ตอนที่ 20 มิโรสลาฟ ซัลซ่า

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 19 มิโรสลาฟ ซัลซ่า

จอมเวทแห่งดาบฮายาบูสะ มิโรสลาฟ ซัลซ่ากำลังอารมณ์ไม่ดี

เหตุผลมันก็ชัดอยู่แล้ว เพราะตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย

ทางกิลด์บอกว่านี่ก็เพื่อการปกป้องตัวเธอเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่มันการกักบริเวณชัดๆ

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นบทลงโทษในเรื่องราชาแมลงที่เธอก่อ

「ไร้เหตุผลเสียจริง…อย่างฉันเนี่ยนะจะไปก่ออาชญากรรม? 」

เธอกัดเล็บอยู่ภายในห้องอย่างโดดเดี่ยว อันที่จริงต้องบอกว่าแค่อยากจะกัดเพราะเธอหยุดตัวเองเอาไว้ทุกครั้งก่อนจะทำแบบนั้น

เพราะมันคงโง่มากแน่ถ้าเธอทำเล็บสวยๆ ของเธอเสียหายหลังจากขัดและดูแลมันมาอย่างดี

ที่แห่งนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารหรือน้ำแต่อย่างใด อีกทั้งเธอยังสามารถอ่านหนังสือเวทและหนังสือวิชาการได้เท่าที่เธอต้องการ ตอนแรกๆ เธอก็คิดว่ามันเป็นการพักผ่อน

เธอใช้เวลาว่างที่มีในการดูแล ผิว เส้นผม และเล็บของเธอเพราะก่อนหน้านี้ใช่ว่าเธอจะมีเวลาดูแลตัวเองเช่นนี้เนื่องจากงานนักผจญภัยของเธอ

มิโรสลาฟพยายามหาจุดมุ่งหมายให้กับเธอเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า

แต่เธอก็เริ่มเข้าสู่สภาวะซึมเศร้าแน่หากต้องใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปนานกว่านี้ การใช้ชีวิตที่ต้องถูกจับตามองอยู่ตลอดไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยสัมผัสมาก่อน

ราสกับคนอื่นๆ เหมือนจะได้รับภารกิจให้ไปทอย่างอื่น เธอจึงไม่ได้เจอพวกเขาเลย

แถมการที่เธอไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันจะจบลงตอนไหนก็ทำให้รู้สึกน่ารำคาญมากขึ้นกว่าเดิม

และย่อมเกิดความไม่พอใจขึ้นต่อบุคคลที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง

「โซระ..ไอ้หมอนั่น ต่อให้มีชีวิตรอดมาแล้วมันจะไปทำอะไรได้? ใช้เวลาถึงห้าปีก็ยังหนีออกมาจากระดับสิบไม่ได้ วันๆ เอาแต่เก็บสมุนไพร ถ้าคนแบบนั้นเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยราสก็ควรจะมองว่านั่นเป็นเกียรติสิยะ」

ทั้งที่เขาควรจะรู้สึกยินดีด้วยซ้ำ เธอคิดแบบนั้นจริงๆ

ความเกลียดชังที่ทวีขึ้นเรื่อย ๆ ถูกซ่อนอยู่ภายในน้ำเสียงของเธอ และเธอไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย

มิโรสลาฟไม่คิดว่าเธอทำอะไรผิด เธอทราบดีว่าหากพูดแบบนั้นออกไปตรงๆ ก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าถึงจะย้อนเวลากลับไปเธอก็จะทำเช่นเดิม

「ฉันไม่สนหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนอื่นนอกจากราส」

สายตาที่มิโรสลาฟมองโซระนั้นก็ไม่ต่างไปกับสายตาที่เธอมองผู้ชายคนอื่นมันเต็มไปได้ความน่ารังเกียจ

พ่อของเธอก็มีผู้หญิงอยู่มากมายจากความมั่งคั่งของเขา

นักเรียนในสถาบันปราชญ์ก็มาก่อกวนเธอเพราะแพ้เธอที่เด็กกว่า

อดีตสมาชิกปาร์ตี้ของเธอก็บุกเข้ามาในห้องนอนเธอเพื่อจะข่มขืน หลังจากที่เชิญเธอเข้ามาในปาร์ตี้ด้วยการพูดจาอันแสนหวาน

