บทที่ 191 เสี่ยวถาง ฉันรอเธออยู่ตลอดนะ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลานเสี่ยวถางออกจากเขตเล็กมา เธอไม่รู้เลยว่าตนเองสามารถไปที่ไหนได้บ้าง รู้สึกเพียงแค่ภาพเมื่อครู่นี้นั้นเหมือนราวกับว่าเป็นมีดที่ไปทิ่มแทงหัวใจของตนเอง

เธอไม่เคยคิดมาก่อน หลังจากที่ผ่านภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว พระเจ้าก็ยังให้เธอได้เจ็บปวดอีกครั้งหนึ่งเช่นนี้อีก!

เธอรู้สึกว่าส้นเท้าเหยียบเข้ากับหินจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เธอก้มศีรษะลงไปดูก่อนจะค้นพบแล้วว่า รองเท้าของตนเองอีกข้างหนึ่งนั้นไม่เห็นเสียแล้ว ที่ปลายเท้ายังถูกข่วนจนเป็นรอยแผลเล็ก ๆ รอยหนึ่งด้วย

เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เธอรีบร้อนขึ้นไปที่ชั้นบน ดังนั้นก็เลยจอดรถเอาไว้ที่ที่จอดรถแบบเดี่ยวที่ชั้นล่างแล้วลืมล็อกรถเอาไว้

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอขึ้นไปบนรถ ก่อนจะขับออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วทันที

แต่ทว่า ภาพเมื่อครู่นี้ยังคงปรากฏขึ้นอยู่ในสายตาอยู่ตลอดเวลาเลย

เธอค้นพบแล้ว เธอมองเห็นภาพเช่นนี้ แม้กระทั่งความกล้าหาญที่จะไปเอ่ยถามสือมูเฉินก็ยังไม่มีเลย

ไม่เหมือนกันกับสือเพ่ยหลินในตอนแรกเริ่ม เธอดูแลสือเพ่ยหลินมาสองปี ในตอนที่เห็นว่าเขาทรยศเธอนั้นเอง นอกจากเธอจะเสียใจแล้ว อีกทั้งยังมีความโกรธอีกด้วย

แต่ทว่าสือมูเฉิน เขาดีต่อเธอมาโดยตลอด สอนให้เธอเป็นอะไร ๆ ตั้งมากมายหลายอย่าง ดังนั้นแล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเธอที่ติดค้างเขา ถึงแม้ว่าเขาจะทรยศเธอ เธอก็สามารถทำได้เพียงแค่อดทนยอมรับไปก็เท่านั้น

แต่ทว่า ความเจ็บปวดในหัวใจกลับไม่ได้เป็นเพราะการอดทนยอมรับแล้วทำให้อ่อนแอสุด ๆ เช่นนี้หรอกนะ!

เธอขับรถอย่างรวดเร็วไปพลาง ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดไปพลาง แม้กระทั่งเธอขับรถมาถึงที่ไหนแล้ว เดิมก็ไม่อาจทราบได้เลย

เธอแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี คิดอยากจะเร็วขึ้นอีกหน่อย คิดอยากที่จะหนีไปให้ไกล แต่ทว่า ภายใต้หัวใจกลับมีเสียงที่ไม่อาจจะไม่ให้ความสำคัญต่อได้อยู่เสียงหนึ่งขึ้นมา คาดหวังให้สือมูเฉินตามออกมา บอกกับเธอ ว่าเมื่อครู่นี้เธอมองผิดไปแล้ว

แต่ทว่าในตอนที่เธอกำลังจะไร้เรี่ยวแรงแล้วนั้นเอง ในตอนที่ด้านหลังไม่มีใคร หลานเสี่ยวถางก็รู้แล้ว ว่าเขาจะไม่ตามมาหรอก

ในตอนนั้นเอง กลับมีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาดเป็นอย่างมากบางอย่างที่มากกว่าหัวใจที่ตายด้านไป เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ที่ด้านหน้ามีรถขับเข้ามา กลับกันเธอกลับแตะเหยียบมุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแทน!

รถที่อยู่ตรงหน้าคิดไม่ถึงว่าหลานเสี่ยวถางจะขับเข้ามาหาเช่นนี้ เขาตกใจจนหักพวงมาลัยหลบอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง ก็มีรถอีกคันหนึ่งที่ทางด้านข้างขับพุ่งเข้าไปหาตรงหน้าของหลานเสี่ยวถางไปเสียแล้ว!

ดังนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเขาหลบจากการชนเข้าหาหลานเสี่ยวถางแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางก็ต้องถูกรถทางอีกด้านหนึ่งชนเข้าให้แน่ ๆ เป็นเพราะว่าตัวรถของเขานั้นบดบังทัศนวิสัยของรถอีกคันหนึ่งเอาไว้อยู่

ในช่วงเวลาอันแสนจะรวดเร็วนั้นเอง รถของเขาหมุนควงเป็นวงกลมรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าไปบังรถทางด้านหลังเข้าไปแล้ว!

“ปัง!” หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงชนดังสนั่นขึ้น ตามต่อมาด้วย รถที่หมุนเป็นวงกลมเมื่อครู่นี้คันนั้น ถูกชนเข้าให้อย่างแรงทางด้านข้าง ตัวรถจึงถลาไปทางแม่น้ำที่อยู่ทางด้านข้างแล้ว

หัวใจของเธอในตอนนั้นราวกับแทบจะหยุดเต้นในทันที จู่ ๆ ในช่วงเวลานั้นเอง เธอก็รู้สึกผิดในภายหลังต่อการกระทำของตนเองเมื่อครู่เสียมากมายเสียแล้ว!

ทำไมเธอถึงเป็นเพราะว่าปัญหาของตนเอง แล้วทำร้ายคนอื่นจนเกิดอุบัติเหตุรถชนกันเช่นนี้?!

หลานเสี่ยวถางกระโดดลงมาจากรถ ก่อนจะวิ่งเข้าไปหารถของคันนั้นอย่างบ้าคลั่ง ระยะห่างใกล้เข้ามาแล้วถึงได้ค้นพบว่า คนขับภายในตัวรถนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นหันจื่ออี้นั่นเอง!

ในตอนนั้นเอง รถของเขาถลาไปถึงทางด้านข้างของแม่น้ำแล้ว ตามมาด้วย สั่นไหวไปมา

หัวใจของหลานเสี่ยวถางแทบจะถลนออกมาจนถึงดวงตา ก่อนจะร้องเรียกชื่อของหันจื่ออี้เสียงดัง

เขาแทบจะได้ยินแล้ว แต่ทว่าก็เหมือนกับแทบจะไม่ได้ยินเลย จนกระทั่ง รถสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วก็เอนพิงไป แล้วพลิกตกลงไปในแม่น้ำไปแล้ว

หลานเสี่ยวถางตกใจจนหัวใจแทบจะติดอยู่ในลำคอ แทบจะไม่มีความลังเลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่รถจมลงไปในใต้น้ำแล้ว ก็รีบกระโดดลงไปในแม่น้ำทันที

ในฤดูใบไม้ร่วงน้ำนั้นเย็นมากแล้ว ทว่าในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่รอบบริเวณมีเข็มแหลมราวกับความเย็นยะเยือกล้อมรอบก็ไม่ปาน ทุก ๆ เล่มนั้นล้วนพุ่งตรงเข้ามาทิ่มแทงบนร่างกายทั้งหมด

เธอไม่สนใจสิ่งอื่นใดแล้ว หลังจากที่ร่างกายปรับเข้ากับอุณหภูมิของน้ำได้แล้วนั้นเอง ก็รีบดำลงไปทันที ก่อนจะว่ายน้ำเข้าไปทางประตูรถของหันจื่ออี้

หลังจากที่เขาตกน้ำไปแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ทว่า ประตูรถของเขากลับเปิดไม่ออก เขาในตอนนี้ กำลังจะหยิบอุปกรณ์ขนาดเล็กในรถเพื่อมาทุบกระจกอยู่

ในระหว่างพวกเขานั้น ห่างกันเพียงแค่กระจกกั้นหนึ่งชั้น หันจื่ออี้มองเห็นหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะชี้ไปที่ศีรษะของเธอ แสดงเป็นสัญญาณว่าให้เธอรีบหลบไปอย่างรวดเร็ว

เธอส่ายศีรษะไปมา ดึงกระชากประตูรถไม่หยุด เมื่อเห็นว่าเปิดไม่ออกแล้วจริง ๆ ก็ว่ายน้ำขึ้นไปที่ฝั่งแล้วหาก้อนหินแหลม ๆ มา

เขาเคาะอยู่ทางด้านใน เธอเคาะอยู่ทางด้านนอก และในช่วงเวลาที่กำลังต่อสู้ไม่หยุดนั้นเอง

เป็นเพราะว่าดำน้ำลงมาครู่หนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าทักษะการว่ายน้ำหลานเสี่ยวถางจะไม่เลวเลย แต่ทว่า ก็อดทนเอาไว้ไม่ไหวแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ว่ายน้ำขึ้นไปบนผิวน้ำ ก่อนจะหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่

