บทที่ 171 วางแผนที่จะออกจากสำนักศึกษา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 171 วางแผนที่จะออกจากสำนักศึกษา

บทที่ 171 วางแผนที่จะออกจากสำนักศึกษา

กู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างโกรธเคือง “หนิงผิง ท่านอาจารย์ยุ่งมาก อย่ารบกวนท่านเลย”

“ไม่เป็นไร ข้ามาที่นี่เพื่อกินและดื่ม มีเวลาทุกเมื่อ” สวีเฉิงเจ๋อหัวเราะ

เนื่องจากการหยอกล้อของสวีเฉิงเจ๋อ เด็ก ๆ ที่เศร้าโศกเมื่อสักครู่จึงมีความสุขขึ้นมา

สวีเฉิงเจ๋อคนนี้ทำตามที่เขาพูดจริง ๆ! เมื่อมีเวลาว่างก็จะวิ่งมาที่บ้านกับกู้หนิงอันเพื่อร่วมรับประทานอาหาร รับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็น จากนั้นจึงพากู้หนิงอันกลับไปที่สำนัก

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่สวีเฉิงเจ๋อมา เขาจะนำข้าวและผักมาด้วย ทุกครั้งที่เขานำมาก็นำมาในปริมาณพอกินสำหรับเขา

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าสวีเฉิงเจ๋อเห็นอกเห็นใจพวกเขา และขอให้กู้หนิงอันหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ แต่สวีเฉิงเจ๋อก็ยังคงเป็นเขา และไม่เคยเบื่อที่จะกินมัน!

หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เดิมทีกู้เสี่ยวหวานต้องการล้างจาน แต่กู้หนิงอันแย่งมันไป โดยบอกว่าเขาไม่อยู่บ้านเป็นเวลานานจึงต้องทำอะไรบางอย่าง หลังจากโต้เถียงกันซักพัก กู้เสี่ยวหวานจึงยอมแพ้เขา

หลังจากสวีเฉิงเจ๋อกินเสร็จแล้ว เขาก็จากไป กู้หนิงผิงและกู้หนิงอันอยู่ต่อและบอกว่าพวกเขาจะกลับไปในเช้าพรุ่งนี้ สวีเฉิงเจ๋อรู้ว่าพวกเขามีเรื่องต้องคุยกัน ดังนั้นเขาจึงทำตามความปรารถนาของพวกเขา อย่างไรก็ตามก็ยังกำชับสองพี่น้องให้กลับมาถึงก่อนเวลาเรียน

กู้หนิงอันตอบรับ แต่กู้หนิงผิงไม่ได้พูดอะไร และไม่มีใครสังเกตเห็นร่องรอยความขัดแย้งทางอารมณ์บนใบหน้าของกู้หนิงผิง

กู้หนิงผิงอ้างว่าไม่มีน้ำในถังเก็บน้ำที่บ้าน ดังนั้นเขาและกู้หนิงอันจึงเดินไปตักน้ำที่ลำธาร

กู้หนิงอันได้ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้องชายของเขาระหว่างทางกลับจากสำนักศึกษา

กู้หนิงผิงเอ่ยปาก “ท่านพี่ข้ามีอะไรจะบอก!”

กู้หนิงอันเองก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “พอดีเลย ข้าก็มีอะไรจะคุยกับเจ้าด้วย”

“ท่านพี่ ขอข้าพูดก่อน!” กู้หนิงผิงขัดกู้หนิงอันและพูดก่อน “ท่านพี่ ท่านชอบอ่าน และมีพรสวรรค์ในการเรียน ไม่เหมือนข้า ข้าใจเย็นลงไม่ได้ ถ้อยคำในหนังสือเหล่านั้น ข้าเหมือนอ่านหนังสือจากสวรรค์ อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่ท่านต่างออกไป ท่านเป็นคนขยันและยังมีพรสวรรค์ ทันทีที่พี่หญิงสอนท่านก็ทำเป็นแล้ว อาจารย์ก็ยังบอกว่าเป็นพรสวรรค์ที่หายาก และในอนาคตท่านจะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่ผู้คนอย่างแน่นอน!”

