บทที่ 184 ยังมีคนอื่นอีก

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีเหลือบมองเขาแล้วยื่นคำสารภาพให้เขาดู“ข้างในบอกว่า ทารีนาต้องการฆ่าฉันเพราะอยากแต่งงานกับคุณ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ หล่อนอยากแต่งงานกับคุณแล้วจะฆ่าฉันไปทำไม ไปฆ่าพิชญาสิ ตอนนั้นพิชญาต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ ถ้าฆ่าพิชญา โอกาสที่จะได้แต่งงานกับคุณดูจะมีมากกว่าซะอีก”

ที่จริงเธออยากจะพูดว่า ฆ่านวิยาอาจจะมีโอกาสสูงกว่า

แต่ว่านวิยาเป็นคนที่เขารัก เพราะงั้นถ้าเธอพูดออกไปแบบนี้ เขาจะต้องโกรธแน่

นัทธีได้ยินวารุณีพูดแบบนี้พร้อมกับเห็นว่าสายตาของเธอดูซับซ้อนขึ้นมา

ทำไมทุกคนถึงดูออกว่าคนที่เขารักคือเธอ แต่ตัวเธอเองกลับดูไม่ออกซะงั้น?

เขารักเธอ ฉะนั้นทารีนาฆ่าเธอ นี่คือตัวเลือกที่ถูกต้องแล้วต่างหาก

เขาแอบถอนหายใจออกมาในใจ นัทธีเอาคำสารภาพยื่นให้ตำรวจ“พวกเราไปดูเธอได้ไหม?”

“ได้ครับ”เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้า

นัทธีมองไปที่วารุณี“ไปเถอะ ไปดูเธอกัน”

วารุณีก็คิดแบบนี้เหมือนกันจึงตอบอืมออกไปแล้วเดินไปด้วย

ณ ห้องสอบสวน วารุณียืนอยู่ตรงหน้าทารีนา แล้วพูดอย่างเย็นชา“เพียงเพราะความริษยา เธอก็เลยอยากจะลงมือฆ่าฉัน ไม่คิดเลยหรอว่านี่มันใจดำอำมหิตเกินไป?”

ทารีนาเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งแล้วรีบก้มหน้าลงอย่างไว น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความเสียใจและความทุกข์ทรมาน“แล้วแต่เธอจะพูดเลย ฉันยอมรับทุกอย่าง”

“หืม?”วารุณีหรี่ตาลงด้วยความสงสัย

แปลกจริงๆ ปกตินักโทษที่ถูกจับจะไม่เต็มใจยอมรับว่าตัวเองผิดเมื่ออยู่ต่อหน้าเหยื่อไม่ใช่หรอ?

แล้วทำไมปฏิกิริยาของเธอกลับดูเศร้าขนาดนี้ล่ะ?

“กำลังคิดอะไรอยู่?”นัทธียืนอยู่ด้านหลังของวารุณี แล้วเลื่อนสายตาลงมองเธอที่กำลังทำท่าครุ่นคิด จากนั้นจู่ๆก็ถามออกมา

พอวารุณีรู้สึกตัวก็ส่ายหน้าไปมา“ไม่มีอะไร บางทีฉันอาจจะสงสัยมากไป”

เขาเป็นคนสืบหาเอง เพราะงั้นคงจะไม่มีอะไรผิดพลาด

คิดไปวารุณีก็สูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ จากนั้นก็มองไปที่ทารีนาพร้อมกับเอ่ยขึ้น“ฉันถามหน่อย ช่วงนี้ที่เกิดฟไหม้โกดังของฉันขึ้น เธอเป็นคนทำรึเปล่า?”

ทารีนาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร ฉันแค่ลงมือฆ่าเธอ ส่วนเรื่องที่โกดังของเธอกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับลูกของเธอล้วนไม่เกี่ยวข้องกับฉัน”

“ อะไรนะ?”วารุณีสีหน้าเปลี่ยนทันที

นัทธีหรี่ตาลงแล้วทำสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา

วารุณีจับไหล่ทารีนาไว้ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด จากนั้นก็เอ่ยถามเสียงสั่น“เธอบอกว่าสองเรื่องนี้เธอไม่ได้เป็นคนทำงั้นหรอ?”

