ตอนที่ 508 หลินเสวี่ยปะทะหลิวหรูหยาน !

แปล Tarhai

“ฉิงเฟิง วันนี้คุณไปที่ไหนมา?” หลินเสวี่ยถามฉิงเฟิงทันทีที่เธอเห็นเขา

เมื่อเช้าเธอคิดจะออกไปทำงานพร้อมกับเขา อย่างไรก็ตาม แม่ของเธอบอกว่าฉิงเฟิงออกไปข้างนอกตั้งแต่ตี 5 และเขาก็ไม่ได้มาทำงานอีกด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะต้องถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้

“อาจารย์ของเจ้านักบวชป่วย ฉันออกไปรักษาให้เขา” ฉิงเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม

หลินเสวี่ยพยักหน้าและไม่ได้ถามคำถามเพิ่ม เธอเคยพบกับนักบวชมาก่อน เขาคือน้องชายของฉิงเฟิง

ทั้งสองคนเดินไปที่ลานจอดรถและออกจากบริษัทด้วย BMW

“เดี๋ยวก่อนฉิงเฟิง แวะซื้อของก่อน” หลินเสวี่ยกล่าว

“คุณจะแวะซื้อของอะไรหรือ ?”

“ซื้อผักน่ะ ไว้ทำอาหารคืนนี้”

“แม่ยายก็อยู่บ้านไม่ใช่หรือ ?”

“คือวันนี้พ่อของชั้นโทรมาหา เขาบอกว่าคุณปู่ป่วยเข้าโรงพยาบาลเลยขอให้คุณแม่กลับไปดูแลท่าน” หลินเสวี่ยกล่าว

หลินเสวี่ยมีปู่อยู่อีกคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีสุขภาพไม่ค่อยดี

ฉิงเฟิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ กล่าวจากใจจริงเขารู้สึกมีความสุขมากที่แม่ยายคอยดูแลพวกเขาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เขาไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดหรือทำอาหารเลย

ในเมื่อตอนนี้แม่ยายกลับไปแล้ว พวกเขาจึงต้องกลับมาทำหน้าที่ตามเดิม

จากนั้นฉิงเฟิงก็ขับรถไปที่ร้านขายของชำ

เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานจึงมีคนทำงานมากมายออกมาช็อบปิ้งกันในร้านขายของชำ

“คุณชอบผักประเภทไหน?” ฉิงเฟิงถามขณะถือตะกร้า

“บล็อกโคลี่กับมะเขือยาวก็แล้วกัน” หลินเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

บล็อกโคลี่เป็นผักชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “ราชาแห่งผัก” ถึงแม้ว่ามันจะมีราคาแพงกว่าผักชนิดอื่น ๆ แต่มันก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากและสามารถช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งอีกด้วย

ในฐานะแพทย์แผนจีน ฉิงเฟิงมีความรู้เกี่ยวกับด้านโภชนาการด้วยเช่นกัน เขาค่อนข้างชอบบล็อกโคลี่มาก

นอกจากบล็อกโคลี่และมะเขือยาวแล้วพวกเขายังซื้อเนื้อสัตว์และอาหารทะเล ฉิงเฟิงซื้อหอยเชลล์ปลาหมึกและกุ้ง เขาคิดที่จะทำอาหารประเภทซีฟู้ดในคืนนี้

ทันใดนั้น ฉิงเฟิงก็แข็งค้างและชะงักการเดินเพราะเขาเห็นร่างที่คุ้นเคย

มันเป็นหลิวหรูหยานนั่นเอง เธอกำลังเดินเลือกซื้อผักอยู่เพียงลำพัง

และก็ราวกับว่าพวกเขาทั้งคู่มีการเชื่อมโยงกันทางจิตวิญญาณ ในขณะนั้นเอง จู่ๆหลิวหรูหยานก็เงยหน้าขึ้นและเห็นฉิงเฟิงในทันที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอแสดงออกถึงความสุข เห็นได้ชัดว่าเธอมีความสุขมากที่ได้เห็นหน้าฉิงเฟิง

หลิวหรูหยานยิ้มอย่างมีเสน่ห์และกล่าวว่า “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญนัก คุณมาซื้อของเหรอ ?”

ฉิงเฟิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “อ่า…ใช่ เป็นเรื่องบังเอิญจัง คุณก็มาซื้อของเหมือนกันเหรอ ?”

ฉิงเฟิงรู้สึกอึดอัดมาก เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับหลิวหรูหยานที่ร้านขายของชำ

ความจริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ได้พบกับหลิวหรูหยาน แต่ปัญหาคือหลินเสวี่ยก็อยู่ที่นี่เช่นกัน !

หลิวหรูหยานและหลินเสวี่ยไม่ลงรอยกัน พวกเธอเป็นดั่งน้ำกับไฟและต่อสู้กันไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งในทุกๆครั้งที่พวกเธอพบหน้ากัน

เป็นไปตามที่ฉิงเฟิงคาดไว้ การแสดงออกของหลินเสวี่ยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเธอเห็นหลิวหรูหยาน เธอสงบเรียบร้อยเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นตื่นตัวและหวาดระแวง

“อ้าว นั่นมิสหลิวใช่ไหม ? ไม่ได้เจอกันเสียนาน” หลินเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น

หลิวหรูหยานก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน เธอยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ใช่แล้ว เราไม่ได้เจอกันมานานทีเดียว มิสหลินเสวี่ย ชั้นคิดถึงคุณไม่น้อยเลย”

บ้าชิบ ! พวกเธอหยุดสู้กันสักครั้งไม่ได้หรือไง ?

ฉิงเฟิงมองไปมองมาที่พวกเธอทั้งสองคนและพูดไม่ออก บรรยากาศตึงเครียดอย่างหนักระหว่างพวกเธอทั้งสอง เหมือนกับว่าพวกเธอพยายามจะฆ่ากันให้ตายด้วยกันจ้องหน้า

พูดจากใจจริง ฉิงเฟิงก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีกับผู้หญิงสองคนนี้ หลินเสวี่ยเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของเขา ขณะที่หลิวหรูหยานก็เป็นผู้หญิงของเขา ความสัมพันธ์มันช่างซับซ้อนจนยากจะแก้ไขและทำให้เขาปวดหัว

ฉิงเฟิงคิดไว้ว่าต้องไม่ให้พวกเธอได้เจอหน้ากัน ถ้าพวกเธอไม่พบกันก็จะไม่มีปัญหาและความอึดอัดใดๆเกิดขึ้น

แต่ทว่า เมืองทะเลตะวันออกก็ไม่ได้ใหญ่มาก มิหนำซ้ำหลินเสวี่ยและหลิวหรูหยานก็ยังอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน วิลล่าของพวกเธอก็ยังติดกันอีก เป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะไม่ได้เจอกัน ดูสิ แค่พวกเธอได้พบกันที่ร้านขายของชำแว๊บเดียวก็เริ่มตีกันด้วยสายตาเสียแล้ว

“มิสหลิว, คุณไม่ใช่สาวๆแล้วนะคะ คุณหาแฟนหน่อยจะดีกว่าไหม ?” หลินเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในฐานะราชินีแห่งวงการธุรกิจของเมืองทะเลตะวันออก หลินเสวี่ยใช้คำพูดได้ยอดเยี่ยมมาก คำพูดของเธอเป็นเหมือนหมัดหนักๆที่กระทุ้งใส่หัวใจของหลิวหรูหยาน

การแสดงออกของหลิวหรูยานเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินเสวี่ย เธอกล่าวว่า “เฮ้อ…. ชั้นไม่สวย ไม่มีใครชอบชั้นหรอก”