กู้หนิงผิงได้ฟังอาจารย์สวีเซียนหลินครั้งหนึ่ง ในขณะนั้น เขายังสงสัยเกี่ยวกับความหมายของการเป็นผู้ดีที่สุดในหมู่ผู้คน เขาวิ่งไปถามพี่ชายของเขา และพี่ชายตอบว่าเป็นคนเหนือคน

กู้หนิงผิงยังคงไม่เข้าใจว่าคนเหนือคนหมายความว่าอย่างไร

คราวนี้กู้หนิงอันอธิบายด้วยภาษาธรรมดาว่า “ก็คือกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดและดีที่สุด!”

กู้หนิงผิงก็เข้าใจในทันใดและชื่นชมกู้หนิงอันมากยิ่งขึ้น พี่ชายของเขามาที่สำนักศึกษาเมื่อไม่กี่วันก่อน สวีเซียนหลินกล่าวว่า ในอนาคตพี่ชายของเขาจะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดและดีที่สุด กู้หนิงผิงไม่สามารถพูดได้ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน

“หนิงผิง ฟังข้านะ!” คำพูดของกู้หนิงผิงทำให้กู้หนิงอันเดาความหมายได้แล้ว

“ท่านพี่ ฟังที่ข้าพูดให้จบ!” กู้หนิงผิงขัดจังหวะคำพูดของกู้หนิงอันและพูดด้วยหัวใจที่หนักแน่นและทัศนคติที่มั่นคง “วันหลังจากที่เราออกจากบ้าน พี่หญิงถูกทุบตี และน้องสาวก็หายตัวไป เมื่อข้าคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ หัวใจของข้าก็ราวกับถูกมีดกรีด”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ท่านพี่ไม่ยอมบอกเพราะกลัวจะทำให้เป็นห่วง แต่ยิ่งนางทำแบบนี้ยิ่งทำให้น้องชายสองคนรู้สึกลำบากใจมากขึ้นไปอีก

“ท่านพี่ทำงานหนักเพื่อหาเงินและให้ชีวิตที่ดีแก่พวกเรา ชีวิตครอบครัวของเราดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ท่านพี่มอบให้พวกเรา!”

คำพูดของกู้หนิงผิงก็เป็นคำพูดของกู้หนิงอันเช่นกัน พี่น้องสองคนนั่งข้างลำธารและปรับทุกข์อย่างจริงใจ

“พี่หญิงดีต่อพวกเราและพวกเราก็ต้องปกป้องนางด้วย!” กู้หนิงผิงกล่าว “ข้าไม่สามารถทนดูพี่สาวทนทุกข์ทรมาน ท่านพี่เป็นเหมือนแม่ ข้าเคารพและรักนาง การที่นางได้รับความทุกข์ทรมานทำให้ข้าเศร้าใจ!”

“หนิงผิง ข้าก็คิดเหมือนเจ้า ท่านพี่และเสี่ยวอี้เป็นสตรี พวกเราเป็นบุรุษ เราต้องดูแลพวกเขาให้ดี!”

“และเสี่ยวอี้อายุเพียงสี่ขวบ นางตกลงมาจากภูเขาจริง ๆ แล้วใครคือผู้ร้าย? เหตุใดท่านพี่ถึงไม่บอกเรา สักวันหนึ่งเราก็รู้อยู่ดี ข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป ท่านพี่เคยบอกว่ายังไม่สายเกินไปสำหรับสุภาพบุรุษที่จะแก้แค้นในสิบปี*[1] แต่ข้าได้ยินมาว่าชายใดไม่แก้แค้นไม่นับเป็นวีรบุรุษ สตรีจิตใจชั่วร้ายอย่างเฉาซื่อ วันหนึ่งข้าจะทำให้นางทรมานจากผลกรรมที่ตามมา!”

