ตอนที่ 21 เริ่มต้นการทดลอง

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 21 เริ่มต้นการทดลอง

「แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีไปได้หรือไงกัน?!」

ความเงียบงันภายในป่าถูกทำลายลงด้วยเสียงของมิโรสลาฟ

ผมก็ตอบกลับเธอไปด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม

「ก็คงจะไม่แหละนะ แต่ฉันก็คิดมาดีแล้วถึงได้ทำแบบนี้ไง แล้วเธอก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้สักหน่อยนะ เงียบปากซะ ตอนนี้พวกเราอยู่ส่วนลึกของป่าทีทิสนะ」

「หมายความว่า-?!」

มิโรสลาฟมองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก สมกับเป็นนักผจญภัยระดับสูง ดูเหมือนเธอจะทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าไม่ใช่เรื่องโกหก

ใบหน้าของเธอเริ่มซีดลง

「นะ-นี่แกโง่หรือไง?! ไอ้คนเลเวลหนึ่งอย่างแกเข้ามาทำอะไรในที่แบบนี้กัน! ถ้าอยากจะฆ่าตัวตายก็อย่าลากคนอื่นเข้ามาเดือดร้อนด้วยสิยะ!」

「ฉันว่าเธอความสงสัยมากกว่านะว่าไอ้คนเลเวลหนึ่งแบบฉันทำไมถึงมาได้ไกลขนาดนี้ คุณจอมเวทที่สลบเหมือดไปจนถึงเมื่อกี้」

「 ..ไอ้เลเวลหนึ่งแบบแกนะเหรอที่แบกฉันมา…ด้วยตัวคนเดียว เดี๋ยวก่อนนะแล้วนี่แกผ่านประตูเมืองอิชกะออกมาได้ยังไงกัน?? 」

「ไว้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ ตอนนี้เราก็ใกล้จะถึงแล้วด้วย ฉันจะยินดีมากเลยนะถ้าเธอทำตัวเงียบๆ แบบผู้ใหญ่เขาทำกันบ้าง」

「–อย่ามาล้อกันเล่นนะ! ใครมันจะไปยอมตามแกไปเฉยๆ กัน!’

มิโรสลาฟรีบกระโดดถอยไปห่างจากผมอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเธอก็มองมาที่ผมราวกับว่าเธอกำลังมองมอนสเตอร์อยู่

『จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูของข้า – องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง!』

มิโรสลาฟร่ายเวทมนตร์ของเธออย่างรวดเร็วโดยทำการละบทร่ายเอาไว้ด้วย

เปลวเพลิงเริ่มไหลออกมาจากตัวของเธอคล้ายกับแขนของหญิงสาว จากนั้นมันก็เอื้อมมือของมันออกมาเพื่อจะกลืนกินทั้งร่างของผม

ร่างกายของผมถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟในทันที ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรเสียอีก

แล้วก็เกิดการระเบิดขึ้น

เสียงระเบิดดังสนั่นจนทำให้ต้นไม้โดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นไอร้อนก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น

เสียงร้องแห่งชัยชนะของมิโรสลาฟดังออกมาจากอีกด้านหนึ่งของไอร้อนที่บดบังการมองเห็นของทั้งสองฝ่าย

「เวทมนตร์แห่งไฟที่แท้จริงระดับ 5 องค์หญิงแห่งเปลวเพลิง เป็นไงล่ะสำหรับไอ้เลเวลหนึ่งอย่างแกการได้เห็นเวทมนตร์ระดับ 5 ก็คงเหมือนเห็นผลงานสรรค์สร้างของเหล่าเทพใช่ไหมล่ะ อ้อแต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าที่ฉันใช้ไปเมื่อกี้มันยังอยู่ในระดับที่เบากว่าปกติเพราะฉันละร่ายไป แกอาจจะคิดว่าถ้าเอาไม้เท้าของฉันไปแล้วตัวเองจะปลอดภัย แต่เพราะความโง่เง่าของพวกระดับต่ำแบบแกไงละ ถึงได้ทิ้งทั้งต่างหู แหวน สร้อยข้อมือที่มีหิวเวทมนตร์เหลือไว้ให้ฉัน แค่นี้ถึงไม่มีไม้เท้าฉันก็ใช้เวทได้ย่ะ」

