ตอนที่ 163 มีทั้งสุขและทุกข์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 163 มีทั้งสุขและทุกข์
ไอหมอกเกิดขึ้นขณะที่หายใจออกทำให้ดวงตาที่ชื้นไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวพร่ามัวไปหมด ข้างหูได้ยินเพียงเสียงย่ำเท้าอย่างเป็นระเบียบของเหล่าทหาร

หญิงสาวควบคุมจังหวะการหายใจ สายตามองตรงไปด้านหน้า กำหมัดแน่น ในใจเจ็บปวดทรมานราวถูกไฟสุม

ท่านปู่ ท่านพ่อล้วนเคยได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งนั้น มีผู้ใดอ่อนแอเช่นนางบ้าง!

พวกเขาสอนวิทยายุทธให้นางมากมายเพื่อให้นางทำตัวอ่อนแอเช่นนี้หรือ นางผ่านความลำบากจากการฝึกในช่วงวัยเยาว์มามากมาย นางเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปหลายปี ตอนนี้อยากจะฟื้นคืนวิทยายุทธ คิดว่าจะได้กลับมาอย่างง่ายดายหรืออย่างไรกัน

สวรรค์ยุติธรรมเสมอ ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์อย่างละครึ่ง

ความยากลำบากเหล่านี้คือสิ่งที่นางไม่ได้รับในช่วงหลายปีมานี้ นางต้องเผชิญหน้ากับมันเพื่อฟื้นคืนวิทยายุทธของตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

เซียวรั่วไห่ขี่ม้าเร็วตามมาถึงขบวน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่ได้นั่งอยู่บนรถม้า ชายหนุ่มรีบกระโดดลงจากหลังม้าและเร่งฝีเท้าเดินไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว กล่าวขึ้น “คุณชาย ข้าไม่ได้รับตัวคุณชายสี่กลับมาขอรับ คุณชายสี่ไม่ยอมกลับมากับข้า เอาแต่กล่าวว่าไม่รู้จักข้า เซียวเซียนเซิงผู้นั้นกล่าวว่าเขาจะเดินทางไปยังทิศใต้เช่นเดียวกัน คุณชายสี่เป็นน้องชายของคุณชาย เขาจะดูแลอย่างดี หากว่าคุณชายไม่วางใจก็ให้ไปรับคุณชายสี่ด้วยตัวเอง มีเพียงเห็นหน้าคุณชายเท่านั้น เขาถึงจะเชื่อว่าพวกข้าเป็นคนของคุณชายและมอบตัวคุณชายสี่ให้พวกเราขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนสะดุดก้อนหิน ร่างแข็งทื่อเกือบล้มไปกองอยู่บนพื้น โชคดีที่เซียวรั่วไห่คว้าตัวไว้ได้ทัน “คุณชาย!”

หากนางหยุดฝีเท้าลง ขบวนทางด้านหน้าและด้านหลังต้องวุ่นวายเพราะนาง นางไม่ใช่สตรีที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเดินทัพ นางจึงอาศัยแรงของเซียวรั่วไห่พยุงตัวขึ้น เดินต่อไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้ารู้แล้ว!”

หญิงสาวเริ่มต้นจังหวะหายใจและจังหวะฝีเท้าใหม่ ครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ของเซียวหรงเหยี่ยน

ให้นางไปรับคนด้วยตัวเองเช่นนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนยิ้มเยาะอยู่ในใจ หากนางแยกจากขบวนไปรับคน นางต้องอธิบายเหตุผลกับองค์รัชทายาท

เซียวหรงเหยี่ยนคงอยากจะร่วมเดินทางไปพร้อมกับองค์รัชทายาทแต่กลัวว่าจะดูเป็นการจงใจเกินไป ดังนั้นเขาจึงยืมมือของนางเป็นผู้ถ่ายทอด…ให้องค์รัชทายาทไปเชิญเขามา

องค์รัชทายาทเป็นองค์ชายของราชวงศ์ เขาเสพสุขอยู่ในเมืองหลวงที่รุ่งเรืองจนเคยชินแล้ว การนั่งอยู่บนรถม้าอย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้ หากมีคนคอยนั่งสนทนาเป็นเพื่อนจะได้ไม่รู้สึกทรมานมากนัก

ดูเหมือนว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะรู้จักนิสัยและความเคยชินขององค์ชายผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์ดีเสียจริง

