่ะ…แล้ว..ฉันก็อยากจะขอโทษคุณกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย」
ลูนามาเรียโค้งคำนับเขาจนสุดตัว
เพราะเธอทำแบบนั้น จึงทำให้ผมสีทองของเธอไหลลงมาที่ไหล่เหมือนน้ำตกใต้แสงจันทร์
「ฉันทิ้งคุณให้ต้องตกอยู่ในอันตราย…ฉันต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ」
ในค่ำคืนนี้ ท้องถนนของเมืองอิชกะช่างคึกคัก
สายตาจำนวนมากต่างจ้องมองไปยังเอลฟ์ที่ก้มศีรษะของเธอลง
โดยปกติแล้ว ลูนามาเรียจะเป็นคนที่ค่อนข้างสนใจในสิ่งรอบข้าง และมักจะเลือกสถานที่ที่ดีกว่านี้ในการขอโทษ
แต่เพราะตอนนี้เธอไม่ได้สนอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
เธอก้มหัวลงราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกดเธอไว้อยู่ เธอรู้สึกว่ามันคงจะไม่ทันการแน่ถ้าเธอไม่รีบทำแบบนั้น
ท่าทางของเธอเหมือนกำลังขอโทษที่ตนมาสาย จนทำให้โซระไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
จากนั้นโซระก็อ้าปากค้างเหมือนกับไม่ค่อยพอใจที่เธอทำเช่นนี้
「ขอบคุณที่เอาเงินฉันกลับมาให้นะ แต่คำขอโทษของเธอน่ะไม่จำเป็นหรอก แค่เห็นก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว」
「…เอ๋? 」
「ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ถ้าอยากขอโทษฉันน่ะก็ควรจะทำตั้งแต่แรกแล้วสิ…ถ้าคิดว่าตอนนั้นเธอคงจะตกใจเพราะมอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ก็เลยพลาดอะไรไป ฉันก็พอเข้าใจได้นะ เพราะถ้าเป็นฉันก็คงไม่ต่างกันหรอกหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ แต่ทำไมเธอถึงไม่ขอโทษฉันตั้งแต่ตอนที่ประชุมกันล่ะ? 」
「ระ-เรื่องนั้น…」
เธอพูดออกมาไม่ได้ว่า “เพราะฉันกลัวคุณยังไงล่ะคะ”
โซระก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอีกเมื่อเห็นเธอพูดอะไรไม่ออก
「อื้ม ฉันว่าฉันน่าจะพอเข้าใจละ เพราะถ้าเธอขอโทษฉันตอนนั้นมันก็จะกลายเป็นยอมรับว่ามิโรสลาฟเป็นฝ่ายผิด แถมเธอจะมายอมก้มหัวให้ฉันต่อหน้าพวกราสได้ยังไงใช่ไหมล่ะ ถ้าทำแบบนั้นมันอาจจะกลายเป็นว่าฉันไปสร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนเธอก็ได้ เอาเถอะ ถือว่าให้ธรรมชาติเป็นผู้ตัดสินไปก็แล้วกัน ว่าแต่สรุปแล้วทำไมเธอถึงต้องมาก้มหัวให้ฉันในที่แบบนี้กันล่ะ? 」
「เรื่องนั้น…」
「อ๋อ หรือจะเป็นการให้อภัยตัวเอง ไม่ว่าฉันจะยกโทษให้เธอหรือไม่ เธอก็คงจะบอกกับตัวเองว่า “ฉันได้มาขอโทษเขาอย่างถูกต้อง” แล้วสินะไม่สร้างรอยร้าวให้กับเพื่อนในปาร์ตี้แถมยังได้สนองมโนธรรมในใจตัวเองอีก สมกับเป็นปราชญ์จริงๆ ฉลาดมาก แต่ที่เธอทำมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด อย่าคิดมาขอโทษฉันเพราะเห็นแก่ตัวเธอเองเลย ถ้าจะไปแบบนั้นก็ไปทำหน้ากระจกเถอะ “ยัยจอมปลอม”」
「ค-คุณกำลังเข้าใ-…!」
ลูนามาเรียพยายามปฏิเสธ แต่โซระก็เดินหนีเธอไปอย่างรวดเร็วและหายไปในฝูงชน
เมื่อเธอพยายามไล่ตามเขาไป โซระก็มองข้ามไหล่ของเขากลับมามองที่เธออีกครั้ง
「…」
ความเย็นชาจากการจ้องมองของเขาทำให้ร่างของเธอหยุดนิ่ง
โซระไม่ได้พูดอะไรกับเธออีกและเดินจากไปทั้งอย่างนั้น
เอลฟ์ผู้ใช้สปิริตก็ได้แต่มองดูแผ่นหลังของเขาที่จากได้ด้วยความประหลาดใจ
——
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code