ผมก็ได้แต่ยืนคิดขณะฟังที่เธอพล่ามออกมา

เราจะเอายังไงดีนะ หรือเราจะปล่อยให้เธอคุยกับตัวเองแบบนั้นต่อไปอีกสักพักดี จริงๆ ก็ฟังเพลินอยู่นะ

ไม่สิ ผมจะมัวมาเสียเวลาที่นี่มากเกินไปไม่ได้ แถมผมก็ไม่คิดทำเรื่องอย่างหนีไปซ่อนตัวจนเธอมั่นใจว่าชนะแล้วก่อนจะปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็นอีกทีด้วย

「เอาจริงๆ นะ ถึงเธอจะมีไม้เท้าอยู่ด้วย ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก? 」

「………..ห๊า? 」

「ที่จริงฉันจะปลดอาวุธเธอหมดเลยก็ได้ แต่ที่ฉันเหลือไว้ให้เพราะมันน่ารำคาญที่ต้องมาแบกของให้เธอด้วย เอาเป็นว่าฉันเห็นพลังทั้งหมดของเธอแล้ว ถึงมีคทานี่ด้วยก็คงไม่ได้ต่างกันนักหรอกเนอะ」

พอผมพูดจบ สายลมก็ได้พัดเอาไอน้ำที่บดบังการมองเห็นของเราทั้งคู่ออกไป

มิโรสลาฟเบิกตากว้างราวกับเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ

「ดะ-ได้ยังไงกัน ทำไมแกยังยืนอยู่ได้อีก?!」

「ก็อาจจะเป็นเพราะเวทของเธอมันกระจอกเกินไปก็ได้ จะลองดูอีกสักรอบไหมล่ะ? 」

「ไอเวรเอ้ย…ศรเพลิงไว!」

คราวนี้เธอปล่อยเป็นลูกศรไฟออกมา…โหเป็นเวอร์ชันที่เน้นความเร็วด้วยเหรอเนี่ย?

ถ้าดูจากคำพูดของเธอนี่น่าจะเป็นเวทไฟที่แท้จริงระดับ 2 ถึงมันจะระดับต่ำกว่ามนตร์ก่อนหน้านี้ แต่มันก็แรงพอจะซัดคนให้กระเด็นได้ในทีเดียว

ไม่ว่านิสัยเธอจะเป็นเช่นไร แต่ในฐานะจอมเวทแล้วก็ถือว่ายอดเยี่ยม

ขณะที่คิดอะไรต่างๆ นานาอยู่ผมก็อ้าปากกว้าง

จากนั้น

「ฮ๊า!!!」

ผมลบลูกศรเพลิงนั้นด้วยเสียงที่ดังสนั่น

มิโรสลาฟตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนั้น จอมเวทผมแดงจ้องมาที่ผมด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะก้าวถอยหลังไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

「ไม่มีทาง..ก-แกทำให้เวทของฉันสลายไปด้วยการตะโกนเนี่ยนะ?!?!」

「สลายเวทด้วยการตะโกน? นี่เธอคิดว่าฉันเป็นพวกมอนสเตอร์หรือไง ไอนั่นมันเรียกว่าระเบิดคิต่างหาก」

「ระ-ระเบิดคิ…? 」

「มันเป็นเวทของบ้านเกิดฉันน่ะ ถ้าจะให้พูดภาษาจอมเวทก็คงประมาณว่า…ฉันปลดปล่อยพลังที่มีอยู่ภายในร่างฉันเพื่อทำลายเวทของเธอทิ้ง พอจะเข้าใจไหม? 」

「หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว! ไม่มีทางที่แกจะใช้พลังชีวิตในการทำลายเวทที่สร้างจากมานาได้หรอก แล้วยิ่งเป็นไอ้เลเวลหนึ่งแบบแกด้วยแล้วยิ่งไม่อยากจะเชื่อ!」

「ก็ไม่เป็นไรนี่ ยังไงความจริงมันก็ออกมาให้เห็นกันอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอเชื่อด้วย」