“ใช่”ทารีนาพยักหน้า

วารุณีจ้องตาหล่อนเขม็ง หล่อนไม่ได้โกหก ความรู้สึกเย็นวาบพรั่งพรูขึ้นมาจากทางด้านหลังทันที

ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วก็ไม่ใช่พิชญา แล้วมันเป็นใคร?

หรือว่ายังมีศัตรูคนอื่นอีก?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้วารุณีก็รู้สึกร้อนใจจนต้องยกมือขึ้นมากุมหัวแล้วหลับตาลง เธอพยายามนึกถึงคนที่เธอรู้จักทั้งหมดหลังจากกลับมาที่จีน

แต่พอคิดไปได้ซักพักก็ไม่พบว่ามีใครน่าสงสัยเลย กลับกันเธอกลับปวดหัวขึ้นมาแทน

นัทธีมองวารุณีที่กำลังรู้สึกเจ็บปวด ใจเขาอ่อนยวบลงทันทีแล้วเอาเธอมากอดไว้ จากนั้นก็ตบที่หลังเธอเบาๆ“เอาล่ะ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว”

วารุณีคว้าคอเสื้อสูทของเขาไว้แล้วซบลงในอกของเขา เมื่อได้กลิ่นมิ้นต์จางๆบนตัวเขา เธอก็ค่อยๆสงบลง แล้วปล่อยมือพลางผละออกจากอ้อมกอดของเขา

“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่ว่าคนที่จับตัวลูกฉันและเผาโกดังของฉันจะเป็นใคร ฉันจะต้องลากตัวมันออกมาให้ได้ ส่วนคุณทารีนา!”

วารุณีกำมือแน่นแล้วหันมาจ้องทารีนา“คุณทารีนาไปปรับทัศนคติอยู่ในคุกก็แล้วกัน!”

พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องสอบสวนไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

นัทธีมองไปยังทารีนาที่มีสีหน้าเศร้ากว่าเดิม จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้วเดินตามวารุณีออกไป

ไม่ใช่ว่าเขาดูทารีนาไม่ออกว่าเธอดูไม่เหมือนฆาตกรเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่นายท่านบุญชัยเป็นคนสืบหาเจอว่าเป็นเธอ ซึ่งนายท่านบุญชัยเป็นข้าราชการ เพราะงั้นเขาจึงไม่อาจจับฆาตกรผิดคนได้แน่นอน

หลังจากที่นัทธีออกไปแล้วปิดประตูห้องสอบสวน เขาเห็นว่าวารุณีกำลังยืนคุยกับตำรวจอยู่ก็เลยเดินเข้าไป

พอเดินเข้าไปก็ได้ยินเธอกำลังถามขึ้น“ในกรณีของทารีนานี่จะได้รับโทษกี่ปีหรอคะ?”

“เจตนาฆ่าสองครั้ง แถมยังติดต่อกับอาชญากร โทษจึงค่อนข้างหนัก อย่างน้อยต้องจำคุกสิบห้าปีครับ”เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบ

“สิบห้าปีงั้นหรอ?”วารุณีเม้มริมฝีปากแน่น เธอรู้สึกว่ามันน้อยไปหน่อย

แต่เธอรู้ว่าการมีเจตนาฆ่าคน แต่เหยื่อไม่ได้รับอันตรายที่เห็นได้ชัด การตัดสินจำคุกสิบห้าปีมันจึงดูสมเหตุสมผลอยู่

“แล้วค่าชดเชยทางด้านจิตใจล่ะ?”นัทธีเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นมายืนข้างๆวารุณี

เจ้าหน้าที่ตำรวจคิดอยู่ครู่หนึ่ง“แน่นอนว่าต้องมีค่าชดเชยทางด้านจิตใจ แต่ว่าผมไม่รู้แน่ชัดว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ ซึ่งอันนี้ต้องเป็นไปตามคำตัดสินของศาล”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากค่ะ”วารุณีฝืนยิ้มออกมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเอกสารในมือดู จากนั้นก็พูดกับเธอและนัทธีขึ้น“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เชิญทั้งสองเซ็นชื่อตรงนี้ได้เลย”

นัทธีรับปากกามาเซ็นชื่อตัวเองลงไปตามตำแหน่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้

หลังจากเซ็นเสร็จเขาก็ยื่นปากกาให้วารุณี

วารุณีรับมา เมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากปากกาที่เขาจับอยู่เมื่อกี้ เธอจึงลูบนิ้วมือไปมาเบาๆอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เซ็นชื่อตัวเองลงข้างๆชื่อของนัทธี

นัทธีมองลายมือขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่เขียนต่อกัน อันหนึ่งดูแข็งแรงส่วนอีกอันดูประณีต เขายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้

หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากสถานีตำรวจไป

นัทธีหยิบกุญแจรถออกมา“คุณจะไปไหน ผมไปส่งเอง!”