เมื่อรอให้หายใจเอาอากาศเข้ามาแล้ว เธอก็ดำน้ำลงไปอีกครั้ง ก่อนจะทุบกระจกกับหันจื่ออี้ต่อ

ในที่สุด กระจกของหน้าต่างรถก็แตกเป็นรูเล็ก ๆ ในตอนที่หันจื่ออี้ออกแรงทุกไปนั้นเอง รอยเล็ก ๆ นั่นก็ร้าวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีน้ำเข้าไปด้านใน ในแรงของการดึงยื้อนั่น ในที่สุดกระจกรถก็แตกละเอียดทั้งหมด

เป็นเพราะว่าการกระทำของแรงดันของน้ำด้านนอก หันจื่ออี้จึงถูกพัดเข้าไปด้านในตัวรถ หลานเสี่ยวถางตกตะลึง ก่อนจะรีบเปิดประตูรถออก แล้วว่ายน้ำเข้าไปหา หลังจากนั้นก็ดึงหันจื่ออี้แล้วว่ายน้ำออกไปด้านนอก

หันจื่ออี้ก้มศีรษะของตนเองครู่หนึ่งสบตามองข้อมือของตนเองที่หลานเสี่ยวถางดึงจับเอาไว้ ทันใดนั้นเอง ความหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็หวังว่าจะไม่อยากขึ้นไปบนผิวน้ำเลย

ทั้งสองคนว่ายน้ำกันมาจนถึงฝั่ง ในตอนที่ขึ้นฝั่งไป หลานเสี่ยวถางค้นพบว่าตอนนี้ตนเองแทบจะเปลือยเปล่า

เป็นเพราะว่าความตื่นตระหนกของจิตใจเมื่อครู่นี้ ขับรถและกระโดดลงน้ำก็แทบจะเปลืองแรงไปมากแล้ว ในตอนนี้ ร่างทั้งร่างของเธอนั่งเกือบเปลือยอยู่บนฝั่ง ร่างทั้งร่างจึงสั่นเทาออกมาไม่หยุดอย่างไม่รู้ตัว

หันจื่ออี้นั่งอยู่ที่ทางด้านข้างของเธอ ยื่นมือออกไป ต้องการที่จะเข้าไปกกกอดเธอเอาไว้

สัญชาตญาณของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาทันที แต่ทว่า เมื่อหันกลับไปมองเธอแล้ว ถึงค้นพบว่าบนหน้าผากของหันจื่ออี้มีรอยแผลแตกอยู่แผลหนึ่ง

“คุณได้รับบาดเจ็บแล้ว——” หลานเสี่ยวถางตื่นตระหนกขึ้น “พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ!”

หันจื่ออี้สัมผัสเข้าที่หน้าผาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจว่า “ไม่เป็นไรหรอก แผลเล็กน้อยเอง! โชคดีที่เมื่อครู่นี้รถคันนั้นชนเข้าที่ด้านท้าย ดังนั้นฉันก็เลยไปโขลกเข้ากับกระจกหน้ารถก็เท่านั้นเอง”

หัวใจของหลานเสี่ยวถางมีการตำหนิตนเองอย่างรุนแรง “เมื่อกี้นี้ ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณนะคะ”

แทบจะเป็นเพราะว่าถูกเอ่ยถึงเรื่องเมื่อครู่นี้เอง หันจื่ออี้จึงมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

สีหน้าบนใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปทันที จู่ ๆ ก็คว้าจับเข้าที่ไหล่ของหลานเสี่ยวถางเอาไว้แน่น อีกทั้งน้ำเสียงก็ยังเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที “ถ้าเธอไม่พูดฉันก็ลืมไปแล้วนะ เมื่อกี้นี้เธอทำอะไร?! เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอทำมาจากเหล็กหรือไง อยากที่จะกลับไปลองอยู่ในท้องแม่ดูใหม่อีกครั้งหนึ่งหรือ?!”

หลานเสี่ยวถางถูกพูดใส่จนกลายเป็นใบ้ เธอก้มศีรษะลง นิ้วมือคว้าจับเข้ากับเสื้อผ้าที่เปียกชื้น “ขอโทษ ขอโทษค่ะ……”

“เธอพูดขอโทษกับฉันมันจะมีประโยชน์อะไร?” หันจื่ออี้เอ่ย “ถ้าหากว่าเมื่อครู่นี้ฉันไม่ได้ขับ คนที่ตายก็คือเธอแน่! คนที่เธอควรที่จะขอโทษมากที่สุด นั่นก็คือตัวเธอเอง!”