“หนิงผิง อย่าหุนหันพลันแล่น!” กู้หนิงอันกลัวว่าน้องชายของเขาจะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เขาจึงรีบขัดขวาง

“ท่านพี่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่หุนหันพลันแล่น พี่หญิงบอกว่าความหุนหันพลันแล่นคือมาร ถ้าข้าหุนหันพลันแล่น ครอบครัวของเราจะจบสิ้น ข้ารู้!”

“ดีที่เจ้ารู้ ท่านพี่สอนเราอย่างจริงจัง เจ้าต้องจำคำพูดของนางไว้ในใจเสมอ”

“อือ รู้แล้วน่า! ดังนั้นสิ่งที่ข้าจะพูดคือข้าจะไม่ไปสำนักศึกษา!” เมื่อกู้หนิงผิงพูดแบบนี้ก็สบายใจขึ้นมาก ในอนาคตเมื่อมีเด็กชาย แบบเขาที่บ้าน พี่สาวและน้องสาวก็จะไม่ถูกทำร้ายอีกแน่นอน

“หนิงผิง…” กู้หนิงอันอยากจะพูดอย่างอื่น “หนิงผิง เจ้าไปเรียนเถอะ ข้าจะกลับบ้านมาดูแลพี่สาวและน้องสาว ข้าเป็นลูกชายคนโตในครอบครัว และข้าควรทำสิ่งนี้!”

“ท่านพี่ ท่านกำลังพูดถึงอะไร! ท่านสามารถเรียนได้ดีกว่าข้า ดังนั้นควรไปเรียน!”

“แต่…”

“ไม่มีแต่ท่านพี่ เมื่อถึงเวลาท่านก็ไปเรียนที่สำนักศึกษา ส่วนข้าจะปกป้องพี่สาวและน้องสาวที่บ้าน มีข้าอยู่ที่บ้าน ท่านจะได้สบายใจเวลาเรียน! ข้าชอบที่จะอยู่ข้างนอก การนั่งในห้องเรียนเป็นเรื่องที่ยากสำหรับข้าจริง ๆ” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างตื่นเต้น

“หนิงผิง ท่านพี่จะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน!” กู้หนิงอันเทอ่างน้ำเย็นลงบนกู้หนิงผิง

แต่กู้หนิงผิงไม่ได้ดูกังวล แต่เขาฉลาดมาก เขากลอกตาและคิดหาวิธีที่จะเกลี้ยกล่อมกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อทั้งสองกลับบ้านและบอกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้ กู้เสี่ยวหวานก็ปฏิเสธ “ไม่อย่างแน่นอน!”

กู้เสี่ยวหวานเกลี้ยกล่อมกู้หนิงผิงมาตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะไปสำนักศึกษา และในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมให้เขาไปได้ แต่คราวนี้มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่ากู้หนิงผิงจะนำสิ่งเก่ากลับมาพูดอีกครั้งแน่ แต่นางยังไม่เห็นด้วย

“ท่านพี่ ข้าจะไม่ไปเรียนแล้ว ข้าจะอยู่บ้านกับท่านและน้องสาว!”

เมื่อกู้หนิงผิงกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจราวกับเด็กที่ถูกพรากไปจากของรักของเขา

………………………………………………………………………………………………………………………

*[1] ไม่สายเกินไปสำหรับสุภาพบุรุษที่จะแก้แค้นในสิบปี หมายความว่าคนที่มีอุดมการณ์สูงส่งไม่จำเป็นต้องใจร้อนที่จะแก้แค้น

สารจากผู้แปล

เสี่ยวหวานจะเกลี้ยกล่อมให้หนิงผิงยอมกลับไปเรียนได้ไหมนะ

ไหหม่า(海馬)