“ไม่ต้องหรอกค่ะประธานนัทธี ฉันขับรถมาเอง”วารุณีชี้ไปที่รถของเธอ

นัทธีมองไปแล้วขมวดคิ้วขึ้น

รถคุณภาพต่ำแบบนี้ ขับไปจะปลอดภัยหรอ?

วารุณีไม่รู้ว่านัทธีกำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆเธอจึงโค้งตัวให้เขา“ขอบคุณประธานนัทธีที่ช่วยจับตัวคนร้ายให้ ไม่งั้นฉันคงต้องกังวลไปอีกนานเลยค่ะ”

ไม่ว่าจะพูดยังไงทารีนาก็ถูกจับแล้ว ความกังวลในใจเธอก็หายไปหนึ่งเปราะ

ต่อมาคงต้องเป็นคนที่ซ่อนตัวไว้ในที่ลึก คนที่ลักพาตัวลูกของเธอและเผาโกดังของเธอ แค่หาตัวเขาเจอ เธอก็จะหมดกังวลได้อย่างแท้จริง

“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราะผม ผมต่างหากที่ควรจะต้องขอโทษคุณ”นัทธีโบกมือปัด

วารุณียิ้มออกมาจากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรออก ก็เลยยกมือขึ้นมาอังหน้าผากไว้ จากนั้นก็หยิบเช็คและการ์ดสีดำยื่นให้เขา“ประธานนัทธี นี่เป็นเงินที่ฉันเป็นหนี้คุณครั้งก่อน แล้วก็นี่บัตรของคุณ ฉันเอามาคืนคุณตอนนี้แล้วนะคะ”

นัทธีทำหน้าขรึมลงทันที

ถึงแม้จะไม่มีความสุขที่เธอรีบเอาของพวกนี้มาคืนเขา แถมยังอธิบายทุกอย่างให้เขา แต่เขาก็ยังรับบัตรและเช็คมาอยู่ดี

เนื่องจากถ้าไม่รับอาจจะทำให้เธอลำบากใจ

เมื่อเห็นนัทธีเก็บเงินลงไป วารุณีก็ยิ้มร่าออกมา“ประธานนัทธีคะ ถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ!”

พูดจบเธอก็เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปทันที

นัทธีเม้มริมฝีปากบาง หลังจากที่ใช้สายตาส่งเธอขึ้นรถขับออกไป เขาก็ไม่ได้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอีก เขาขับรถกลับไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป อีกเดี๋ยวยังมีงานประชุมที่สำคัญรอเขาไปเป็นประธานอยู่

วารุณีกลับไปที่โรงพยาบาล ทันทีที่เข้าไปก็ถูกปาจรีย์ถามขึ้นทันที“เป็นยังไงบ้าง คนนั้นชื่ออะไร ยอมรับโทษรึเปล่า?”

“ยอมรับโทษแล้ว หล่อนชื่อทารีนา เป็นลูกสาวของตระกูลไวยนพ”วารุณีนั่งลงพลางทุบไหล่ที่รู้สึกปวดนิดๆแล้วตอบออกไป

เมื่อพงศกรได้ยินเธอพูด แสงที่ตกกระทบแว่นเขาเผยให้เห็นนัยน์ตาของเขาที่ฉายแววว่ามันเป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

เขาได้แต่คิดว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นอยู่เงียบๆแล้วถึงโดนจับได้ เดิมคนที่ถูกจับก็เป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้นเองสินะ

แต่ว่าทำไมหล่อนถึงต้องออกมาเป็นแพะรับบาปในตอนนี้?

“เป็นหล่อนได้ยังไง?”ปาจรีย์เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ

วารุณีขมวดคิ้วขึ้น“แกรู้จักทารีนาหรอ?”