ตอนที่ 165 แผนการแยบยล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 165 แผนการแยบยล
เซียวรั่วไห่มองดูไป๋จิ่นจื้อที่เตี้ยกว่าไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อย เมื่อเห็นสาวน้อยดวงตาแดงก่ำ เขาจึงเอ่ยปลอบเสียงแผ่วเบา “คุณหนูใหญ่รู้ขีดจำกัดของตัวเองดีขอรับ คุณหนูสี่มิต้องกังวล”

ไป๋จิ่นจื้อคุ้นเคยกับถุงทรายเป็นอย่างดี คนตระกูลไป๋ทุกคนล้วนใช้มันในการฝึกวิทยายุทธ

ทว่า ไป๋จิ่นจื้อไม่เคยเห็นถุงทรายที่หนักขนาดนี้มาก่อน

พี่หญิงใหญ่ร่างกายอ่อนแอถึงเพียงนั้น จะรับไหวได้อย่างไรกัน!

ใกล้พ้นยามอิ๋น[1]

ลมหนาวพัดเกล็ดหิมะที่ปกคลุมเมืองไป๋วั่วจนปลิวว่อนไปทั่ว

ภายในสนามซ้อมรบ เปลวไฟจากเสาคบเพลิงสูงสะบัดปลิวไปมาตามแรงลม

ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงลูกธนูลอยผ่านอากาศดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เมื่อหล่นลงพื้น เสียงก็ดังขึ้นต่อ แตะโดนเป้าธนูฟางแต่กลับร่วงลงบนพื้นอีกครั้ง

หยาดเหงื่อไหลตามแนวคางของไป๋ชิงเหยียนหยดลงบนพื้น เสื้อทางด้านหน้าและด้านหลังของหญิงสาวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับเพิ่งผุดขึ้นมาจากแม่น้ำ ไอร้อนแผ่กระจายออกมาจากเรือนร่างท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บในคืนอันมืดมิด

หญิงสาวควบคุมจังหวะการหายใจ ดวงตาลึกล้ำราวกับสายน้ำคู่นั้นจ้องนิ่งไปยังจุดสีแดงบนเป้าธนูฟาง หญิงสาวง้างสายธนูอีกครั้ง รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด กัดฟันง้างสายธนูจนตึง ธนูไม้มีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

ท่านพ่อของนางเป็นคนสอนนางยิงธนูด้วยตัวเอง ท่านพ่อเป็นปรมาจารย์แห่งการยิงธนูของแคว้นต้าจิ้นไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ นางก็เช่นเดียวกัน!

เกล็ดหิมะลอยมาตกลงบนขนตาเรียวยาวของหญิงสาว นางปล่อยมือ…

“ฟิ้ว!…”

เซียวรั่วไห่กำหมัดแน่นอย่างอดไม่อยู่ พยายามควบคุมน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของตัวเอง “คุณชาย เข้าเป้าแล้วขอรับ!”

ยิงโดนเป้าสีแดงแล้ว!

แม่นยำ ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเอง ทว่า พละกำลังของนางยังมีน้อยเกินไป ที่ยิงโดนเป้าก็เพราะเซียวรั่วไห่ย้ายเป้าธนูฟางเข้ามาใกล้นางมากกว่าปกติ

ไป๋ชิงเหยียนพักหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบลูกธนูออกมาจากกระบอกอีกหนึ่งดอก พอยกคันธนูขึ้น ดวงตาของหญิงสาวนิ่งขรึมลง หันหลังกลับ ง้างสายธนูเล็งไปยังผู้ที่มาใหม่อย่างไม่ไว้หน้า ธนูไม้ถูกง้างพร้อมยิงเต็มที่

ห่างออกไปไม่เกินสามจั้ง เซียวหรงเหยี่ยนที่มาพร้อมองครักษ์เพียงคนเดียวยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ ดวงตาดำขลับล้ำลึกคู่นั้นจ้องไปยังร่างผอมเพรียวที่อยู่ในท่ายิงธนูอย่างองอาจ สง่างาม

ลมพัดจนเปลวไฟสะบัดพลิ้วอย่างรุนแรง ดวงตาคมกริบของหญิงสาวเป็นประกายวิบวับท่ามกลางแสงไฟที่ริบหรี่ ไอสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากเรือนร่างของหญิงสาวในชั่วพริบตา ลูกธนูเด่นชัดท่ามกลางแสงไฟยามฤดูหนาว

“คุณชายไป๋…” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนจากที่ไกลๆ

ไป๋ชิงเหยียนลดคันธนูลง “เซียวเซียนเซิงตื่นเช้านะขอรับ”

สีหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้าไปหา มองดูหยาดเหงื่อที่ติดอยู่ที่ปลายเส้นผมของหญิงสาวค่อยๆ ไหลไปตามลำคอจนหยดเข้าไปในเสื้อ ชายหนุ่มเบนสายตาหนีเล็กน้อย กล่าวยิ้มๆ ด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าขอยืมดูธนูเซ่อรื้อในมือของคุณชายไป๋ได้หรือไม่ขอรับ”

หญิงสาวส่งธนูเซ่อรื้อให้เซียวหรงเหยี่ยน

เซียวหรงเหยี่ยนอาศัยแสงไฟจากคบเพลิงพิจารณาดูธนูเซ่อรื้อ จากนั้นกล่าวออกมาอย่างชื่นชม “ธนูเซ่อรื้อนี้ท่านแม่ทัพใหญ่ถังอี้ เสนาบดีกรมกลาโหมของแคว้นต้าเยี่ยนที่ล่วงลับไปแล้วเป็นคนทำขึ้น ท่านแม่ทัพถังอี้เคยมอบมันเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบห้าปีให้แก่โอรสองค์โตของจีโฮ่ว ทว่า โอรสองค์โตไม่สนใจจะใช้มัน นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วธนูเซ่อรื้อคันนี้จะมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะคุณชายไป๋ หากท่านแม่ทัพถังอี้ล่วงรู้คงจะดีใจมากขอรับ”

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนติดตามท่านปู่ไปออกรบจนได้สมญานามว่าเสี่ยวไป๋ไซว่ สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของหญิงสาวมีอยู่สามสิ่ง ม้าขาวจี๋เฟิง หอกยาวหงอิงและธนูเซ่อรื้อไร้เทียมทาน

ทว่า ม้าขาวจี๋เฟิงตายไปแล้ว หอกหงอิงและธนูเซ่อรื้อถูกลืมไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บของ

ไป๋ชิงเหยียน

เซียวหรงเหยี่ยนยื่นธนูเซ่อรื้อคืนหญิงสาวด้วยมือทั้งสองข้าง ไป๋ชิงเหยียนรับมาพลางยื่นให้เซียวรั่วไห่ “เซียวเซียนเซิงมาเพราะถ้อยคำของเสี่ยวซื่อเมื่อวานใช่หรือไม่ขอรับ”

“คุณชายเสี่ยวซื่อฉลาดหลักแหลมเหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ ขอรับ” ดวงตาของ

เซียวหรงเหยี่ยนแฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อเอ่ยถึงเสี่ยวซื่อก็มีท่าทีราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก

“เซียวเซียนเซิงมีบุญคุณกับตระกูลไป๋ เสี่ยวซื่อรู้จักขอบเขตดีขอรับ”

เซียวหรงเหยี่ยนหันไปมององครักษ์ที่ติดตามเขามาแวบหนึ่ง องครักษ์รีบกำหมัดคารวะจากนั้นเดินจากไป

เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปพยักหน้าให้เซียวรั่วไห่ เซียวรั่วไห่พยักหน้ารับแล้วจากไป

“เซียวเซียนเซิงมีเรื่องอันใดก็กล่าวมาได้เลยขอรับ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

เซียวหรงเหยี่ยนมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนลึกซึ้ง ปลดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วคลุมไปที่ร่างของไป๋ชิงเหยียน ก้มหน้าผูกเชือกเสื้อคลุมให้หญิงสาว นิ้วมือเรียวยาวเฉียดโดนปลายคางของหญิงสาวเล็กน้อย หญิงสาวขยับหนีตามสัญชาตญาณ ทว่า กลับมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้าผูกเชือกอย่างตั้งใจ กิริยาอ่อนโยนและนุ่มนวลมาก

“เซียวเซียนเซิง…”

ไป๋ชิงเหยียนยกมือขึ้นห้ามแต่ถูกเซียวหรงเหยี่ยนกุมมือของนางไว้ทันที

ลมหนาวพัดผ่านรอบกาย เกล็ดหิมะปลิวว่อนไปทั่วในอากาศ แสงไฟส่องริบหรี่จนเห็นเงาของคนทั้งสองอย่างเลือนราง ในหูของหญิงสาวได้ยินเพียงแต่เสียงของธงในสนามซ้อมรบที่ถูกลมพัดไปมาเท่านั้น

ท่ามกลางความตกตะลึง ร่างของนางถูกล้อมรอบด้วยลมหายใจของบุรุษตรงหน้า ปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของบุรุษ กลิ่นคล้ายน้ำหอมแต่ก็เหมือนจะไม่ใช่

หญิงสาวอยากจะชักมือกลับ ทว่า กลับถูกมือใหญ่ของเซียวหรงเหยี่ยนกุมไว้อย่างแน่นหนาจนขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วมือ