เท่าที่เธอจำได้เธอไม่เคยพบผู้ชายดีๆ คนไหนมาก่อนเลยนอกจากราส

ดังนั้นสำหรับมิโรสลาฟแล้ว การได้อยู่ในปาร์ตี้กับผู้ชายคนอื่นนอกจากราสถือเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะราสขอเธอก็คงไม่ยอมให้หมอนั่นเข้ามาได้หรอก

แต่เธอก็โชคดีเพราะขีดจำกัดความสามารถของหมอนั่น จึงทำให้เธอต้องทนกับเขาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น

พอเธอคิดเธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย เธออยากจะลบคนที่ไร้ความสามารถอย่างโซระออกไปจากปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะที่ยอดเยี่ยมให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความทรงจำของเธอนี่แหละ

ถ้าเขาตายไปก็น่าจะดีแล้วแท้ๆ แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้คิดจะฆ่าเขาจริงๆ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอพยายามไล่เขาออกจากเมืองนี้ไป แค่นั้นมันก็เหมือนกับว่าเขาได้ตายจากเธอไปแล้วและเธอคงไม่มีวันเจอเขาอีก

เธอเริ่มแอบกระจายข่าวลือเกี่ยวกับที่โซระเพื่อต้อนให้เขาจนมุม

บอกว่าเขาเป็นเพียง “ปรสิต” นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอทำ

「หึหึ เพราะแบบนั้นไอ้หมอนั่นก็เลยวิ่งหนีไป!」

รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอขณะที่เธอนึกถึงสภาพอันน่าสังเวชของโซระที่วิ่งออกจากโรงแรมไป

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โซระมองลูนามาเรียด้วยความเกลียดชังมาโดยตลอดด้วย เรียกว่าเป็นผลงานของเธอเลยทีเดียว

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาอยู่ตรงนั้นก่อนที่คนอื่นจะมาถึง ก็เป็นเพราะเธอได้วางแผนโดยใช้อิทธิพลของบริษัทการค้าซัลซ่ามาช่วย

เธอให้คำแนะนำกับโซระไว้ล่วงหน้า และให้เขาไปนั่งอยู่ส่วนหลังร้านที่มีหน้าต่าง

หลังจากนั้นเธอก็ชวนอิเรียกับลูนามาเรียมาทานอาหารที่ร้าน ในบริเวณใกล้ๆ กัน

สิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็คือการทำให้ดูเหมือนว่าลูนามาเรียเป็นคนเริ่มเรียกเขาว่าปรสิตในที่สาธารณะ แค่นั้นแผนของเธอก็ถือว่าเสร็จสิ้น

เพราะความจริงแล้ว เรื่องที่ลูนามาเรียกำลังพูดอยู่นั้นมันหมายถึงปรสิตที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติจริงๆ

ส่วนมิโรสลาฟก็แค่ทำหน้าที่เชื่อมโยงสิ่งที่เธอพูดเข้ากับ “ปรสิต” ที่เป็นความหมายในหมู่นักผจญภัยก่อนจะนำชื่อโซระเข้ามาใส่ในนั้นด้วย

มิโรสลาฟที่แสร้งทำเป็นเมาและไม่สนใจความสับสนของลูนามาเรีย ก็นั่งหัวเราะกับอิเรีย ก่อนจะบอกว่าชื่อนี่เหมาะสมสำหรับผู้ชายคนนั้นแล้ว

แน่นอนว่าลูนามาเรียไม่รู้ว่าโซระกำลังนั่งฟังสนทนาของพวกเธออยู่ข้างๆ

ท้ายที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เธอต้องการ

แล้วทำไมเธอถึงต้องพยายามขนาดนั้นน่ะเหรอ?