หญิงสาวหวนนึกถึงสองวันที่นางสลบไม่ได้สติ ช่วงนั้นองค์รัชทายาทสนทนากับท่านย่าอย่างลับๆ อยู่ครึ่งชั่วยาม นางนึกถึงถ้อยคำที่ท่านย่ากล่าวกำชับก่อนออกเดินทางว่าขอให้การกระทำและถ้อยคำทุกอย่างของนางอยู่ในสายตาขององค์รัชทายาท อย่าอยู่ห่างจากองค์รัชทายาทเด็ดขาด

นางคิดว่าองค์รัชทายาทคงรับปากท่านย่าว่าขอแค่นางไม่มีใจคิดเป็นอื่น ไม่อยู่ห่างจากสายตาของเขาและทำเรื่องที่ขัดขวางราชสำนัก เขารับปากจะปกป้องชีวิตของนาง

เซียวรั่วไห่ไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้ไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปพักผ่อนบนรถม้า เขารู้จักนิสัยของไป๋ชิงเหยียนดี รู้ว่าเกลี้ยกล่อมไปก็คงไม่มีประโยชน์อันใด ชายหนุ่มจูงม้าคุ้มกันอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนตลอดทาง

ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ในที่สุดขบวนก็เดินทางไปถึงชวีเฟิง

ไป๋ชิงเหยียนเกือบหมดแรง หญิงสาวนั่งพักอยู่ในกระโจมของค่ายทหาร ปลดถุงทรายที่มัดติดกับลำตัวออกด้วยมือที่สั่นเทา ถุงทรายชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ขณะนั่งอยู่นิ่งๆ เหงื่อไหลมากกว่าตอนเดินทางอยู่เสียอีก

เซียวรั่วไห่สั่งให้คนไปตักน้ำมาให้ไป๋ชิงเหยียน ส่วนเขาเฝ้าอยู่หน้ากระโจมด้วยตัวเอง ปล่อยให้

ไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอย่างสบายใจ

องค์รัชทายาทมองดูขันทีเล็กที่กำลังทายาที่ขาให้เขาท่ามกลางแสงไฟ ขมวดคิ้วถาม “คุณหนูใหญ่ไป๋เดินทั้งวันจริงๆ หรือ”

วันนี้เขาเดินไปแค่ไม่กี่สิบลี้ก็รู้สึกว่าขาหนักอึ้งจนไม่อาจก้าวต่อไปข้างหน้าได้อีกแล้ว ทว่า คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้กลับเดินไปพร้อมกองทัพทั้งวัน!

เฉวียนอวี๋ ขันทีรับใช้ข้างกายขององค์รัชทายาทใส่ถุงเท้าให้องค์รัชทายาทเสร็จจึงกล่าวออกมายิ้มๆ “มิใช่เรื่องแปลกอันใดพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ไป๋ติดตามท่านกั๋วกงไปออกรบตั้งแต่เด็ก นางคงชินแล้ว ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักเสพความสำราญ ชอบทรมานตัวเองจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก นางเจ็บป่วยมาหลายปี ร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว…” องค์รัชทายาทมองดูเปลวไฟที่สะบัดแกว่งไปมา รู้สึกไม่ชอบใจ เขาแพ้สตรีอย่างนั้นหรือ!

“องค์ชายมีฐานะสูงส่ง อย่าทรงลดตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนใช้แรงงานเหล่านั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋ยื่นรังนกที่เพิ่งต้มเสร็จและอุ่นกำลังดีให้องค์รัชทายาท “องค์ชายเสวยรังนกแล้วรีบพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้ต้องเร่งเดินทางต่ออีกพ่ะย่ะค่ะ!”

ขณะที่องค์รัชทายาทรับประทานรังนก เฉวียนอวี๋สั่งให้คนจุดเทียนหอมและปูที่นอนให้เรียบร้อย

เมื่อองค์รัชทายาทล้างพระพักตร์เสร็จ เขาจึงประคององค์รัชทายาทไปที่เตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส “องค์ชายลำบากเพื่อชาวบ้านเช่นนี้ ชาวบ้านต้องซาบซึ้งบุญคุณขององค์ชายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์ชายกลับมาจากหนานเจียง พระองค์ต้องเป็นที่รักของชาวบ้านมากขึ้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“มิต้องมาประจบข้า!” แม้ปากจะกล่าวออกไปเช่นนั้น ทว่า ดวงตากลับมีแต่รอยยิ้ม

กองทัพจะออกเดินทางในช่วงปลายของยามเหม่า[1]

ไป๋ชิงเหยียนกลับมายังที่พักหลังฝึกซ้อมรอบเช้าซึ่งทำเป็นประจำเสร็จ หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายจากนั้นไปพบองค์รัชทายาทในยามเหม่าเพื่อรายงานเรื่องของไป๋จิ่นจื้อ