สองสายตาประสานกัน ใบหน้าเฉียบคม งดงาม สมบูรณ์แบบ ดวงตาล้ำลึก จมูกโด่งคมสันยิ่งทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางเปลวไฟที่ส่องสว่างในคืนที่มืดมิด ใบหน้าของเขาช่างดูมีเสน่ห์ยั่วยวนทุกสรรพสิ่งจริงๆ

ใบหูของหญิงสาวร้อนผ่าว ลมหายใจเริ่มติดขัด รู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง

หากไม่ใช่เพราะใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำอยู่ก่อนแล้วเพราะการฝึกซ้อมที่ยาวนาน บัดนี้หญิงสาวต้องเผยความเขินอายออกมาอย่างแน่นอน

เซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปที่หญิงสาวนิ่งๆ แสงไฟส่องกระทบดวงตาล้ำลึกของชายหนุ่ม ไม่มีแววตาล่วงเกิน ไม่มีแววตาหยอกล้อ ดวงตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน

“กลัวข้าหรือ?!”

น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนแหบพร่า แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนเร้น ทว่า เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของแคว้นต้าเยี่ยน ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น ความเร่าร้อนในดวงตาค่อยๆ สงบลง

หากกล่าวว่านางกลัวเขา ควรกล่าวว่านางหวาดระแวงในตัวเขาจะดีกว่า

ชาติที่แล้วผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นต้าเยี่ยนผู้นี้ทำให้นางจำฝังใจ เขามีฝีมือที่โหดเหี้ยมอำมหิต สำหรับไป๋ชิงเหยียนแล้ว หากเขาคือศัตรูก็คงเป็นศัตรูที่ทำให้นางรู้สึกหวาดระแวงมากที่สุด น่ากลัวยิ่งกว่าตู้จือเวยสิบคนรวมตัวกันเสียอีก

หญิงสาวพยายามรวบรวมสติ ตอบอย่างตรงไปตรงมา “สตรีและบุรุษมีความแตกต่างกัน”

เซียวหรงเหยี่ยนค่อยๆ ปล่อยมือของนาง น้ำเสียงอบอุ่นเปิดเผย “สินค้าที่ข้านำไปส่งไม่ใช่เครื่องเทศจริงๆ แต่เป็นยา เกลือและอาวุธเหล็กขอรับ”

“คือสินค้าที่ต้าเยี่ยนขอยืมจากต้าเหลียงด้วยราคาที่สูงมากเมื่อปีที่แล้วอย่างนั้นหรือ” หญิงสาวคิดได้อย่างรวดเร็ว

ปีที่แล้วต้าเยี่ยนประสบกับอุทกภัยและภัยแล้งอย่างหนัก แคว้นที่ยากจนอย่างต้าเยี่ยนจึงเข้าขั้นวิกฤตเข้าไปใหญ่

ต้าเยี่ยนเคยขอความช่วยเหลือจากทุกแคว้น ทว่า มีเพียงแคว้นต้าเหลียงที่ไม่ได้มีเขตแดนติดกับต้าเยี่ยนเท่านั้นที่ให้ยืมในราคาที่สูงมาก

เซียวหรงเหยี่ยนไม่ปิดบัง พยักหน้าพลางกล่าว “ความจริงข้าแบ่งเส้นทางส่งสินค้ากลับไปยังต้าเยี่ยนออกเป็นหกเส้นทาง เส้นทางหนึ่งเสบียงอาหารและอาวุธถูกหรงตี๋ปล้นไปแล้ว บัดนี้ต้าเยี่ยนไม่อาจเปิดศึกกับหรงตี๋ได้ ทุกแคว้นต่างรอให้ต้าเยี่ยนดับสูญเพื่อจะได้เข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ ข้าจึงต้องรวบรวมเส้นทางให้กลายเป็นหนึ่งเดียว เสี่ยงอันตรายใช้เส้นทางในแคว้นต้าจิ้น โดยมีข้าเป็นคนรับผิดชอบคนเดียว”

หากเป็นยามปกติก็แล้วไป ทว่า บัดนี้สงครามที่หนานเจียงกำลังดุเดือด เสบียงอาหารยังไม่เท่าไหร่ ทว่า อาวุธและเกลือเป็นสิ่งที่ทางการห้ามชาวบ้านธรรมดาค้าขาย ยิ่งเข้าใกล้หนานเจียงยิ่งตรวจค้นอย่างเข้มงวด ไม่อาจผ่านไปได้ง่ายๆ

เซียวหรงเหยี่ยนต้องการอาศัยบารมีขององค์รัชทายาท เดินทางไปพร้อมกองทัพเพื่อนำเสบียงอาหารและอาวุธผ่านเข้าไปในเมืองผิงหยางซึ่งเป็นชายแดนติดกับแคว้นต้าเยี่ยน

เป็นแผนการที่แยบยลมาก!

———————————————

[1] ยามอิ๋น เวลาระหว่าง 03.00-05.00 นาฬิกา