น้ำเสียงของเธอดูขมขื่นและเธอก็แอบเหล่มองฉิงเฟิงอย่างประชดประชัน

หลินเสวี่ยได้เห็นภาพรวมทั้งหมดจากกิริยาของหลิวหรูหยาน ความไม่พอใจของเธอเพิ่มมากขึ้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่หลินเสวี่ยจะมีอคติต่อหลิวหรูหยาน มันเกิดจากความกลัว ความกลัวที่ว่าสักวันหนึ่งหลิวหรูหยานจะขโมยหลี่ฉิงเฟิงไปจากเธอ

“มิสหลิวคะ, คุณงดงามขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงกันที่จะไม่มีใครชอบคุณ ? ชั้นรู้จักผู้ชายหล่อๆและมั่งคั่งหลายคน ให้ชั้นแนะนำให้คุณสักคนดีไหมคะ ?” หลินเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

ใบหน้าของหลิวหรูหยานสว่างวาบขึ้นด้วยความสุขเมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินเสวี่ย เธอกล่าวว่า

“มิสหลิน! คุณนี่ยอดไปเลย ! งั้นคืนนี้ชั้นขอไปเยี่ยมบ้านคุณเพื่อปรึกษาเรื่องผู้ชายหน่อยดีไหม ? คุณจะได้แนะนำแฟนหนุ่มให้ชั้นสักคน”

อะไรนะ !?

หลินเสวี่ยรู้สึกสับสน เธอแค่เพียงพูดแบบขำๆออกแนวประชดว่าจะแนะนำผู้ชายหล่อๆให้หลิวหรูหยานเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม หลิวหรูหยานไม่เพียงแค่ตอบตกลง แต่เธอยังจะขอเข้าบ้านของเธออีกด้วย ?

นี่มันคือการล่อหมาป่าเข้าบ้าน ?

ทันใดนั้นหลินเสวี่ยก็คิดถึงคำพูดนี้ขึ้นได้ เธอไม่ควรจะพูดออกมาเลยว่าเธอจะแนะนำผู้ชายให้แก่หลิวหรูหยาน หลิวหรูหยานจึงใช้คำพูดของเธอมาเป็นข้ออ้างขอเข้าบ้านไปโดยปริยาย แล้วเธอควรจะทำอย่างไรดี ?

หลินเสวี่ยรู้สึกปวดหัว เธอต้องการจะบอกว่า ‘ไม่’ แต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เธอรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อคำพูดของเธอ และรู้สึกว่าเธอชักนำเภทภัยเข้าหาตัวเอง

ประกายแห่งความเจ้าเล่ห์ปรากฏในดวงตาของหลิวหรูหยาน เธอคิดในใจว่า

“หึหึ หลินเสวี่ย เธอช่างโง่งมนัก เธอต้องการให้ชั้นไปหาผู้ชาย แต่ขอโทษทีนะ ผู้ชายที่ชั้นต้องการคือหลี่ฉิงเฟิงคนเดียวเท่านั้น !“

“มิสหลิน คุณรังเกียจชั้นเหรอคะถึงลังเลไม่ยอมให้ชั้นไปเที่ยวที่วิลล่าของคุณ ?”

หลิวหรูหยานแกล้งทำเป็นน้อยใจ

หลินเสวี่ยรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย เธอจึงจำใจกล่าวว่า “บ้าสิ มิสหลิว ชั้นจะไปรังเกียจคุณได้ยังไงกัน ? ยังไงซะบริษัทของพวกเราก็ยังทำงานร่วมกันอยู่”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นคืนนี้ชั้นจะไปทานอาหารค่ำที่วิลล่าของคุณนะคะ !”

หลิวหรูหยานกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

ถึงแม้หลินเสวี่ยจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอหลิวหรูหยานได้ ถ้าเธอตอบว่า ‘ไม่’ มันจะดูเหมือนกับว่าเธอกำลังกลัวหลิวหรูหยาน

“ก็ได้ คืนนี้คุณมาทานอาหารค่ำที่วิลล่าของชั้นก็แล้วกัน” หลินเสวี่ยกล่าวอย่างมืดมน