พอพูดจบผมก็ลดระยะห่างระหว่างเราทั้งสองคน

บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอยังตกใจอยู่ก็เลยตั้งตัวไม่ทัน

เมื่อผมถึงตัวเธอผมก็ได้ใช้มือขวาโอบเข้าที่หลังของเธอเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวเธอไว้ ก่อนจะจับคางของเธอไว้ด้วยมือซ้าย–

「น-นี่แกจะทำอะ—?!」

ผมได้ใช้ริมฝีปากของผมเข้าไปใกล้กับปากของเธอให้ได้มากที่สุด

หลังจากส่งยิ้มให้มิโรสลาฟที่ตัวที่แข็งทื่อเพราะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมก็ได้เวลาเริ่มกลืนกินวิญญาณของจอมเวทคนนี้แล้ว

◆◆◆

เหตุผลที่ผมต้องเอามิโรสลาฟมาคุมขังไว้ก็เพราะอยากจะทดลองอะไรบางอย่าง

มันไม่ใช่ว่าผมอยากจะฝึกนังผู้หญิงอวดดี เจ้าเล่ห์ ชั่วร้ายคนนี้ที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตากับรูปร่างของเธอให้เชื่อฟังและกลายเป็นทาสในที่สุดหรอก

ผมก็แค่ต้องการทดลองสิ่งที่ผมเคยทำตอนอยู่ที่ซ่อง นั่นคือการกลืนกินวิญญาณ

ในตอนนี้เลเวลของผมขึ้นมาเป็น 6 แล้วตั้งแต่กินวิญญาณของโสเภณีคนนั้นไป

หมายความว่าในทางเทคนิคแล้วผมน่าจะเพิ่มเลเวลได้ด้วยการเล่นจ้ำจี้กับผู้หญิงได้เสมอ โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกไปสู้กับพวกมอนสเตอร์เลย

แต่โสเภณีที่โดนผมกินวิญญาณไปสภาพของเธอก็ดูไม่จืดอย่างที่เห็น

นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอถูกกินวิญญาณเกินกว่าที่จะทนได้ไหว หากเกิดกรณีแบบนั้นขึ้นมาอีก คนรอบข้างอาจจะเริ่มสงสัยผมและถ้าพวกเรารู้ตัวขึ้นมาผมอาจจะถูกสั่งเก็บก็ได้

พูดตามตรงว่าสิ่งที่ผมทำมันก็ไม่ต่างจากพวกแวมไพร์เลยแฮะ

เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมาอีก ผมจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพลังนี้

ขีดจำกัดของการกินวิญญาณอยู่ที่ตรงไหน ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการฟื้นตัวเมื่อถูกกินวิญญาณไป แล้วคนที่โดนจะฟื้นตัวได้จริงหรือเปล่า ผมสามารถควบคุมปริมาณของวิญญาณที่กินเข้าไปในแต่ละครั้งได้ไหม

มีหลายอย่างเลยที่ผมอยากจะทดสอบ

แล้วเพราะคำถามที่อยู่ภายในหัวของผมมันสร้างปัญหาให้ผมเยอะแน่หากเอาไปลองกับคนปกติจริงๆ

ผมไม่สามารถจะเข้าไปที่ซ่องเพื่อทดสอบเป็นเรื่องๆ ได้หรอกนะ อย่างวันก่อนผมก็น่าจะโดนคนคุมซ่องหมายหัวเอาไว้แล้วด้วย

หากยังฝืนทำต่อไป บางทีมันอาจจะจบลงที่ผู้ทดสอบของผมเสียชีวิตระหว่างการทดสอบก็ได้

ถึงผมจะเคยคิดจะลองไปหาตัวทดลองโดยคำนึงถึงอาการของพวกเขาด้วย แต่บางครั้งผมอาจจะเผลอทำอะไรรุนแรงกับพวกเขา แถมถ้าผมยั้งมือก็อาจจะไม่ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง

ด้วยเหตุนี้เองมิโรสลาฟจึงเป็นตัวเลือกที่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดนั้นได้เป็นอย่างดี