“เสี่ยวซื่อยังเด็ก กลัวว่าจะถูกจับตัวกลับไปเมืองหลวงจึงกล่าวว่าไม่รู้จักคนของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ เซียวเซียนเซิงก็ไม่กล้ามอบตัวเสี่ยวซื่อให้ กระหม่อมอยากทูลขอให้กงกงข้างกายขององค์ชายช่วยไปรับตัวเสี่ยวซื่อมาจากเซียวเซียนเซิงพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหันไปก้มศีรษะทำความเคารพเฉวียนอวี๋ ไม่ได้แสดงกิริยาเป็นคนสูงศักดิ์ที่ดูถูกขันทีที่ต่ำต้อยกว่าแม้แต่น้อย

เฉวียนอวี๋ตกใจ รีบทำความเคารพกลับในทันที

ไป๋ชิงเหยียนอยู่ในชุดของบุรุษ ร่างผอมเพรียวแต่สูงโปร่ง ท่าทีองอาจสง่างามราวกับบุรุษคนหนึ่ง ระหว่างสนทนาไม่ได้ส่อแววความเป็นสตรีเลยแม้แต่น้อย ไม่มีผู้ใดจับสังเกตได้ คิดแค่ว่าคนตรงหน้าคือบุรุษหนุ่มที่มีใบหน้ารูปงามยิ่งกว่าสตรีเท่านั้น

“นั่นสินะ หรงเหยี่ยนมีธุระต้องแวะไปที่เมืองผิงหยางก่อนกลับแคว้น เขาเดินทางไปทางเดียวกับพวกเรา” จู่ๆ องค์รัชทายาทก็ยิ้มพลางหันไปมองเฉวียนอวี๋ “เจ้าไปรับคุณหนูสี่มาจากโรงเตี๊ยม ถามหรงเหยี่ยนว่ายินดีจะร่วมทางไปกับเราหรือไม่ รีบไปรีบกลับก่อนกองทัพจะออกเดินทาง”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง ไม่เอ่ยสิ่งใดทั้งสิ้น องค์รัชทายาทนั่งอยู่ในรถม้าคงเบื่อเต็มที เมื่อได้ยินว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะร่วมเดินทางไปด้วยจึงดีใจเช่นนี้

“องค์ชายโปรดวางพระทัย คุณหนู…คุณชายไป๋โปรดวางใจ บ่าวจะไม่ทำให้เสียเวลาออกเดินทางของกองทัพพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋รับคำสั่ง ทำความเคารพองค์รัชทายาทและไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเดินจากไปอย่างรีบร้อน

คนของไป๋ชิงเหยียนไปถึงสองครั้งแต่ก็พาตัวคนกลับมาไม่ได้ คนข้างกายขององค์รัชทายาทไปเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋จิ่นจื้อก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนกองทัพจะเริ่มเคลื่อนขบวนออกเดินทาง

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ด้านหลังองค์รัชทายาท เห็นเซียวหรงเหยี่ยนในชุดคลุมขนจิ้งจอกขี่ม้าตรงเข้ามาท่ามกลางแสงอรุณในยามเช้า ด้านหลังเขามีองครักษ์พกดาบจำนวนยี่สิบกว่าคนติดตามมาด้วย ดูเอิกเกริกยิ่งนัก

บุรุษที่มีใบหน้าสุขุม อ่อนโยนก้าวลงจากหลังม้า แสงอรุณแรกยามเช้าจากทางด้านหลังสาดส่องไปที่ร่างของชายหนุ่มจนเปล่งประกายเป็นสีทอง

ชายหนุ่มทำความเคารพองค์รัชทายาท มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ กิริยาท่าทางราวกับบัณฑิตผู้อ่อนโยน สง่างาม

ไป๋จิ่นจื้อในร่างของบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพองค์รัชทายาทพร้อมกับชายหนุ่ม จากนั้นวิ่งไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวไปหยุดอยู่ด้านหน้าพี่หญิงใหญ่ มองพี่สาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ยืนอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนอย่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าขยำชายเสื้อของตัวเองแน่น

“หรงเหยี่ยน เจ้าไม่ต้องขี่ม้าแล้ว! ไปนั่งบนรถม้ากับเราเถิด เราจะได้มีเพื่อนคุย!” องค์รัชทายาทกล่าวเรียกยิ้มๆ

———————————————

[1] ยามเหม่า เวลาระหว่าง 05.00-07.00 นาฬิกา