จมูกของหลานเสี่ยวถางแสบร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เธอกัดกรามแน่น ไม่พูดจา แต่ทว่า หยาดน้ำตากลับไหลออกมาจากดวงตาอย่างบ้าคลั่งแทน

หันจื่ออี้บันดาลโทสะจนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขาสบตามองท่าทางของเธอในตอนนี้ หายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่นาน ถึงจะกักเก็บไฟเอาไว้ได้ หลังจากนั้น ก็เข้าไปดึงหลานเสี่ยวถางเอาไว้ “ไปโรงพยาบาล!”

เขาเดินไปได้สองก้าว เมื่อเห็นว่าขาของหลานเสี่ยวถางสั่นเล็กน้อย ก่อนจะก้มศีรษะลงไปดู ถึงจะค้นพบว่าเท้าของหลานเสี่ยวถางได้รับบาดเจ็บแล้ว อีกทั้งยังขาดรองเท้าไปข้างหนึ่งด้วย

เขามองเธอด้วยสายตาเข้ม ๆ ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นโดยไม่พูดไม่จา แล้วเดินไปตามถนนอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองคนเดินมาถึงที่เกิดเหตุแล้วก่อนจะค้นพบว่า รถเมื่อครู่นี้นั้นไม่เห็นเสียแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเห็นหันจื่ออี้ตกน้ำแล้วก็เลยหลบหนีไปเสียแล้วกระมัง สรุปแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงา

เพียงแต่ ทั้งสองคนไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรเยอะแยะแล้ว ดังนั้นจึงเดินไปโบกรถทางข้างถนนอีกครั้งมาคันหนึ่ง

โชคดีที่บนร่างของหลานเสี่ยวถางมีเงินติดตัวอยู่หนึ่งร้อย ถึงแม้ว่ามันจะเปียกชื้น แต่ทว่าก็ยังสามารถใช้การได้ ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับเรียกรถไปโรงพยาบาล

เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว หันจื่ออี้เข้าไปยืมโทรศัพท์เพื่อต่อสายโทรศัพท์หาผู้ช่วย ตามต่อมาด้วย เข้ารับการตรวจ หลังจากที่ตรวจเสร็จแล้ว หมอบอกว่านอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพียงแค่ต้องทานยาต้านอักเสบเพื่อป้องกันอาการไข้ก็พอแล้ว

แต่ทว่า แผลที่ขาของหลานเสี่ยวถาง หมอแนะนำมาว่าทางที่ดีที่สุดก็ให้พักผ่อนให้มาก ๆ หลังจากที่รอให้แผลดีขึ้นแล้ว ก็ค่อยลงเดิน

แต่ทว่า วันนี้หลานเสี่ยวถางกับบิดามีนัดพบเจอหน้ากัน เธอจะพลาดมันไปได้อย่างไร?

ภายใต้การอดทนของหลานเสี่ยวถาง หลังจากที่ทั้งสองคนทานอาหารเที่ยงในโรงพยาบาลแล้ว หันจื่ออี้ให้ผู้ช่วยช่วยส่งรองเท้าแตะมาให้ หลานเสี่ยวถางใส่รองเท้าแตะก่อนจะออกมาจากประตู

จนกระทั่งนั่งบนรถของคุณผู้ช่วยแล้ว หันจื่ออี้จึงมีโอกาสได้หันไปเอ่ยถามว่า “เสี่ยวถาง สรุปแล้ววันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ภายใต้ความทรงจำของเขา หลานเสี่ยวถางมักจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด เธอเป็นเด็กสาวเช่นนี้ ทำไมจะเห็นรถเข้าแล้วไม่หลบไปได้ล่ะ อีกทั้งยังจงใจให้โดนชนแทน?!

หลานเสี่ยวถางหวนนึกถึงภาพนั้น นิ้วมืออดไม่ได้ที่จะหดกำ เธอส่ายหน้า ก่อนจะขอร้องว่า “ฉันไม่อยากพูด ได้ไหมคะ?”

หันจื่ออี้ได้ยินน้ำเสียงอ้อนวอนของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง “ได้ ฉันจะไม่บังคับเธอ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอรู้ หากว่าวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะเขา มิฉะนั้นแล้ว บางทีเธอก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว

แต่ทว่า เมื่อครู่นี้เขาเห็นช่วยเธอโดยไม่สนใจชีวิต เดิมเธอก็ไร้หนทางที่จะตอบแทนได้แล้ว

“เสี่ยวถาง ถ้าหากว่าเธออยู่อย่างไม่สุขใจแล้วล่ะก็——” หันจื่ออี้พิจารณาไตร่ตรองประโยคต่อไปอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ ฉันจะรอเธออยู่ตลอด รอให้เธอหันกลับมามองฉัน”