ผมคงไม่รู้สึกผิดด้วยถ้าเกิดยัยนี่ตายขึ้นมา แถมผมยังสามารถจัดเต็มกับการทดลองได้ด้วย

พูดตามตรงว่าถ้าเป็นอิเรียหรือลูนามาเรียผมอาจจะไม่ทำถึงขั้นนั้น แต่สำหรับมิโรสลาฟแล้วผมจะจัดให้เป็นพิเศษเลย

พอผมได้สติออกมาจากห้วงความคิด มิโรสลาฟก็เหมือนกำลังสะบัดแขนและแกว่งเท้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อทำการต่อต้าน

แต่ถ้าแค่นี้มันก็เหมือนกับเด็กเล่นนะ

มันอาจจะอันตรายหากเธอเกิดใช้เวทขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะเก่งขนาดไหน จอมเวทก็จำเป็นต้องมีบทร่ายก่อนจะใช้เวท

แม้ว่าพวกเขาจะรู้วิธีในการละคำร่าย แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องเอ่ยคีย์เวิร์ดของมนตร์เช่นพวก “องค์หญิงแห่งเพลิง” หรือ “ลูกศรไฟ” แต่ถ้าเราอยู่ในสภาพปากประกบกันแบบนี้ เธอคงทำอะไรไม่ได้หรอกเนอะ

ริมฝีปากของหญิงโสเภณีตอนนั้นรสชาติมันเหมือนกับเหล้าที่รสเข้มข้น แต่ก็ยังหอมหวาน

แต่รสจูบของมิโรสลาฟนั้นมีรสที่เผ็ดร้อน อืมมม ผมจะอธิบายยังไงดีนะ…ถ้าจะเปรียบเทียบกับอะไรสักอย่างก็น่าจะเป็นรสชาติของไวน์ขิงที่มีรสเผ็ด

ุถึงจะมีความคล้ายกันกับโสเภณีนั่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ไปซะหมด หรือรสชาติแต่ละคนมันจะไม่เหมือนกันนะ ไม่ก็อาจจะเป็นอารมณ์ความรู้สึกของพวกเธอที่มีต่อผมก็ได้มั้ง

แล้วผมก็ตัดสินใจเริ่มการทดลองด้วยคำถามในหัวผมพวกนั้น

พอผมโอบเอวเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม การต่อต้านของเธอก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ความรู้สึกที่แสบร้อนในปากของผมมันมากพอจะเผาไหม้ผมได้เลย

หื้ม….ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนว่าอารมณ์ของผู้ที่ถูกกินจะมีอิทธิพลอย่างมากเลยไม่ว่าจะเป็น ความโกรธ ความอัปยศอดสู หรืออะไรทำนองนั้น

แล้วผมก็ยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นกว่าเดิมพอเห็นเธอพยายามขัดขืน…ได้เวลาทำการทดลองต่อไปแล้ว

และถึงเธอจะพยายามขัดขืนไป แต่ความสามารถทางกายภาพของจอมเวทนั้นก็ไม่สามารถเทียบกับร่างที่ปกคลุมไปด้วยคิได้หรอก

กว่าจะรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปสักพักแล้ว

มันไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในซ่อง ครั้งนี้ผมตัดสินใจดึงปากที่ประกบกันออกก่อน

ก่อนจะก้มดูใบหน้าของมิโรสลาฟที่ล้มลงไปกับพื้น

จอมเวทสาวผมแดงอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าขณะที่จ้องมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียดชัง และขยะแยง

ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยพอได้เห็นเธอมองผมแบบนั้น

ด้วยแรงกระตุ้นที่ลุกโชนออกมาผมละอยากจะลงไปจัดกับเธออีกสักรอบ แต่ตอนนี้เราอยู่กันกลางป่าด้วยสิ

คงจะดูไม่จืดเลยถ้ามีพวกมอนสเตอร์มาโจมตีผมขณะยุ่งอยู่กับเธอ

หลังจากถอนหายใจเข้าออก ผมก็เริ่มกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง

——

Note 1 : มันแค่เริ่มมมม

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code