ก็เป็นเพราะตั้งแต่ที่เขาเข้าปาร์ตี้มา คนเดียวที่เขาสนิทด้วยก็คือลูนามาเรียยังไงล่ะ

ถ้าหากเขาพบว่าคนที่เรียกเขาว่า “ปรสิต” คนแรกก็คือลูนามาเรีย เขาคงจะช็อกหนักแน่ๆ

และเธอรู้ว่าลูนามาเรียรู้สึกเห็นใจโซระจริงๆ เธอจึงอยากจะกำจัดต้นอ่อนแห่งหายนะนี้ออกไปเสียแต่เนิ่นๆ หรือจะให้พูดก็คือรีบสะบั้นสายสัมพันธ์ของทั้งคู่เพื่อไม่ให้ลูนามาเรียขัดขวางเธอในการนำโซระกลับเข้ามาในปาร์ตี้ได้

นอกจากนี้เธอยังไม่ชอบหน้าลูนามาเรียตั้งแต่แรกแล้วด้วย

กลับไปตอนที่อยู่สถาบันปราชญ์ตอนที่เธอยังตัวคนเดียว การมีอยู่ของ “เจ้าหญิงเอลฟ์” ไม่ใช่เรื่องที่เธอชอบใจเอาเสียเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเธอออกจากสถาบันนั้นมาก่อนที่จะเรียนจบ เธอก็เลยไม่ได้รับฉายาอย่างปราชญ์เหมือนลูนามาเรีย นั่นทำเอาขำไม่ออกเลย

แต่เนื่องจากลูนามาเรียเป็นคนที่มีความสามารถไม่เหมือนกับโซระเธอจึงหาทางไล่ออกจากปาร์ตี้ไม่ได้ง่ายๆ

สิ่งเดียวที่เธอคำนวณพลาดไปครั้งใหญ่ก็คือการที่โซระยังคงตัดสินใจอยู่ที่เมืองอิชกะต่อ

เรื่องนั้นทำให้เธอหงุดหงิดมาก แต่เธอก็เชื่อว่าอีกไม่นานเขาต้องหนีไปแน่ๆ ดังนั้นเธอก็เลยพยายามแพร่ชื่อเสียของเขาต่อไปเรื่อยๆ

「พอคิดย้อนกลับไป ฉันน่าจะไล่ต้อนหมอนั่นให้หนักกว่านี้แฮะ」

เธอพึมพำด้วยความเสียใจเล็กน้อย…

แต่ถ้าเธอทำแบบนั้นไป เธอก็คงจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อให้กับราสในตอนนั้นไม่ได้ พอคิดได้แบบนี้เธอก็บอกกับตัวเองว่าทำได้ดีแล้ว

เพียงแค่หากโซระถูกราชาแมลงวันฆ่าไปเสียแต่ตอนนั้นทุกอย่างก็คงจบได้สวยไปแล้ว…พอเธอมีความคิดเช่นนั้นเขามาในหัว

เธอก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออกช้าๆ

มิโรสลาฟเลิกคิ้วขึ้นและคิดว่าน่าจะเป็นคนของกิลด์ที่ไร้มารยาทไม่รู้จักแม้กระทั่งการเคาะประตู

ทำไมกิลด์มาสเตอร์ถึงต้องแต่งตั้งให้ผู้ชายมาเป็นคนดูแลเธอที่เป็นผู้หญิงกันนะ

เธอพยายามท้วงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาเลย พวกเขาคงมองว่าผู้หญิงไม่สามารถรับหน้าที่ในการเป็นคนเฝ้ายามได้หลายวันติดต่อกัน

อันนั้นมันก็อยู่ในกรณีที่มองโลกในแง่ดีแหละนะ

แต่ด้วยความโกรธที่เธอถูกปฏิบัติเช่นนี้ใส่ มิโรสลาฟจึงหมายจะเปิดปากพูดและระบายความโกรธใส่คนที่เข้ามาภายในห้อง

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูด

เป็นเพราะผู้บุกรุกได้ส่งสติของเธอพร้อมกับเสียงโกรธที่ดังไปถึงลำคอกลับสู่นิทรา

ก่อนที่ร่างของเธอจะทรุดลงกับพื้น ผู้บุกรุกคนนั้นก็พยุงเธอขึ้นมา

「…」

จากนั้นผู้บุกรุกก็ทิ้งกระดาษแผ่นหนึ่งไว้บนโต๊ะก่อนจะแบกเธอเอาไว้ที่ด้านหลัง

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเสร็จสิ้นโดยใช้เวลาเพียงแค่สามสิบวินาทีเท่านั้น

——

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code