เดิมหลานเสี่ยวถางในตอนนี้ก็ไม่ได้คิดถึงความคิดนั้นเลย เธอทำได้เพียงแค่ก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “ของคุณค่ะ แต่ทว่า ตอนนี้ฉันยังไม่ตัดสินอะไรก่อนจริง ๆ ดังนั้น……”

หันจื่ออี้แทรกจังหวะของเธอ “ได้สิ ฉันรู้แล้วล่ะ ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอนะ”

ภายในรถเงียบสงบขึ้นมาเล็กน้อย ในมือของหลานเสี่ยวถางบีบกำโทรศัพท์มือถือที่น้ำเข้าไป มีความรู้สึกไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปอย่างชัดเจนได้เลยว่าทุกอย่างนั้นเป็นไปด้วยดี

แม้กระทั่ง เธอก็ยังคงคิด ในระหว่างที่เธอปิดโทรศัพท์มือถืออยู่หลายชั่วโมงนี้ สือมูเฉินจะตามหาเธอหรือเปล่า?

เมื่อเห็นว่าหลานเสี่ยวถางนั่งบีบโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วยท่าทางน่าเวทนาแล้ว ในที่สุดหันจื่ออี้ก็มองไม่ได้อีกต่อไป เขาถอนหายใจออกมาอย่างหมดคำจะพูดครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้ช่วยของตนเองว่า “เอาโทรศัพท์ของคุณมาให้ผมยืนใช้หน่อยสิครับ”

ผู้ช่วยที่กำลังขับรถอยู่ส่งโทรศัพท์มือถือไป หันจื่ออี้เปลี่ยนซิมจากโทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางเข้าไปในโทรศัพท์เครื่องนั้น หลังจากนั้นก็เปิดเครื่อง

หลังจากที่เปิดเครื่องแล้ว ก็มีเสียงสั่นหลายครั้งดังขึ้น หัวใจของหลานเสี่ยวถางเป็นประกายขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบเข้าไปรับมันมาทันที

ผู้ช่วยบอกรหัสผ่านให้แก่เธอ เธอเปิดดูข้อความ ทันใดนั้นเองสายตาก็เรียบเฉยทันที

เป็นโฆษณาทั้งสิ้น!

เพียงแต่ ในวินาทีต่อมา เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็เปิดวีแชทดูอีกครั้ง ก่อนจะลงทะเบียนเข้าในบัญชีของตนเอง

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือก็ได้รับข้อความติดต่อกันหลายข้อความแล้ว

“ถางถาง ออกหรือยังจ๊ะ? จำเอาไว้ด้วยนะว่าต้องถ่ายรูปมาให้แม่ด้วยน่ะ!” เป็นเย่เหลียนอีที่ส่งเข้ามา

“ที่รักจ๊ะ จะไปหาคุณพ่อแล้วใช่ไหม? อา ทำไมฉันถึงตื่นเต้นกว่าเธอเนี่ย?!” เป็นเฉียวโยวโยวที่ส่งเข้ามา

อีกทั้งยังมีอีกหลายข้อความ ที่เป็นข่าวกับบัญชีที่เป็นทางการที่ส่งข้อความเข้ามาหา

หลานเสี่ยวถางบีบโทรศัพท์ หัวใจก็เริ่มเย็นยะเยือกขึ้นทีละน้อย

ถ้าหากว่าสือมูเฉินโทรศัพท์มาหาเธอ ได้ยินว่าเธอปิดเครื่อง ก็ควรที่จะส่งข้อความมาทางวีแชท

แต่ทว่า ไม่มีข้อความจากเขา อีกทั้งยังไม่มีข้อความทางวีแชทด้วย เกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ เดิมก็ไม่มีคำอธิบายแม้แต่ครึ่งประโยคเลย!

ดังนั้นแล้ว เขาหลังจากที่เธอจับได้แล้ว ก็คงที่จะทิ้งไปแล้วจริง ๆ แม้กระทั่งคำอธิบายก็คิดว่าเปลืองแรงเลยอย่างนั้นใช่ไหม? หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจมีความทุกข์ทรมานพัดผ่านเข้ามาหา แม้กระทั่งการหายใจเข้าออกครั้งหนึ่งก็ยังเจ็บปวดไปหมดเลย

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง คุณผู้ช่วยที่อยู่ทางด้านข้างก็เอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “ท่านประธานหันครับ ตอนนี้ถึงสถานที่ที่คุณบอกเอาไว้แล้วครับ”

ร่างของหลานเสี่ยวถางสั่นสะท้านในทันที ถึงที่ที่เธอกับบิดาจะต้องพบหน้ากันแล้วหรือ?